เราทำงานอยู่หนองคาย มีเพื่อนฝากซื้อกาแฟดาวพรีเมี่ยม (สีน้ำเงิน) ไปตามหาที่ท่าเสด็จและ Duty free หนองคายไม่มี พาสปอตเราก็ไม่มีเช่นกัน เลยเกิดภารกิจไปเวียงจันทน์แบบขำๆนี้ขึ้นมา
สรุปการเดินทางไปเวียงจันทน์ โดยใช้บัตรผ่านแดนชั่วคราวคร่าวๆ ดังนี้ (รายละเอียดด้านล่างนะคะ)
1. ทำบัตรผ่านแดนชั่วคราว ณ สำนักงานออกหนังสือผ่านแดน ข้างๆเทศบาลหนองคาย (ห่างจากด่านพรมแดนหนองคาย 3.5 กม.) ค่าบัตร 30 บาท ต้องทำก๊อปปี้ 2 ใบ (ใช้ทั้งหมด 3 ใบ รวมต้นฉบับ ร้านถ่ายเอกสารอยู่ฝั่งตรงข้ามสนง.) หากใครไม่มีรถส่วนตัว หน้าด่านมีร้านรับทำ ราคา 100 บาท
2. ค่ารถโดยสารข้ามสะพานจากไทยไปลาว 15 บาท
3. ค่าเข้าเวียงจันทน์ (บัตร one way ticket) เข้าโดยบัตรผ่านแดน 45 บาท (พาสปอตไทย 5 บาท)
4. ค่ารถโดยสารข้ามสะพานจากลาวกลับไทย 20 บาท
รวมค่าใช้จ่าย 114 บาท
เตือนเพื่อนๆระวังจุดต่างๆ ดังนี้ค่ะ (จากประสบการณ์ส่วนตัวนะคะ)
1. ตั้งแต่ทางเข้าด่านพรมแดนหนองคาย จะมีทั้งคนไทยและคนลาวเสนอขายทัวร์/บริการเหมารถต่างๆ เขาบอกเหมารถตู้เที่ยวเวียงจันทน์ 1 วัน 800 บาท ซึ่งอาจเป็นราคาปกติ(แหละมั้ง) แต่วิธีการเข้าหาและพูดจาทำให้รู้สึกไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่ พอเราบอกว่าจะไปแค่ Duty free ไปซื้อของแค่นั้น เขาก็เลิกยุ่ง ไม่ได้ตื้ออะไร
2. จุดรอรถจะข้ามไปลาว (หลังผ่านตม.ไทย) เจอผู้ชายคนนึงมาคุยถามจะไปเที่ยวหรอ พอเราบอกจะไปแค่ Duty free เขาบอกว่าตึก Duty free ปิดปรับปรุง ไม่มีของขายแล้ว (เหมือนจะโน้มน้าวให้เราใช้บริการเขาพาไปเที่ยวแทน) เลยเดินไปถามพนง.เก็บตั๋วรถคนไทย เขาบอกว่าตึกปิดปรับปรุงจริง แต่เขาย้ายไปขายตึกข้างๆ พอผู้ชายคนนั้นเห็นเราเดินไปถามจนท.และได้รับคำตอบแบบนี้ เขาก็ตีตัวออกห่างไปเลย (จกตากันฮ้ายดอก เห็นว่ากะดาย = โกหกกันเกินไปแล้วค่ะคุณขา)
3. จุดลงรถที่ด่านฝั่งลาว ก็จะมีคนกรูเข้าหา ตามประสาผู้ให้บริการทั่วไป แต่พอเราบอกว่ามาแค่ Duty free ก็จบ ไม่ได้ตามอะไร แต่ระหว่างต่อแถวเข้าด่าน มีลุงคนไทย (ที่มีภรรยาเป็นคนลาว เดินทางข้ามแดนบ่อย) เตือนว่าให้ระวังกระเป๋าและข้าวของดีๆ ขโมยเยอะ แต่ส่วนใหญ่ไม่ใช่คนลาวหรอก เป็นคนประเทศเพื่อนบ้านมากกว่าว่างั้น
4. ร้านค้าในตลาดที่อยู่นอก Duty free (ทั้งในอาคารและนอกอาคาร) ตอนเราถามราคา ตอนแรกบอกราคานึง พอไม่เอา เดินออก บอกราคาลดให้เกือบครึ่ง เช่น กระเป๋าบอกใบ 800 บาท เดินออกมา 2 ก้าว บอก 500 เดินออกมาอีกนิด บอกลดให้อีกก็ได้ จะเอาเท่าไหร่ คงเป็นกลยุทธ์ของเขาเพราะเป็นทุกร้าน สนใจอะไร ต่อไปเลยครึ่งนึง ถ้าไม่ได้ ลองเดินออกมาก่อน สุดท้ายอาจจะได้มากกว่าที่ต่อไว้ก็ได้ ฮาาา
เข้ารายละเอียดแต่ละจุด ดังนี้ค่ะ
จุดที่ 1 สำนักงานออกหนังสือผ่านแดน ผ่านแยกประตูพญานาคมา เจอวงเวียนเลี้ยวขวามานิดนึง ถึงแล้วค่ะ มีที่จอดรถด้านข้าง ค่อนข้างกว้างเลยทีเดียว
เข้ามาด้านใน มี 2 ฝั่ง พอเรากดบัตรคิวปุ๊บ โดนเรียกปั๊บ เพราะเราไปวันพุธ ตอนเที่ยง โล่งเชียว ใช้แค่บัตรประชาชน เขาสแกนบัตร ใช้รูปในฐานข้อมูลตามบัตรประชาชนเราเลย ใช้เวลาไม่ถึง 10 วิ เสร็จ เลิศมาก
เปิดบริการทุกวัน ไม่หยุดพักเที่ยงด้วยค่ะ
ได้บัตรแล้ว เซ็นชื่อ นำไปก๊อปปี้ร้านถ่ายเอกสารฝั่งตรงข้ามที่จอดรถ (ก๊อปปี้ 2 ฉบับนะ แต่เราถามจนท.ที่ออกบัตรให้ เขาบอกใช้ก๊อปปี้แค่ใบเดียว เราเลยถ่ายใบเดียว และได้ไปถ่ายอีกใบที่ฝั่งลาวแทน ทั้งนี้ อาจเป็นการสื่อสารที่ผิดพลาด จนท.อาจหมายถึงใช้ที่ฝั่งไทยแค่ใบเดียวมั้งคะ)
จุดที่ 2 ด่านพรมแดนหนองคาย (ตม. + จุดขึ้นรถ)
เราจอดรถไว้ข้างทางหน้าประตูด่าน (มีร้านรับฝากรถฝั่งซ้ายมือคืนละ 100 บาท)
เดินเข้าด่าน ตามทางไปอาคารผู้โดยสารขาออก ด้านในมีช่องสำหรับผู้มีพาสปอตและช่องสำหรับผู้ใช้บัตรผ่านแดนแยกเฉพาะ (ขวาสุด)
ผ่านตม.ออกมา มีจุดขายตั๋วรถโดยสารข้ามสะพานไปลาวอยู่ขวามือ ข้างม่านทางออกเลย มีที่นั่งรอรถ มีห้องน้ำ แนะนำให้เข้าให้เรียบร้อย (ไม่เสียค่าเข้า) เพราะห้องน้ำที่ด่านฝั่งลาว เสียค่าเข้า 1000 กีบ (5 บาท)
พอเราจะเดินไปขึ้นรถ จนท.เก็บตั๋วก็แนะนำดี บอกรถเต็มแล้ว รอคันใหม่ไหม หรือถ้ารีบไปคันนี้ ก็ต้องยืน เราไม่รีบ เลยรอ สัก 5 นาที คันใหม่ก็มา แต่ใช่ว่าขึ้นไปตอนรถโล่งๆจะได้นั่งนะจ๊ะ เพราะมีการการวางข้าวของจองที่นั่งด้วยจ้าาา (งงมาก ไปจองกันตอนไหน 55)
จุดที่ 3 ด่านพรมแดนเวียงจันทน์ (ตม.)
นั่งแป๊บเดียว ถึงแล้วจ้าาา ด่านพรมแดนเวียงจันทน์
ไปถึงก็ซื้อบัตรเข้าลาว เป็นการ์ดเสียบเข้าตู้ไปเลย ต้องเก็บบิลไว้ เพื่อแสดงขอบัตรนี้อีกครั้ง ตอนขาออก
เพราะเราก๊อปปี้บัตรผ่านแดนฯ มาไม่ครบ เลยต้องไปถ่ายเอกสารเพิ่ม (อยู่กลางเลนถนนนั้นเลย ค่าถ่ายใบละ 5 บาท)
จุดที่ 4 Haven duty free + Dao cafe + ตลาดขายของ
เสียบบัตรเข้าลาวแล้ว เดินตรงออกมา Haven duty free อยู่ทางซ้ายมือ และตึกด้านหลังคือตลาดขายของ
เดินเข้ามาด้านหลังสุดของ Haven duty free เป็นโซนขายกาแฟดาวและมีคาเฟ่ข้างๆ (เขาห้ามถ่ายรูปใน Duty free อ่ะ เลยถ่ายมาได้แค่นี้)
เมนูและราคาตามนี้ค่ะ
เราสั่งลาเต้เย็น 90 บาทและช๊อคโกแลต เอสเปรสโซเย็น 100 บาท (กาแฟสด ไม่หวานมาก)
ออกจากดาวคาเฟ่ เลาะไปดูของที่ตลาดในอาคาร เปิด 08.30 - 18.00 น.
จุดที่ 5 ร้านขายข้าวจี่ + จุดขึ้นรถกลับไทย
เสร็จภารกิจ ก่อนกลับ เดินสวนกับชาวต่างชาติหิ้วบาแก็ตสอดใส้มา (ภาษาลาวเรียกข้าวจี่ปาเต้) อยากกินบ้าง เดินตามหาไม่เจอ สุดท้ายไปถามจนท. พบร้านอยู่ฝั่งทางออก ตึกสีส้มนั้น
ได้มา 1 ถุง (2 ชิ้น) ถุงละ 60 บาท
กลับมาซื้อตั๋วรถโดยสารกลับไทย ฝั่งนี้ขาย 20 บาท
มีที่นั่งรอรถเหมือนกัน แต่จนท.ไม่ได้แจ้งรถเต็ม เราก็เดินไปขึ้นและยืนข้ามฝั่งกลับ ชิวๆ
เสร็จสิ้นภารกิจตามหากาแฟดาวพรีเมี่ยม ภายใน 3 ชม. 555+ ราคาใน Duty free ดังนี้
สีเหลือง สีเขียว แพ็คละ 95 บาท/ สีม่วง (ลาเต้ไม่หวาน 20 ซอง) 120 บาท/สีน้ำเงิน (พรีเมี่ยม 30 ซอง) 130 บาท
กลับมากินข้าวจี่ อร่อยนัวดี แบบไม่ต้องใส่ซอสเลย
มีใครอยากสนใจกาแฟดาวพรีเมี่ยมไหม ครั้งหน้าเรามีพาสปอตละ จะคิดค่าหิ้วไม่แพง 55555555555
ภารกิจตามหากาแฟดาวพรีเมี่ยม ณ Duty free ลาว โดยใช้บัตรผ่านแดนชั่วคราวไปเวียงจันทน์ (พ.ย. 2561)
สรุปการเดินทางไปเวียงจันทน์ โดยใช้บัตรผ่านแดนชั่วคราวคร่าวๆ ดังนี้ (รายละเอียดด้านล่างนะคะ)
1. ทำบัตรผ่านแดนชั่วคราว ณ สำนักงานออกหนังสือผ่านแดน ข้างๆเทศบาลหนองคาย (ห่างจากด่านพรมแดนหนองคาย 3.5 กม.) ค่าบัตร 30 บาท ต้องทำก๊อปปี้ 2 ใบ (ใช้ทั้งหมด 3 ใบ รวมต้นฉบับ ร้านถ่ายเอกสารอยู่ฝั่งตรงข้ามสนง.) หากใครไม่มีรถส่วนตัว หน้าด่านมีร้านรับทำ ราคา 100 บาท
2. ค่ารถโดยสารข้ามสะพานจากไทยไปลาว 15 บาท
3. ค่าเข้าเวียงจันทน์ (บัตร one way ticket) เข้าโดยบัตรผ่านแดน 45 บาท (พาสปอตไทย 5 บาท)
4. ค่ารถโดยสารข้ามสะพานจากลาวกลับไทย 20 บาท
รวมค่าใช้จ่าย 114 บาท
เตือนเพื่อนๆระวังจุดต่างๆ ดังนี้ค่ะ (จากประสบการณ์ส่วนตัวนะคะ)
1. ตั้งแต่ทางเข้าด่านพรมแดนหนองคาย จะมีทั้งคนไทยและคนลาวเสนอขายทัวร์/บริการเหมารถต่างๆ เขาบอกเหมารถตู้เที่ยวเวียงจันทน์ 1 วัน 800 บาท ซึ่งอาจเป็นราคาปกติ(แหละมั้ง) แต่วิธีการเข้าหาและพูดจาทำให้รู้สึกไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่ พอเราบอกว่าจะไปแค่ Duty free ไปซื้อของแค่นั้น เขาก็เลิกยุ่ง ไม่ได้ตื้ออะไร
2. จุดรอรถจะข้ามไปลาว (หลังผ่านตม.ไทย) เจอผู้ชายคนนึงมาคุยถามจะไปเที่ยวหรอ พอเราบอกจะไปแค่ Duty free เขาบอกว่าตึก Duty free ปิดปรับปรุง ไม่มีของขายแล้ว (เหมือนจะโน้มน้าวให้เราใช้บริการเขาพาไปเที่ยวแทน) เลยเดินไปถามพนง.เก็บตั๋วรถคนไทย เขาบอกว่าตึกปิดปรับปรุงจริง แต่เขาย้ายไปขายตึกข้างๆ พอผู้ชายคนนั้นเห็นเราเดินไปถามจนท.และได้รับคำตอบแบบนี้ เขาก็ตีตัวออกห่างไปเลย (จกตากันฮ้ายดอก เห็นว่ากะดาย = โกหกกันเกินไปแล้วค่ะคุณขา)
3. จุดลงรถที่ด่านฝั่งลาว ก็จะมีคนกรูเข้าหา ตามประสาผู้ให้บริการทั่วไป แต่พอเราบอกว่ามาแค่ Duty free ก็จบ ไม่ได้ตามอะไร แต่ระหว่างต่อแถวเข้าด่าน มีลุงคนไทย (ที่มีภรรยาเป็นคนลาว เดินทางข้ามแดนบ่อย) เตือนว่าให้ระวังกระเป๋าและข้าวของดีๆ ขโมยเยอะ แต่ส่วนใหญ่ไม่ใช่คนลาวหรอก เป็นคนประเทศเพื่อนบ้านมากกว่าว่างั้น
4. ร้านค้าในตลาดที่อยู่นอก Duty free (ทั้งในอาคารและนอกอาคาร) ตอนเราถามราคา ตอนแรกบอกราคานึง พอไม่เอา เดินออก บอกราคาลดให้เกือบครึ่ง เช่น กระเป๋าบอกใบ 800 บาท เดินออกมา 2 ก้าว บอก 500 เดินออกมาอีกนิด บอกลดให้อีกก็ได้ จะเอาเท่าไหร่ คงเป็นกลยุทธ์ของเขาเพราะเป็นทุกร้าน สนใจอะไร ต่อไปเลยครึ่งนึง ถ้าไม่ได้ ลองเดินออกมาก่อน สุดท้ายอาจจะได้มากกว่าที่ต่อไว้ก็ได้ ฮาาา
เข้ารายละเอียดแต่ละจุด ดังนี้ค่ะ
จุดที่ 1 สำนักงานออกหนังสือผ่านแดน ผ่านแยกประตูพญานาคมา เจอวงเวียนเลี้ยวขวามานิดนึง ถึงแล้วค่ะ มีที่จอดรถด้านข้าง ค่อนข้างกว้างเลยทีเดียว
เข้ามาด้านใน มี 2 ฝั่ง พอเรากดบัตรคิวปุ๊บ โดนเรียกปั๊บ เพราะเราไปวันพุธ ตอนเที่ยง โล่งเชียว ใช้แค่บัตรประชาชน เขาสแกนบัตร ใช้รูปในฐานข้อมูลตามบัตรประชาชนเราเลย ใช้เวลาไม่ถึง 10 วิ เสร็จ เลิศมาก
เปิดบริการทุกวัน ไม่หยุดพักเที่ยงด้วยค่ะ
ได้บัตรแล้ว เซ็นชื่อ นำไปก๊อปปี้ร้านถ่ายเอกสารฝั่งตรงข้ามที่จอดรถ (ก๊อปปี้ 2 ฉบับนะ แต่เราถามจนท.ที่ออกบัตรให้ เขาบอกใช้ก๊อปปี้แค่ใบเดียว เราเลยถ่ายใบเดียว และได้ไปถ่ายอีกใบที่ฝั่งลาวแทน ทั้งนี้ อาจเป็นการสื่อสารที่ผิดพลาด จนท.อาจหมายถึงใช้ที่ฝั่งไทยแค่ใบเดียวมั้งคะ)
จุดที่ 2 ด่านพรมแดนหนองคาย (ตม. + จุดขึ้นรถ)
เราจอดรถไว้ข้างทางหน้าประตูด่าน (มีร้านรับฝากรถฝั่งซ้ายมือคืนละ 100 บาท)
เดินเข้าด่าน ตามทางไปอาคารผู้โดยสารขาออก ด้านในมีช่องสำหรับผู้มีพาสปอตและช่องสำหรับผู้ใช้บัตรผ่านแดนแยกเฉพาะ (ขวาสุด)
ผ่านตม.ออกมา มีจุดขายตั๋วรถโดยสารข้ามสะพานไปลาวอยู่ขวามือ ข้างม่านทางออกเลย มีที่นั่งรอรถ มีห้องน้ำ แนะนำให้เข้าให้เรียบร้อย (ไม่เสียค่าเข้า) เพราะห้องน้ำที่ด่านฝั่งลาว เสียค่าเข้า 1000 กีบ (5 บาท)
พอเราจะเดินไปขึ้นรถ จนท.เก็บตั๋วก็แนะนำดี บอกรถเต็มแล้ว รอคันใหม่ไหม หรือถ้ารีบไปคันนี้ ก็ต้องยืน เราไม่รีบ เลยรอ สัก 5 นาที คันใหม่ก็มา แต่ใช่ว่าขึ้นไปตอนรถโล่งๆจะได้นั่งนะจ๊ะ เพราะมีการการวางข้าวของจองที่นั่งด้วยจ้าาา (งงมาก ไปจองกันตอนไหน 55)
จุดที่ 3 ด่านพรมแดนเวียงจันทน์ (ตม.)
นั่งแป๊บเดียว ถึงแล้วจ้าาา ด่านพรมแดนเวียงจันทน์
ไปถึงก็ซื้อบัตรเข้าลาว เป็นการ์ดเสียบเข้าตู้ไปเลย ต้องเก็บบิลไว้ เพื่อแสดงขอบัตรนี้อีกครั้ง ตอนขาออก
เพราะเราก๊อปปี้บัตรผ่านแดนฯ มาไม่ครบ เลยต้องไปถ่ายเอกสารเพิ่ม (อยู่กลางเลนถนนนั้นเลย ค่าถ่ายใบละ 5 บาท)
จุดที่ 4 Haven duty free + Dao cafe + ตลาดขายของ
เสียบบัตรเข้าลาวแล้ว เดินตรงออกมา Haven duty free อยู่ทางซ้ายมือ และตึกด้านหลังคือตลาดขายของ
เดินเข้ามาด้านหลังสุดของ Haven duty free เป็นโซนขายกาแฟดาวและมีคาเฟ่ข้างๆ (เขาห้ามถ่ายรูปใน Duty free อ่ะ เลยถ่ายมาได้แค่นี้)
เมนูและราคาตามนี้ค่ะ
เราสั่งลาเต้เย็น 90 บาทและช๊อคโกแลต เอสเปรสโซเย็น 100 บาท (กาแฟสด ไม่หวานมาก)
ออกจากดาวคาเฟ่ เลาะไปดูของที่ตลาดในอาคาร เปิด 08.30 - 18.00 น.
จุดที่ 5 ร้านขายข้าวจี่ + จุดขึ้นรถกลับไทย
เสร็จภารกิจ ก่อนกลับ เดินสวนกับชาวต่างชาติหิ้วบาแก็ตสอดใส้มา (ภาษาลาวเรียกข้าวจี่ปาเต้) อยากกินบ้าง เดินตามหาไม่เจอ สุดท้ายไปถามจนท. พบร้านอยู่ฝั่งทางออก ตึกสีส้มนั้น
ได้มา 1 ถุง (2 ชิ้น) ถุงละ 60 บาท
กลับมาซื้อตั๋วรถโดยสารกลับไทย ฝั่งนี้ขาย 20 บาท
มีที่นั่งรอรถเหมือนกัน แต่จนท.ไม่ได้แจ้งรถเต็ม เราก็เดินไปขึ้นและยืนข้ามฝั่งกลับ ชิวๆ
เสร็จสิ้นภารกิจตามหากาแฟดาวพรีเมี่ยม ภายใน 3 ชม. 555+ ราคาใน Duty free ดังนี้
สีเหลือง สีเขียว แพ็คละ 95 บาท/ สีม่วง (ลาเต้ไม่หวาน 20 ซอง) 120 บาท/สีน้ำเงิน (พรีเมี่ยม 30 ซอง) 130 บาท
กลับมากินข้าวจี่ อร่อยนัวดี แบบไม่ต้องใส่ซอสเลย
มีใครอยากสนใจกาแฟดาวพรีเมี่ยมไหม ครั้งหน้าเรามีพาสปอตละ จะคิดค่าหิ้วไม่แพง 55555555555