เหยียดคนเอเชีย // การ pr ที่ล้มเหลว // มาอัพเดทข่าว D&G ที่เซี่ยงไฮ้กันนน

เราเป็นคนนึงที่ตามข่าวนี้ตั้งแต่ต้นๆ
เพราะ D&G เองก็เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เราไม่ปลื้มเท่าไหร่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
สำหรับคนที่ไม่ได้เสพข่าวแฟชั่นเราอยากจะเกริ่นให้ฟังคร่าวๆถึงแบ็คกราวแบรนด์นี้สักหน่อย

D & G มาจาก Dolce and Gabbana ดอลเช่ แอนด์ แกบบาน่า
ซึ่งชื่อของแบรนด์ก้อมาจากสกุลของ founder/ceo/designer สองคนมารวมกัน
โดมินิโก้ ดอลเช่ กับ สเตฟาโน่ แกบบาน่า

ทีนี้แบรนด์ใหญ่ๆส่วนมาก มักจะมีบริษัทแม่เป็นเจ้าของอีกที
หลักๆสองเจ้าก็คือ LVMH หรือ หลุยส์ วิตตอง โมเอตต์ เฮนเนซซี่ ที่มีท้อปๆเช่น Dior, Marc Jacobs, Fendi
และ Kering ที่มี Gucci, McQueen, Saint Laurent เป็นต้น

ก่อนอื่นต้องบอกว่า คือการที่แบรนด์ใหญ่มาซื้อแบรนด์อื่นแล้วรวบเข้าเป็นบริษัทเดียวกันเป็นเรื่องปกตินะคะ
เพราะบางแบรนด์ก็ไม่ได้ทำรายได้ดีเท่ากับที่จ่ายไป ฉะนั้นการมีคนมาซื้อก็คือการมาซัพพอร์ตแบรนด์ด้วยเงินทุนให้ยังไปได้นั่นแหละ
โดยแบรนด์นั้นๆก็ยังจะเป็นแบรนด์นั้นๆอยู่ ดีไซเนอร์ไม่ได้ถูกเปลี่ยน ไม่มีการเอา โลโก้ หรือ แบรนด์คาแรคเตอร์ของสองสามแบรนด์มาปั่นรวมกันหรอกค่ะ

อย่างตอนที่ Michael Kors ซื้อ Versace แล้วกลายเป็นกระแสกึ่งต่อต้านอยู่ช่วงนึงนั้น จริงๆก็เป็นเรื่องปกติเอามากๆ
แต่ถ้าคนที่ไม่เคยรู้มาก่อนก็อาจจะเข้าใจผิด และรู้สึกต่อต้านขึ้นมา

ทีนี้วกกลับมา D&G เนาะ
ตัว D&G นั้นเป็นศิลปินเดี่ยวจ้า ไม่อยู่ในลิสต์แบรนด์ Haute Couture จึงไม่ได้จัดโชว์พร้อม Chanel, LV, Gucci ฯลฯ
D&G มีโชว์เป็นของตัวเองเรียกว่า Alta Moda ทีทุกปีก็จะจัดตามเมืองใหญ่ๆที่จะ influence สื่อ กระแส เทรนด์ ได้
โดยปีนี้เลือกจัดที่ เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีนนั่นเอง

งานนี้คืองานใหญ่ที่มีนางแบบ/นายแบบจากเอเจนซี่ทั่วโลก ทั้ง local และ international กว่า 300++ คน
ซึ่งนี่ไม่รวมนางแบบ/นายแบบ VIP ที่มีทั้ง ดารา นักร้อง บล็อกเกอร์ชื่อดัง ซุปเปอร์โมเดล แฟชั่นไอคอน และอื่นๆ
เวทีคือมหึมาทั้งแสง สี เสียง เอฟเฟกต์ นางแบบ/นายแบบจะเดินไปพร้อมกับนักเต้นชาวจีนอีกหลายคนเป็นพร็อพประกอบ
ไหนจะมีเชิดมังกร ไหนจะมีเอฟเฟต์พ่นไฟ สรุปง่ายๆว่านี่คืองานที่ทุ่มเงินถุงเงินถังให้เกิดขึ้นแบบสุดๆ

ซึ่งพอไกล้จะวันงาน ก็มีการปล่อย ads เพื่อโปรโมตงานนี้โดยเริ่มจากทาง โซเชียล มีเดีย
ซึ่งนั่นแหละ คือจุดเริ่มต้น หลังจากถูกปล่อยลง weibo / twitter / instagram
ก็เริ่มมีกระแสขึ้น ในเรื่องของประเด็นการเหยียดเชื้อชาติ

ในส่วนตัวแล้ว เราเข้าใจทั้งสองฝ่ายนะ

ทั้งฝ่ายแบรนด์ ที่เป็นการตีความคนจีนตามประสาของคนผิวขาวที่อีโก้สูง หยิ่ง และมองอะไรด้วยสายตาแบบตื้นเขินสุดๆ
คือเราไม่ได้เห็นด้วยกับเค้านะ ส่วนตัวหลังจากดู ads ครั้งแรกนั้น เราไม่ชอบ แต่ไม่ได้ถึงกับ very offensive แค่รู้สึกว่านี่มันรสนิยมแย่ชะมัด

ในขณะเดียวกันก็เข้าใจ (และเห็นด้วย) ที่คนจีนจะโกรธแบรนด์นี้แบบสุดๆ เพราะนี่คือการโชว์ความรู้สึกที่แบรนด์ๆนี้มองมาที่ประเทศจีนอย่างชัดเจน ซึ่งความรู้สึกที่ว่านั่นก็ไม่ได้น่าประทับใจเท่าไหร่ในฐานะผู้ถูกมอง
เพราะมันคือการ stereotype คนเอเชียแบบขอไปทีแบบสุดๆ
ทั้งชุด ทั้งเพลง แล้วไหนจะการกินพิซซ่า สปาเกตตี้ และ คาโนลี่ ด้วยตะเกียบ เสมือนไม่เคยได้รับรู้วัฒนธรรมตะวันตกมาก่อน ไม่เข้าใจว่าอาหารฝรั่งกินยังไง ภาพลักษณ์ดูไม่ฉลาดและหลังเขาเอามากๆ

ซึ่งเอาจริงๆ ฝั่งตะวันตกนั้นเวลานึกถึงเอเชีย เค้าจะนึกถึงความ โอเรียนทอล วัฒนธรรมเก่าแก่ สิ่งต่างๆที่มาจากอดีต
แต่ประเทศที่แม้จะมีวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์มายางนานอย่าง จีน ญี่ปุ่น หรือ เกาหลี เค้าก็อยากจะให้ชาวต่างชาติตระหนักถึงความ โมเดิร์น เช่นกัน
ว่าประเทศเจริญก้าวหน้าขนาดไหน เมือง ตึก ผู้คน เทคโนโลยี ธุรกิจ และอื่นๆ

ซึ่งจีนนี่แหละ ที่เป็นประเทศมหาอำนาจอีกหนึ่งประเทศ ด้วยขนาดและจำนวนประชากร โดยในอดีตจีนก็โชว์ศักยภาพมาตลอด
เพราะฉะนั้นการที่ไม่คิดจะเข้าใจในเรื่องนี้ แล้วทำโฆษณานั้นออกมา ก็เท่ากับการตบหน้าคนทั้งประเทศเลยล่ะ

แล้วอะไรๆมันยิ่งหนักข้อเมื่อมีภาพหลุด แชท ของ สเตฟาโน กับ โมเดลลูกครึ่งเอเชียคนนึง ที่ DM เข้าไปหาเรื่อง ads
โดยในแชท สเตฟาโน มีการใช้อีโมจิรูปอึในการเรียกประเทศจีน และเรียกคนจีนว่าพวกกินหมา (dog eaters)

นั่นแหละที่ทำให้เรื่องมันพีค

ส่วนตัวถ้าไม่ใช่ สเตฟาโน เราอาจจะสงสัยนิดๆว่าแชทจริงหรือเปล่า เพราะเนื้อหามันดูสุดโต่งจนน่าสงสัย

แต่!!!!!!!!!!!!
เพราะเป็น สเตฟาโน แกบบาน่า เราเลยค่อนข้างมั่นใจว่าตัวจริงเสียงจริงแน่นอน

อย่างที่บอกไปข้างต้น ว่าเราไม่ปลื้มแบรนด์นี้เป็นทุนเดิม เพราะ สเตฟาโน เองสร้างข่าวฉาวมาหลายรอบแล้ว
มีทั้งที่เราโกรธมาก โกรธน้อย และเฉยๆโนสนโนแคร์เพราะเหม็นเบื่อ แต่ท็อปๆก็จะมี
- เคยให้สัมภาษณ์ในนิตยสารและพูดถึงเด็กที่เกิดจากหลอดแก้วว่า synthetic children from a sperm catalog หรือเด็กสังเคราะห์(พลาสติก)ที่เกิดจากแคตตาล็อกของอสุจิ
- ให้สัมภาณ์ต่อต้านการแต่งงานของคู่รักร่วมเพศ (สเตฟาโน กับ โดมินิโก้เป็นคู่เกย์ที่เคร่งในศาสนา และไม่เชื่อเรื่องการแต่งงานของเพศเดียวกัน)
- เป็นหนึ่งในไม่กี่แบรนด์ที่ส่งชุดให้ เมลาเนีย ภรรยาของทรัมป์ใส่ ในขณะที่แบรนด์อื่นปฏิเสธเนื่องจากไม่สนับสนุนทรัมป์
- โพสต์รูป เซเลน่า โกเมซ ลงโซเชี่ยลมีเดียส่วนตัวแล้วแคปชั่นว่า ผู้หญิงอัปลักณ์
นี่คือหลักๆ ยิบย่อยคือเยอะจนเล่าได้ไม่จบไม่สิ้น

ซึ่งในอดีตตอนที่เกิดเรื่องขึ้นมา ก็จะมีกระแสบอยคอต/ต่อต้านแบรนด์ออกมาเป็นระลอกๆ แต่ก็ไม่หลุดไปจากแวดวง แฟชั่น/ฮอลลีวู้ดสักเท่าไหร่
แต่ครั้งนี้เองที่มันลุกลามกลายเป็นสเกลระดับชาติที่แม้แต่คนไม่เสพแฟชั่น ไม่ใส่แบรนด์ ก็ relate ได้ เพราะมันพูดถึงตัวคน ตัวชาติ และประเทศ

ล่าสุดเว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์ทุกเว็บไซต์ในจีนลบ D&G ออกแล้ว ร้านที่เป็น multi brand หรือ select shop เอาสินค้า D&G ออกจากดิสเพลย์
สำหรับ flagship store ของแบรนด์ที่มีอยู่ประมาณ 25 แห่งเราไม่แน่ใจว่าเป็นยังไง เปิดอยู่หรือเปล่า แต่แน่นอนว่าร้างและไม่มีใครเข้า
ตอนนี้ก็ได้แต่รอดูว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อ
เพราะนี่มันคืออะไรที่ใหญ่มาก ใหญ่แบบเราคิดว่า ในอนาคตต้องมีลงหนังสือเรียน เวลาใครเรียน fashion history / fashion marketing อะไรพวกนี้แน่นอน

ย้ำว่า เงินที่มาจากผู้ซื้อชาวจีนสำหรับ luxury brands คิดเป็น 1 ใน 3 ของทั้งโลกเลยนะ
แล้วกระแส เหยียดเชื้อชาติ เป็นเรื่องที่พูดไม่รู้จบมาตลอดทั่วโลก และยิ่งสุดๆในแถบตะวันตก
เพราะฉะนั้นครั้งนี้ไม่น่าจะใช่อะไรที่เกิดขึ้นมาแล้วก็ผ่านไป

เล่ามายาวววววมากกกกกก
แต่เรื่องนี้จริงๆมันเยอะกว่านี้อีกมากๆเลยล่ะ แต่พิมพ์ไม่ไหวแล้ว 55
สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ ยิ้ม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่