‘G-Dragon ที่คุณรู้จัก และ G-Dragon ที่คุณไม่รู้จัก’

* S P O I L E R   A L E R T *

”The G-Dragon you know, G-Dragon you don’t know; in between the two, the moment of truth.”
“G-Dragon ที่คุณรู้จัก, G-Dragon ที่คุณไม่รู้จัก; ระหว่างสองคน คือตัวตนที่แท้จริง”


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2018 ที่ผ่านมา YG ได้ปล่อยภาพยนตร์สารคดีชื่อ ‘Kwon Ji Yong (권지용) Act III: Motte’ ที่เป็นคอนเทนต์พิเศษของ YouTube Premium สารคดีความยาวประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ที่เผยให้เห็นถึงตัวตนที่แท้จริงของ Kwon Ji Yong (a.k.a G-Dragon/GD) ในช่วง Solo World Tour ของควอนจียงในปี 2017 ที่ผ่านมา

และเนื่องจาก YouTube Premium ยังไม่ได้เปิดให้ใช้บริการในประเทศไทย เราเลยอยากเขียนเล่าความประทับใจใน Documentary นี้เผื่อคนที่ยังไม่มีโอกาสได้ดูค่ะ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้



Kwon Ji Yong: ศิลปินผู้เป็นทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง

สิ่งแรกและในตลอดทั้งสารคดีจะเห็นได้เลยว่าทีมงานทุกทีมของ GD กว่าครึ่งเป็นชาวต่างชาติ ดังนั้น GD จะสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษแทบจะตลอดทั้งการทำงาน เพราะ GD คุยงานด้วยตัวเอง*ทุกขั้นตอน* แม้กระทั่งแนะนำประธาน YG ให้ทีมงานรู้จักอีกที (ดังนั้นใครที่คิดว่าค่าย YG เตรียมทุกอย่างให้ศิลปินนั้นขอให้เปลี่ยนความคิดได้เลยค่ะ ...หรืออย่างน้อยศิลปินคนนั้นก็ไม่ใช่ GD)


และกว่าจะมาเป็นคอนเสิร์ตที่ใหญ่ที่สุดของศิลปินเดี่ยวชาวเกาหลี สารคดีนี้เผยให้เห็นตั้งแต่การพูดคุยคอนเซ็ปอัลบั้มและคอนเซ็ปของเวิร์ลทัวร์ โดย GD บอกกับทีมงานว่าอยากได้คอนเซ็ปที่เกี่ยวกับตัวเขา ซึ่งก็คือการเป็น 'ควอน-จี-ยง' เพราะด้วยความที่ควอนจียงและ G-Dragon นั้นแตกต่างกันโดยสิ้งเชิง หลายครั้ง GD เองก็สับสนว่าที่จริงแล้วเขาเป็นใครกันแน่ ก็เลยอยากเผยให้ทุกๆคนได้เห็นในสิ่งที่ตัวเขาเป็นจริงๆ และในขณะเดียวกันก็ต้องเป็นมุมมองที่แฟนๆอยากเห็นด้วย เพราะนี่จะเป็นคอนเสิร์ตสุดท้ายก่อนที่เขาจะไม่ได้เจอแฟนๆเป็นระยะเวลานาน (เนื่องจากต้องไปเข้ากรม) และตัวเขาเองก็รู้สึกเหมือนว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้คือภารกิจสำคัญครั้งสุดท้ายที่เขาจะทำให้แฟนๆได้ และทั้งหมดก็คือคอนเซ็ปโดยรวมในครั้งนี้





หลังจากที่ได้คอนเซ็ปแล้ว ขั้นต่อมาก็คือการออกแบบโปสเตอร์ต่างๆ และ GD เองก็ได้มีส่วนร่วมในการออกแบบครั้งนี้ โดยให้ความเห็นหลักๆเรื่องตำแหน่งการจัดวางและการใช้สีในโปสเตอร์



เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็ได้เวลาซ้อมคอนเสิร์ต ซึ่งเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าคอนเสิร์ตของ BIGBANG ทุกเวทีจะต้องออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด ที่แม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆก็จะไม่ยอมปล่อยผ่านเป็นอันขาด โดยปกติแล้วบิ๊กแบงทั้ง 5 คนจะช่วยกันคุมเรื่องดนตรี ไมค์ แสง สี หรือแม้กระทั่งคิวของตากล้องที่จะทำหน้าที่ฉายภาพการแสดงสดบนจอโปรเจ็คเตอร์ คอนเสิร์ตเดี่ยวของ GD ในครั้งนี้ก็เช่นกัน

โดย GD มีส่วนร่วมตั้งแต่เรียบเรียงดนตรีใหม่กับนักดนตรีในห้องซ้อม


ซ้อมจริงบนเวที


ซ้อมไปแก้ดนตรีไปสดๆหน้าเวที


คุมเสียงไมค์ด้วยตัวเอง(อีกตามเคย)


สั่งเพิ่มจอฉายภาพ


ซ้อมกับศิลปินรับเชิญ (CL) และแม้แต่ให้คำแนะนำเรื่องการโพสต์ท่าเปิดตัวบนเวที



ระหว่างซ้อมก็อัดคลิปเพื่อกลับมาดูจุดที่ต้องแก้ไข


และแม้กระทั่งส่งคลิปตอนซ้อมไปให้ประธานค่ายดูเพื่อให้มั่นใจว่าการแสดงในครั้งนี้จะออกมาดีที่สุด โดย GD โทรไปบอกหยางว่า “ผมส่งคลิปตอนซ้อมไปให้ละนะ ได้ดูยัง? อย่าลืมส่งคอมเม้นท์ให้ผมด้วยนะฮะฮยอง” (เห็นฉากนี้แล้วไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหยางถึงกลัว GD ที่สุดในค่าย ตอน GD โทรไปรอบแรกก็ไม่รับสายด้วย GD ของเรางอนเลยจ่ะ ถามหยางไปว่าไม่อยากคุยกับผมหรอ จนหยางเครียด GD ถึงบอกว่าผมล้อเล่น 555)





ตอนหยางถึงเวทีซ้อม ก็ให้คนอื่นซ้อมเป็น GD เพื่อให้หยางและ GD ได้ดูภาพรวมของการซ้อมและแสดงความเห็นไปพร้อมๆกัน ตอนแรกหยางจะให้ซ้อมเพลง encore ด้วย แต่ GD ยืนยันว่า encore ควรเป็นการแสดงที่เต็มไปด้วยความสนุกมากกว่าความเพอร์เฟ็ค หยางเลยบอกว่างั้นไม่ต้องซ้อม encore ก็ได้

แต่ถึงอย่างนั้น GD ก็ซ้อมหนักมากๆๆๆๆ ซ้อมจนวินาทีสุดท้ายก่อนขึ้นเวที ขนาดนั่งแต่งหน้าทำผมอยู่ก็หยิบเนื้อเพลงขึ้นมาซ้อมแรป ทั้งๆที่ก็จำได้จนขึ้นใจเพราะเป็นเนื้อเพลงที่เขียนด้วยตัวเองและซ้อมมาหลายรอบมากๆแล้ว ย้ำอีกครั้งว่า GD ซ้อมหนักมากจริงๆ จนเจ้าตัวน้ำหนักลดลงไปเกือบ 5 กิโลกรัมในระหว่างการเตรียมคอนเสิร์ตในครั้งนี้



เมื่อทุกอย่างถูกเตรียมไว้พร้อมหมดแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางไปยังประเทศต่างๆถึง 18 ประเทศจาก 4 ทวีปทั่วโลกเพื่อทำการแสดง ซึ่งแทนที่จะนอนพักบนเครื่อง GD กลับใช้เวลานี้แต่งเนื้อเพลงใหม่ๆลงบนสมุดที่เขาพกติดตัวตลอดเวลาเดินทาง




และในระหว่างนี้เองที่เราได้เห็นถึงความยากลำบากของการออกทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลกเพียงคนเดียว... ปกติถ้าทัวร์กัน 5 คน หลังคอนเสิร์ตก็อาจจะมีออกไปกินข้าวกัน ไปปาร์ตี้ ไปเที่ยว หรือแม้แต่ออกไปเล่นกีฬากัน เคยมีครั้งนึงที่ BIGBANG งอแงทีมงานขออยู่เที่ยวกันต่อที่ NYC อีกหนึ่งคืนโดยที่จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ (และถ้าใครจำในหนัง MADE ได้จะเห็นหน้าแดซองลอยขึ้นมาทันที 555) ด้วยความที่ BIGBANG เป็นวงที่ทัวร์คอนเสิร์ตบ่อย บางครั้งก็ทัวร์ยาวเป็นปี และนั่นคือหนึ่งในเหตุผลที่ว่าทำไม BIGBANG ถึงสนิทกันมาก


พอต้องมาทัวร์คอนเสิร์ตคนเดียว สิ่งที่ GD ทำทำให้แฟนคลับอย่างเราเป็นห่วงมาก ทีมงานก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน เพราะ GD เอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง กิน นอน เพ้นท์รองเท้า เพ้นท์กระเป๋า วนซ้ำอยู่แบบนั้น




จนทีมงานถามว่าการทำงาน art พวกนี้ช่วยทำให้จิตใจคุณสงบขึ้นหรอ GD ก็ตอบว่าใช่ และยอมรับว่าหลังๆเขารู้สึกกดดันมากที่จะปล่อยเพลงออกมา (คงเพราะคนทั่วไปคาดหวังในผลงานของ GD) เขาเลยเลือกใช้พลังงานด้านการสร้างสรรค์ไปกับการสร้างงานศิลปะ ทั้งในด้านแฟชั่นและจิตรกรรม พอสบายใจแล้วก็กลับมาเขียนเพลงต่อ







ทีมงานก็เลยแนะนำว่าไม่ต้องคิดมาก ก็เขียนเพลงเล่นๆไปเรื่อยๆก็ได้ GD บอกนั่นคือสิ่งที่เขาทำอยู่ตอนนี้ มีหลายเพลงที่เขาเขียนไว้แต่ไม่ได้ปล่อยให้ใครฟัง ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่ GD มั่นใจในผลงานของตัวเอง นั่นหมายความว่าเมื่อนั้นเราได้ฟังเพลงเพราะๆที่ GD ใช้เวลาหลายปีในการสร้างสรรค์มันออกมา เหมือนที่ GD เคยให้ัมภาษณ์ว่า 'การปล่อยอัลบั้มออกมาเรื่อยๆ ไม่สำคัญเท่าการปล่อยอัลบั้มที่ดี'


และในระหว่างที่ GD เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในห้อง ผู้จัดการและทีมงานพยายามพา GD ออกไปสูดอากาศในสวนสาธารณะใกล้ๆ แต่ถึงแบบนั้นก็ยังมีปาปาราซซี่ตามถ่าย GD ทุกฝีก้าว จน GD ต้องคอตกกลับโรงแรม ):






ครั้งถัดมาทีมงานพา GD ออกไปล่องเรือ ซึ่งตอนทัวร์ด้วยกัน 5 คน BIGBANG ก็เคยล่องเรือแบบนี้เหมือนกัน ตอนนั้นทั้ง 5 คนพากันกระโดดโลดเต้น ลงเล่นน้ำกันสนุกสนานเหมือนเด็กๆ แต่ฉากในสารคดีนี้คือ GD นั่งที่หัวเรือคนเดียว แล้วเพลง Last Dance ก็เล่นประกอบ เป็นฉากที่ทั้งเศร้าทั้งเหงาจนบรรยายไม่ถูกเหมือนกัน...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่