Backpack ปัตตานี - ยะลา - เบตง แบบไม่มีใครพาไป????

สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาขอเล่าประสบการณ์การ backpack ในวันหยุดยาวที่ผ่านมา (จริงๆ ผ่านมาเกือบจะเดือนแล้ว พึ่งจะว่ามาเล่าค่ะ)
ในช่วงวันหยุดยาวปิยะมหาราช (จริงๆ ก็ไม่ยาวนะ เพราะเราแอบลาพักร้อน 2 วันคือ 19 กับ 22 ต.ค. เพราะไหนๆ ก็จะไปแล้วก็ต้องเอาให้สุด

จุดเริ่มต้นของการเดินทางในครั้งนี้ มันเริ่มมาจากการที่เราสนใจที่จะไป อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ซึ่งเรามองๆ hostel แห่งหนึ่งไว้ คือ Foto hostel เนื่องจากว่า hostel แห่งนี้ เค้ายินดีที่ joy group กรณีที่เรา backpack ไปคนเดียว เพื่อร่วมหารค่ารถนำเที่ยว ซึ่งเรามองว่าก็คุ้มดี
ดังนั้น จึงเริ่มร่างแผนคร่าวๆ คือ 21 - 23 ต.ค. จะเที่ยวในอำเภอเบตง แต่พอมาคิดๆ ดูแล้วว่า  เอ.. เราจะเที่ยวแค่เบตง มันก็เหมือนยังไม่สุด
เลยคิดเผื่อไปว่าจะไปจังหวัดข้างเคียงด้วยดีไหม จ.ปัตตานี จึงเริ่มเข้ามาอยู่ใน list ที่เราจะไป ตามด้วยตัวเมืองยะลา ซึ่งข้อมูลในตัวเมืองยะลา
ต้องขอบคุณสมาชิก pantip คือคุณ um_stale ด้วย เพราะก่อนไปเราหลังไมค์ไปหาเค้าบ่อยมาก555

หลังจากที่ได้แผนคร่าวๆ แล้ว เราก็ search ข้อมูลเวลาเดินรถทั้งรถทัวร์ รถไฟ เครื่องบิน
อันดับแรก... เราจองตั๋วเครื่องบินขากลับก่อนเลย 55555  อ้าวไหงเป็นงั้น ยังไม่เริ่มต้นเลย  จองขากลับซะและ  คือเราคิดว่าวันหยุดยาวรถมันน่าจะติดเลยขอกลับเครื่องบินดีกว่า  และจองเผื่อเวลายาวๆ เลยคือเที่ยวบิน  5 โมงเย็น เพราะจากที่หาข้อมูลมาจากเบตง มันจะมีรถตู้มาสนามบินหาดใหญ่ เราก็เลยจัดเที่ยวบิน หาดใหญ่ - กรุงเทพ ก่อนเลย ... (จองก่อน ตั๋วจะได้ไม่แพงหง่ะ) หลังจากจองตั๋วเพื่อผูกมัดตัวเองแล้วว่า แผนนี้จะไม่ล่มแน่ๆ  เลยมาวางแผนเริ่มต้นบ้าง

หลังจากหาข้อมูลแล้ว เราพบว่าขาไปที่ลงตัวสำหรับเราที่สุดคือ ... รถทัวร์ เพราะรถรับส่งพนักงานบริษัทเรา มันผ่านช่วงแถวๆ รพ.ธนบุรี2
ใกล้ๆ สายใต้ใหม่ เราสามารถลงไปต่อรถเมล์ไปสายใต้ได้ เราเลยจองรถ กรุงเทพ - ปัตตานี รอบ 19.00 น. เลยจ้า และก็ชำระเงินเรียบร้อยเสร็จสรรพ
..น่าจะราวๆ 800 กว่าๆ ..หลังจากนั้นผ่านไป 3 วัน  บริษัทโทรมาแจ้งข่าวดีว่า ... เที่ยวรถที่ท่านชำระเงินนั้น .. ยกเลิกค่าาาา
เพราะคนไม่เต็มคัน ... เราจึงเอาไงดีหว่า เลยถามเจ้าหน้าที่ว่า พี่ๆ ที่ขนส่งหาดใหญ่มีรถไปปัตตานีไหม เจ้าหน้าที่บอกว่ามี เราจึงตอบไปว่า ...
ตกลงค่ะ แค่หาดใหญ่ก็ได้
จากนั้น ก็หาข้อมูลการเดินทางภายในจังหวัดปัตตานี ในเว็บขนส่งของปัตตานี ก็พบว่า เฮ้ย มันมีรถสองแถวที่ขนส่งปัตตานีด้วย
ดีเลย .. เราจะไปที่นั่นที่นิ ... (นิ ก็ผิดแผน เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังว่าผิดแผนยังไง)

พอถึงวันเดินทาง วันที่ 18 ต.ค. 61  หลังจากถึงสายใต้ใหม่ 19.00 น. เราตรงไปที่เคาน์เตอร์สยามเดินรถ เพื่อไปรับตั๋วจริงจากการจองออนไลน์
คือ กรุงเทพ - หาดใหญ่ รอบ 20.30 น. หลังจากรับตั๋วเสร็จตอนแรกก็จะไปนั่งฆ่าเวลาที่ร้านกาแฟ
ซึ่งตอนแรกมองไว้คือ อเมซอน .. พอเดินเข้าร้านปุ๊บ ...น้องตะโกนมาว่า "ร้านปิดแล้วค่ะ"  เลยถอยมาดูหน้าร้าน ... ร้านอเมซอนสาขาสายใต้ใหม่
ปิดสองทุ่ม นะคะทุกคน (สงสัยไม่สนับสนุนให้กินกาแฟรอบดึก) เลยต้องถอยมาตั้งหลักที่ร้านมิสเตอร์โดนัทแทน เพราะปิดสามทุ่ม
หลังจากนั่งอ้อยสร้อยจิบคาปูรอเวลารถออกแล้ว ก็เผื่อเวลาหาชานชาลานิดนึง  จากนั้นพอไปถึงรถแล้วเจ้าหน้าที่ก็เรียกขึ้นรถเสร็จสรรพ เราก็เข้านอนบนรถทันที ...ราตรีสวัสดิ์

ยู๊ฮู เช้าวันที่ 19 ต.ค. แล้ว เราตื่นตอนเข้าเขตจังหวัดพัทลุง จากนั้นนั่งไปอีกสัก 9 โมง เราก็ถึงสถานีขนส่งหาดใหญ่
เรารีบพุ่งตรงไปที่เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วรถตู้ไปปัตตานี ทันที  ว่าแต่.. เฮโหล เจ้าหน้าที่ไปไหนคะ ทำไมไม่มีใครในช่องจำหน่ายตั๋วไปปัตตานีเลย ...
เลยเดินไปสอบถามคนแถวนั้น  ได้ความว่า เค้าตั้งโต๊ะแยกออกมาจากเคาน์เตอร์ ด้านหลังที่นั่งพักผู้โดยสาร ....
เอ่อ......พวกพี่ไม่ได้จ่ายค่าเช่าที่เคาน์เตอร์หรอคะ หนูงง
หลังจากซื้อตั๋วรถตู้เสร็จสรรพ (เราจำราคาไม่ได้อ่ะ ลืมจด น่าจะ 70 - 120 ประมาณนี้)  ก็มานั่งจองที่บนรถตู้ ที่ชานชาลาที่ 25
ซึ่งเรารีบมาจองที่นั่งคนเดียวติดกระจกก่อนเลย เพราะสัมภาระเราใหญ่ ไม่อยากไปเบียดกับคนนั่งข้างๆ เกรงใจเขา ..
แต่ต้องบอกก่อนนะว่า รถตู้นี้ เต็มแล้วค่อยออกนะจ๊ะ แนะนำว่าให้เล่น PUBG รอเลยจะได้ไม่เซ็ง ของเรารอประมาณเกือบชั่วโมง
คนก็ทยอยขึ้นจนเต็ม .. เย้ ได้ออกแล้ว
....
พอสัก 11.00 โมง ก็ถึงขนส่งปัตตานี คนขับก็ถามว่าลงไหน เราตอบไปอย่างมั่นใจว่า ลงขนส่งค่า (นี่ เป็นไง ชั้นหาข้อมูลมาแล้ว)
และแล้วพอถึงขนส่ง.. เราก็พบว่า .. รถสองแถวไม่จอดที่ขนส่ง ..T-T
อ้าว เอาแล้วไง .. ชิหายละฮะ ทำไงหล่ะทีนี้ ขนส่งอยู่นอกเมืองด้วย หลังจากขนขับรถตู้เห็นเรายืนอึ้งเป็นตุ๊กตาห้องหุ่น ..  คนขับเลยถามว่า
น้องจะไปไหนอ่ะ  เราเลยตอบว่า จะไปมัสยิดกรือเซะ ค่ะ  ที่นี่รถสองแถวสายปัตตานี - สายบุรี เข้ามาไหมคะ
คนขับบอกว่า รถขาออกมันไม่จอดที่นี่นะ มันจอดที่ๆ คนลงเมื่อกี๊ อ่ะ (แถวๆ ถนนรามโกมุทในตัวเมือง)
เราก็อึ้งต่อ .. เฮ้ยมันผิดแผนอ่ะ ทำไงดีๆ  คนขับรถตู้เลยอาสาไปส่งที่ท่ารถสองแถว (โอ้ยเกรงใจอ่ะ อยากจะล้มตัวลงกราบพี่เขา น้ำใจงามจริงๆ)

หลังจากที่เราถึงถนนรามโกมุท ซึ่งเป็นจุดจอดรถสองแถวสายปัตตานี - สายบุรี ซึ่งสายนี้เราทำการบ้านมาแล้ว

ว่าผ่าน "มัสยิดกรือเซะ" ชัวร์ๆ แต่เพื่อความมั่นใจ .... ถามคนนั่งข้างๆ ด้วยว่า น้องๆ ผ่านมัสยิดกรือเซะไหม
น้องเค้าตอบว่าผ่านค่ะ ... แต่ หลังจากนี้ เราลืมทำการบ้านมาอย่างนึงคือ .. ลืมเช็คหน้าตามัสยิดกรือเซะว่าเป็นอย่างไร
นั่นทำให้เรา... เลยไปไกลมาก  จนผ่านยะหริ่ง เราเริ่มเอะใจแล้วว่า .. ชิหายละ หรือว่าเราจะเลย
จากนั้นพอข้ามแม่น้ำไป .. ก่อนที่เราจะไปไกลถึงสายบุรี  เราจึงบอกกับตัวเองว่า .. เราควรหาที่ลงนะ
จากนั้น จึงเปิด google map ซึ่งบอกเลยว่า สัญญาณในจังหวัดปัตตานี ด๋อยมากกก เหมือนดาวเทียมหยุดทำงาน มันนิ่งสนิท เราเลยมองไปเรื่อยๆ
ว่าควรหาที่ๆ ฝั่งตรงข้ามไม่เปลี่ยว ..พอเห็นโลโก้ ปตท ลิบๆๆ เราเลยคิดว่า เฮ้ย เราลง ปตท. แล้วไปหาอเมซอนกินแล้วนั่งสองแถวกลับตัวเมืองไปตั้งหลักก่อนดีกว่า

หลังจากรอรถสองแถวอยู่พักใหญ่ๆ (บอกเลยว่ารอรถนานมาก แต่มันมีนะ) ก็ได้ขึ้น เราถามตัวเองว่า ถ้าผ่านมัสยิดกรือเซะจะลงไหม ... เราเลยคิดว่า
ถ้าจะรอรถนานขนาดนี้ ขอมาซ่อมโอกาสหน้าดีกว่า เพราะว่าเดี๋ยวแผนไปที่อื่นจะกระทบหมด..  เลยได้ภาพมัสยิดกรือเซะแบบชะโงกทัวร์

และก็มัสยิดอีกแห่งหนึ่งซึ่งก็สวยงามไม่แพ้กัน (เสริชกูเกิลแล้ว น่าจะเป็นมัสยิดบางปู นะ)

หลังจากถึงตัวเมืองปัตตานี  แผนต่อไปคือศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ซึ่งตั้งอยู่บนถนนอาเนาะรู
เราลงรถสองแถวที่สี่แยกตรงถนนรามโกมุทแล้ว ก็เดินไปเรื่อยๆ บนถนนนาเกลือ และแล้วเราก็ถึงปากทางเข้าไปยังศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว
ซึ่งเป็นชุมชนชาวจีน

จากนั้นก็เดินไปเรื่อยๆ ศาลจะอยู่ทางฝั่งขวามือ

การไหว้ศาลที่นี่ จะมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกในการไหว้ด้วย เพราะจะมีการไหว้หลายจุด ทั้งตัวฝั่งศาลเอง และฝั่งตรงข้าม
ดังนั้น เพื่อให้ลำดับการไหว้ถูกต้องเจ้าหน้าที่จึงได้มาช่วยดูอย่างใกล้ชิดดดดดดด

หลังจากไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว เราเลยเดินตามถนนอาเนาะรู ไปเรื่อยๆ ตอนแรกกะแวะโรงเตี๊ยมอาเนาะรู .. แต่มันปิดอ่ะ (เสียใจ)
จากนั้น จึงเดินเลี้ยวซ้ายไปตามถนนปัตตานีภิรมย์ เพื่อจะไปศาลหลักเมือง ซึ่งจุดตรงนั้น จะข้ามสะพานที่มีเรือประมงจอดหลายลำ
และมีหอนาฬิกาตั้งเด่นเป็นสง่าด้วย พอเดินไปตามถนนสายบุรี ก็จะพบอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 จึงแวะสักการะเป็นสิริมงคลก่อน

ซึ่ง ณ จุดนี้ คือเวลาเหลือ (ยอมรับว่า วันนี้แผนค่อนข้างรวน เลยคิดว่าจะไปไหนดี) พอดีเจอวินมอไซด์ เลยเรียกไปหอนาฬิกาอีกที่นึง
ซึ่งอยู่กลางตัวเมือง เพื่อที่เราจะดูว่าสองข้างทางผ่านอะไรบ้าง (รู้สึกจะผ่านเส้นหนองจิกนะ มีของขายเยอะดี)
หลังจากเดินงงๆ รอบหอนาฬิกาแล้ว ขณะนั้น เป็นเวลา 16.30 น. เลยคิดว่า หาโรงแรมนอนดีกว่า ซึ่งเราวางแผนไว้แล้วว่าเอาพอนอนได้
คือโรงแรมศานติสุข บนถนนพิพิธ เลยเรียกวินให้ไปส่งที่ เชิงสะพานเดชานุชิต เพื่อที่เราจะได้เดินดูสะพาน และวิวแม่น้ำปัตตานีด้วย)

ตึกแถวๆ โรงแรม มีการทาสีอย่างสวยงาม และที่บริเวณจุดนี้เค้าจะจอดรถบนเกาะกลางถนน

หลังจากเชคอินแล้ว เราก็อาบน้ำ เตรียมตัวไปเดินเล่นรอบดึกแถวมัสยิดกลาง
สภาพโรงแรมพอนอนได้ ราคา 300++ (จำราคาไม่ได้อ่ะค่ะ) ที่นี่เค้าจะมีห้อง 2 ราคาคือ มีทีวี กับ ไม่มีทีวี ซึ่งไม่มีแอร์นะคะโรงแรมนี้
แต่ที่เลือกเพราะสะดวกเราตอนขึ้นรถสองแถวตอนเช้า

หลังจากนั้นเวลา 18.00 น. เราจึงเดินออกจากโรงแรมเพื่อไปมัสยิดกลางซึ่งตั้งอยู่บนถนนยะรัง
โดยเดินบนถนนพิพิธ พอถึงสามแยกก็เลี้ยวขวาไปที่ถนนยะรัง เดินไปเรื่อยๆ ก็จะถึงมัสยิดกลางค่ะ ซึ่งก็ไม่ได้น่ากลัวนะคะ
เพราะมีผู้คนเดินกันขวักไขว่เลยทีเดียว และฝั่งตรงข้ามเยื้องๆ มัสยิดก็มีตลาดเทศบาลด้วย
หลังจากไปดูมัสยิดกลางแล้ว เราเริ่มหิว จะหาร้านโรตี.... ซึ่งพบว่า ... ไม่มี .... เราก็งงว่าอะไรอ่า ทำไมมาถึงย่านอิสลามไม่มีโรตีมะตะบะ หล่ะ
แอบเสียใจเบาๆ แต่ก็สังเกตเห็นว่าร้านที่เปิดตอนดึกส่วนมากเป็นร้านหมูสะเต๊ะมากกว่า ก็แอบงงๆ ว่าทำไมทานหมูสะเต๊ะกันตอนดึก
แต่หมูสะเต๊ะที่นี่เค้าจะกินกับแป้งข้าวเจ้าที่ทำเป็นแผ่นๆ ซึ่งเราว่ามันก็อร่อยดีตอนจิ้มกับน้ำแกงหมูสะเต๊ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่