รบกวนสอบถามผู้รู้ค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่า จะถอยรถเข้าบ้าน มีพี่คอยโบกรถให้ โดยเขาจะยืนอยู่ด้านหลังรถค่ะ พอจอดเสร็จ พี่เขาบอกว่าได้กลิ่นเหมือนกรด หรือคล้าย ๆ กลิ่นแอมโมเนีย เราก็ไปตามหากลิ่นกัน และสงสัยว่ากลิ่นจะออกมาจากท่อไอเสีย เลยกลับไปสตาร์ทรถอีกครั้ง ครั้งนี้บนหน้าปัด ขึ้นเครื่องหมายตกใจ และ ขึ้นว่าเตือนว่า turn off (ตอนนั้นเข้าใจว่าเราถือกุญแจไปด้วย ตรงหน้าปัดเลยแจ้งเตือน แต่มานึกได้ทีหลังว่า ถ้ากุญแจไม่ได้อยูในรถหน้าปัดจะแจ้งเตือนว่า key not detect ปล.เจ้าของกระทู้ ใช้รถรุ่น Hybrid ค่ะ) ซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้กลิ่นค่ะ ตอนสตาร์ทช่วงแรกจะใช้ไฟฟ้าอยู่ แต่ซักพักเมื่อระบบกลับมาใช้น้ำมันก็จะได้กลิ่นคล้าย ๆ แอมโมเนีย ก็เลยดับเครื่องค่ะ แต่ยังไม่มั่นใจ เลยลองสตาร์ทดูอีกครั้ง ครั้งนี้ก็ยังได้กลิ่นคล้ายแอมโนเนีย เลยมั่นใจแล้ว ว่าต้องเกิดความผิดปกติแน่ ๆ
จากนั้นได้โทรติดต่อศูนย์บริการใกล้บ้าน เพื่อนำรถไปตรวจเช็คค่ะ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าให้ walk in เข้าไปเลย ไม่ต้องจองคิว ตอนแรกก็กลัวจะเป็นเหมือนที่เป็นข่าวเลยสอบถามเจ้าหน้าที่ว่าสามารถขับไปได้หรือไม่ เจ้าหน้าที่ก็ยืนยันให้ขับไปให้ทางศูนย์ตรวจเช็ค เลยนำรถไปเข้าศูนย์ ระยะทางระหว่างบ้านไปยังศูนย์บริการระยะทางประมาณ 2 กก. ค่ะ ก่อนขับไป ตรวจสอบกลิ่นอีกครั้งค่ะ กลิ่นฉุนมาก ๆ บริเวณท่อไอเสีย แต่ในห้องโดยสารก็ไม่ได้กลิ่นใด ๆ ตอนขับไปก็แง้ม ๆ กระจกไว้นิดนึงค่ะ ขับไปประมาณ 1 กก. ก็เริ่มมีอาการหายใจไม่ออก เลยเปิดกระจกเยอะขึ้น สักพักเริ่มมีอาการแน่นหน้าอก เริ่มชาตามตัว ตอนแรกกะจะฝืนขับไปให้ถึงศูนย์เพราะเหลือระยะทางอีกไม่ไกล แค่ 400 เมตรจะถึงศูนย์บริการ แต่รู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว เลยจอดรถที่ป้ายรถเมล์ และขอความช่วยเหลือกับคนที่อยู่แถวนั้นค่ะ ให้ช่วยเรียกรถพยาบาลให้เพราะตอนนั้นมือสั่นและชา หายใจเริ่มไม่ออกแล้ว สักพัก มือเริ่มเกร็ง มือจีบ ซีด ตอนแรกชาแค่ทีแขนกับขา แต่พอเวลาผ่านไป อาการชาเริ่มเป็นทั้งตัวเลยค่ะ พอดีกับรถกู้ภัยมาถึงและนำตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่งทางคุณหมอก็แจ้งว่าไม่สามารถตรวจสารพิษในร่างกายได้ แต่ได้ทำการตรวจตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และเอ็กซเรย์ดูการทำงานของปอด ซึ่งปกติดี และให้รอดูอาการค่ะ แต่เมื่อเวลาผ่านไป อาการก็เริ่มดีขึ้น เลยขอคุณหมอกลับมาพักที่บ้าน
เมื่อรถไปถึงศูนย์และเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วก็ได้โทรมาแจ้งว่า ช่างคนที่ลองรถ ก็มีอาการแน่นหน้าอกเช่นเดียวกัน ทั้งที่ขับไม่ถึง 5 นาที ซึ่งจากการตรวจสอบระบบเครื่องยนต์และแบตเตอรี่ ปกติดี ช่างแนะนำให้รื้อแอร์เพื่อหาสาเหตุต่อไปค่ะ เพราะสงสัยจะเป็นกับระบบแอร์ เนื่องจากติดน้ำหอมที่ช่องแอร์ อาจจะทำให้มีเมือกเกาะ แต่พอรือแอร์แล้วก็ไม่มีเมือกค่ะ ทางช่างน่าจะกำลังหาสาเหตุค่ะ
เลยอยากสอบถามเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ว่า
- ที่หน้าปัดแจ้งเตือนว่าให้ turn off แสดงว่าระบบของรถน่าจะพบความผิดปกติ อยากทราบว่าสาเหตุเกิดจากอะไรได้บ้างคะ
- เหตุการณ์นี้น่าจะเกิดจากอะไรคะ ยอมรับว่าระแวงมาก ปกติจะขับรถคนเดียว ส่วนใหญ่จะขับกลางคืน และใช้ทางด่วนด้วย ถ้าเกิดเหตุการณ์นี้ตอนกลางคืน คงจะแย่กว่านี้ค่ะ
รบกวนผู้รู้ ให้คำแนะนำทีนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
หายใจไม่ออก แน่นหน้าอก มีอาการชาขณะขับรถ
เรื่องมีอยู่ว่า จะถอยรถเข้าบ้าน มีพี่คอยโบกรถให้ โดยเขาจะยืนอยู่ด้านหลังรถค่ะ พอจอดเสร็จ พี่เขาบอกว่าได้กลิ่นเหมือนกรด หรือคล้าย ๆ กลิ่นแอมโมเนีย เราก็ไปตามหากลิ่นกัน และสงสัยว่ากลิ่นจะออกมาจากท่อไอเสีย เลยกลับไปสตาร์ทรถอีกครั้ง ครั้งนี้บนหน้าปัด ขึ้นเครื่องหมายตกใจ และ ขึ้นว่าเตือนว่า turn off (ตอนนั้นเข้าใจว่าเราถือกุญแจไปด้วย ตรงหน้าปัดเลยแจ้งเตือน แต่มานึกได้ทีหลังว่า ถ้ากุญแจไม่ได้อยูในรถหน้าปัดจะแจ้งเตือนว่า key not detect ปล.เจ้าของกระทู้ ใช้รถรุ่น Hybrid ค่ะ) ซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้กลิ่นค่ะ ตอนสตาร์ทช่วงแรกจะใช้ไฟฟ้าอยู่ แต่ซักพักเมื่อระบบกลับมาใช้น้ำมันก็จะได้กลิ่นคล้าย ๆ แอมโมเนีย ก็เลยดับเครื่องค่ะ แต่ยังไม่มั่นใจ เลยลองสตาร์ทดูอีกครั้ง ครั้งนี้ก็ยังได้กลิ่นคล้ายแอมโนเนีย เลยมั่นใจแล้ว ว่าต้องเกิดความผิดปกติแน่ ๆ
จากนั้นได้โทรติดต่อศูนย์บริการใกล้บ้าน เพื่อนำรถไปตรวจเช็คค่ะ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าให้ walk in เข้าไปเลย ไม่ต้องจองคิว ตอนแรกก็กลัวจะเป็นเหมือนที่เป็นข่าวเลยสอบถามเจ้าหน้าที่ว่าสามารถขับไปได้หรือไม่ เจ้าหน้าที่ก็ยืนยันให้ขับไปให้ทางศูนย์ตรวจเช็ค เลยนำรถไปเข้าศูนย์ ระยะทางระหว่างบ้านไปยังศูนย์บริการระยะทางประมาณ 2 กก. ค่ะ ก่อนขับไป ตรวจสอบกลิ่นอีกครั้งค่ะ กลิ่นฉุนมาก ๆ บริเวณท่อไอเสีย แต่ในห้องโดยสารก็ไม่ได้กลิ่นใด ๆ ตอนขับไปก็แง้ม ๆ กระจกไว้นิดนึงค่ะ ขับไปประมาณ 1 กก. ก็เริ่มมีอาการหายใจไม่ออก เลยเปิดกระจกเยอะขึ้น สักพักเริ่มมีอาการแน่นหน้าอก เริ่มชาตามตัว ตอนแรกกะจะฝืนขับไปให้ถึงศูนย์เพราะเหลือระยะทางอีกไม่ไกล แค่ 400 เมตรจะถึงศูนย์บริการ แต่รู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว เลยจอดรถที่ป้ายรถเมล์ และขอความช่วยเหลือกับคนที่อยู่แถวนั้นค่ะ ให้ช่วยเรียกรถพยาบาลให้เพราะตอนนั้นมือสั่นและชา หายใจเริ่มไม่ออกแล้ว สักพัก มือเริ่มเกร็ง มือจีบ ซีด ตอนแรกชาแค่ทีแขนกับขา แต่พอเวลาผ่านไป อาการชาเริ่มเป็นทั้งตัวเลยค่ะ พอดีกับรถกู้ภัยมาถึงและนำตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่งทางคุณหมอก็แจ้งว่าไม่สามารถตรวจสารพิษในร่างกายได้ แต่ได้ทำการตรวจตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และเอ็กซเรย์ดูการทำงานของปอด ซึ่งปกติดี และให้รอดูอาการค่ะ แต่เมื่อเวลาผ่านไป อาการก็เริ่มดีขึ้น เลยขอคุณหมอกลับมาพักที่บ้าน
เมื่อรถไปถึงศูนย์และเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วก็ได้โทรมาแจ้งว่า ช่างคนที่ลองรถ ก็มีอาการแน่นหน้าอกเช่นเดียวกัน ทั้งที่ขับไม่ถึง 5 นาที ซึ่งจากการตรวจสอบระบบเครื่องยนต์และแบตเตอรี่ ปกติดี ช่างแนะนำให้รื้อแอร์เพื่อหาสาเหตุต่อไปค่ะ เพราะสงสัยจะเป็นกับระบบแอร์ เนื่องจากติดน้ำหอมที่ช่องแอร์ อาจจะทำให้มีเมือกเกาะ แต่พอรือแอร์แล้วก็ไม่มีเมือกค่ะ ทางช่างน่าจะกำลังหาสาเหตุค่ะ
เลยอยากสอบถามเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ว่า
- ที่หน้าปัดแจ้งเตือนว่าให้ turn off แสดงว่าระบบของรถน่าจะพบความผิดปกติ อยากทราบว่าสาเหตุเกิดจากอะไรได้บ้างคะ
- เหตุการณ์นี้น่าจะเกิดจากอะไรคะ ยอมรับว่าระแวงมาก ปกติจะขับรถคนเดียว ส่วนใหญ่จะขับกลางคืน และใช้ทางด่วนด้วย ถ้าเกิดเหตุการณ์นี้ตอนกลางคืน คงจะแย่กว่านี้ค่ะ
รบกวนผู้รู้ ให้คำแนะนำทีนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ