ข่าวใหญ่ในแวดวงโทรคมนาคมที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องการทดลองและทดสอบการใช้งาน 5G โดยฝั่งผู้ให้บริการ ซึ่ง TrueMove H ก็เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการที่ยื่นขอทดสอบ 5G กับ กสทช.ไปเรียบร้อยแล้วและกำลังจะทดสอบโดยเปิดให้ทุกคนเข้าไปสัมผัสประสบการณ์ได้เร็ววันนี้
5G กำลังจะสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับสังคมและการดำเนินธุรกิจในทุกรูปแบบ พูดง่ายๆว่ายิ่ง 5G มาเร็วเท่าไร สังคมก็จะเจริญตามเร็วขึ้นเท่านั้น เรามาดูประเด็นหลักๆ ขององค์ประกอบที่เป็นส่วนสำคัญของ 5G ว่ามีอะไรกันบ้าง
1.
ความเร็วในการรับส่งข้อมูลที่เร็วขึ้นกว่าปัจจุบัน 20 เท่า (วิ่งกันระดับสูงสุด 20Gbps) ในอนาคตการบริโภคข้อมูลและปริมาณข้อมูลนับวันจะมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ 5G จึงถูกออกแบบมาให้รองรับในระยะยาว และที่นำมานำเสนอหรือโชว์เคสกันแบบเห็นชัดๆ ก็คือเรื่องความสามารถในการใช้งาน VR และ AR บน Cyberspace ได้อย่างเต็มที่
2.
ปริมาณอุปกรณ์ที่จะเชื่อมต่อเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่าจากปัจจุบัน อุปกรณ์ iot หรือ Internet of things สามารถเชื่อมต่อและสื่อสารกันเองได้โดยในอนาคตจะใช้ eSim แทนซิมการ์ดแบบเดิมฝังไปในทุกๆอุปกรณ์ เมื่อทุกอย่างมีซิมในตัวเองก็จะมีอินเตอร์เน็ตเข้าถึงและมีการใช้งานพร้อมกันเป็นจำนวนมาก 5G จึงเกิดมาเพื่อการนี้
3.
Latency ที่หายไป 40 เท่า (จาก 40ms เหลือเพียง 1ms) ทำให้เวลาในการตอบสนองเมื่อมีการเชื่อมต่อลดลงไปเป็นอย่างมาก มีผลดีกับการประมวลผลในระยะไกลทำให้เกิดความแม่นยำสูง ส่งเสริมการใช้งานทางด้านการแพทย์ทางไกล การเล่นเกมส์ออนไลน์ หรือรถในอนาคตที่ขับเคลื่อนได้ด้วยตนเอง (autonomous car)
จะเห็นว่า 3 สิ่งข้างต้นคือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากยุค 4G ที่เป็นแกนสำคัญๆ การทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ ผู้ให้บริการจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมในหลายๆด้าน ซึ่ง TrueMove H มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นผู้นำ 5G มาส่งมอบให้กับพวกเราได้ใช้เป็นรายแรกและรายเดียวที่สามารถใช้งานได้จริงแบบมีประสิทธิภาพ เพราะอะไรถึงเป็นเช่นนั้น เราจะสรุปเป็นข้อๆให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น
1.
ประสบการณ์และความคุ้นเคย เราจะเห็นว่า TrueMove H เป็นรายแรกและรายเดียวที่มุ่งมั่นพัฒนาและนำเอาเทคโนโลยีพื้นฐานของ 5G มาใช้งานจริง เป็นต้นว่า MassiveMIMO 4×4 ที่ถูกติดตั้งและใช้งานบนคลื่น 1800MHz ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มเปิดบริการ 4G/4.5G ตามด้วยเทคนิคการเพิ่มความเร็ว Higher Modulation 256/64QAM ก็ถูกนำมาใช้งานควบคู่ไปกับการทำ Carrier Aggregation ของทุกคลื่นที่ให้บริการ 4G ทำให้ความเร็วเพิ่มขึ้น รองรับการใช้งานได้มากขึ้น และยังเป็นผู้ให้บริการรายเดียวที่ได้รับสิทธิ์การทดสอบเทคโนโลยี LAA จากกสทช. การที่ TrueMove H มีความรู้และความชำนาญในการปรับใช้คลื่นความถี่ที่มีความก้าวหน้าระดับนี้เกิดขึ้นก่อนผู้ให้บริการรายอื่นๆที่เพิ่งจะเรียนรู้และเพิ่งเริ่มนำมาให้บริการเมื่อไม่นานมานี้ นับเป็นความได้เปรียบในการเรียนรู้และพร้อมรับเอาเทคโนโลยีใหม่ 5G มาปรับใช้ได้อย่างรวดเร็วก่อนใคร
2.
โครงสร้างพื้นฐานของทรู ส่วนนี้มีผลอย่างมากเพราะ Infrastructure ของทรูถูกวางไว้อย่างทันสมัยทั่วประเทศโดยทรูออนไลน์และทรูอินเตอร์เน็ต การมี Gateways เชื่อมต่อกับต่างประเทศเป็นท่อขนาดใหญ่เป็นของตัวเอง ทำให้รองรับการใช้งานหรือ traffic ได้อย่างมหาศาล ซึ่ง 5G จำเป็นต้องมีท่อหรือ core network ที่มีประสิทธิภาพไว้รองรับเป็นพื้นฐาน ซึ่ง TrueMove H มีความพร้อมในส่วนนี้มากกว่า
3.
การมีพันธมิตรและเพื่อนคู่ค้าระดับโลก TrueMove H มีไชน่าโมบายเป็นพันธมิตรที่สำคัญ พร้อมให้ความช่วยเหลือในทุกๆด้านความรู้และเทคนิคในการให้บริการเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด know-how ต่างๆ ทางไชน่าโมบายซึ่งเป็นผู้ให้บริการรายใหญ่สุดของจีนก็พร้อมถ่ายทอดให้ทันทีและยังได้หัวเหว่ยซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ทั้ง 4G และ 5G มาเป็นเพื่อนคู่ค้าที่ดีเสมอมา ก็ยิ่งทำให้การติดตั้ง การปรับใช้อุปกรณ์ที่มีอยู่ (ทั้งแบบ standalone และ non standalone) มีความสะดวกและเข้ากันได้มากยิ่งขึ้นกับอุปกรณ์ Transmission ต่างๆในส่วนนี้ทรูมีความพร้อมอย่างเต็มที่
4.
True IoT เรื่องนี้ทรูให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆและเริ่มทำมาตั้งแต่ได้คลื่น 900 MHz มาแรกๆ โดยทรูมีโครงข่าย NB-IoT พร้อมใช้งานทั่วประเทศด้วยเทคโนโลยี LTE-M (CAT-M1) อีกทั้งยังมี IoT Ecosystem ครบวงจรมากที่สุด ให้บริการ IoT เต็มรูปแบบ ภายใต้แนวคิด “The Future is Real” มาตั้งแต่ปี 2559 ก่อนรายอื่นๆ
5.
รอเพียงคลื่น ในการให้บริการ 5G จำเป็นต้องใช้ NR หรือ New Radio มาให้บริการ ซึ่ง NR จะถูกกำหนดโดย กสทช. ว่าจะเอาคลื่นความถี่ไหนมาให้บริการ ซึ่งต้องมีความจุ หรือBandwidth สูงระดับ 100MHz ขึ้นไป ซี่งทรูมีความพร้อมในการลงทุนในด้านนี้เพราะในปีนี้ ทรูไม่ได้เข้าร่วมประมูลคลื่น 1800 และ 900MHz ซึ่งเป็นคลื่นที่นำไปใช้ในเทคโนโลยีเก่า และเป็นคลื่นที่ทรูมีใช้เพียงพออยู่แล้วทำให้งบลงทุนถูกเก็บไปใช้สำหรับคลื่น NR อย่างเต็มที่ ทันทีที่มีการประมูล TrueMove H จึงมีความพร้อมเพื่อการนี้มากสุด
นอกเหนือจาก 5 เหตุผลข้างต้นแล้ว เราลองมาดูลำดับเหตุการณ์ที่เป็นก้าวสำคัญของ TrueMove H บนหนทางไปสู่ 5G ตั้งแต่ปี 2559 ถึงปัจจุบันว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วบ้าง
1.ปี 2559 ทีม Network TrueMove H ทดสอบเทคโนโลยี FDD Massive MIMO 32T32R ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญสำหรับ 5G โดยมีจุดเด่นที่การกระจายช่องสัญญาณ ให้สามารถรองรับการรับส่งข้อมูลของผู้ใช้งานแต่ละคนได้ จึงเสมือนมีช่องสัญญาณส่วนตัว ช่วยเพิ่ม capacity ถึง 4 เท่า รองรับจำนวนผู้ใช้งานได้มากขึ้น
2. 25 มกราคม 2560 TrueMove H ผนึก อีริคสัน ประกาศความพร้อมเข้าสู่ยุค 5G พัฒนาและทดสอบระบบส่งสัญญาณ 5G ต้นแบบสำเร็จเป็นรายแรกในไทย โดยใช้เทคโนโลยีตัวส่งสัญญาณแบบ Massive MIMO ในระบบ TDD บนย่านความถี่สูงสำหรับ 5G พร้อมรองรับโลกการสื่อสารแห่งอนาคต
3. 8 พฤษภาคม 2560 TrueMove H มุ่งมั่นพัฒนาเครือข่าย 4.5G มาตรฐานโลกต่อเนื่อง ได้รับการ รับรองจากสมาคมผู้จำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของโลก (GSA) เป็นผู้ให้บริการที่มีสถานีฐาน 4×4 MIMO มากที่สุดในโลกมากถึง 7,000 สถานี
4. 20 มิถุนายน 2561 TrueMove H เปิดให้บริการ FDD Massive MIMO 32T32R รายแรกของโลก โดยให้ใช้งานได้ในบริเวณที่มีการใช้งานหนาแน่นได้แก่ บริเวณมหาวิทยาลัยสยาม ถนนเพชรเกษม และมหาวิทยาลัยรามคำแหง ถนนรามคำแหง และเปิดให้ทดสอบเทคโนโลยี LAA (Licensed Assisted Access) เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นการนำคลื่นความถี่แบบ Unlicensed มาใช้งานด้วยเทคโนโลยี LTE หรือการนำ wifi มาใช้บนเทคโนโลยี 4G เพื่อเพิ่มขีดสุดแห่งความเร็วในการส่งข้อมูล และเพิ่มแบนด์วิธให้กว้างขึ้น โดยเปิดให้ลูกค้าร่วมทดสอบที่ทรูสเฟียร์ เอ็มควอเทียร์ และเมกา บางนา
5. 20 กันยายน 2561 TrueMove H พิสูจน์ความพร้อมเข้าสู่ยุค 5G ร่วมกับ กสทช. ทดสอบเทคโนโลยี LAA ที่ได้รับอนุญาตจากกสทช. เป็นรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ณ ทรูสเฟียร์ เมกาบางนา
6. 15 พฤศจิกายน 2561 TrueMove H บินตรงนำอุปกรณ์ 5G ให้คนไทยได้ทดสอบใจกลางกรุงเทพฯ
7. 22 พฤศจิกายน 2551 TrueMove H ได้รับอนุญาตให้นำเข้าอุปกรณ์เพื่อทำการทดสอบ 5G จากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม แห่งชาติ (กสทช.)
ภายหลังการทดลองที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ เมื่อทุกอย่างมีความพร้อม ทั้งฝ่ายผู้ผลิตอุปกรณ์ (equipment vendor) ซึ่งจะออกมา commercial ในต้นปีหน้า ทั้งอุปกรณ์ในฝั่งผู้ใช้งานซึ่งจะออกตามมาอีก 6 เดือน (chipset modem 5G) และคลื่น NR ซึ่งกสทช. จะนำออกมาประมูล กระบวนการทั้งหมดเสร็จสิ้น เราจะได้เห็น “5G” โดยถ้าพิจารณาจากข้อมูลต่างๆที่นำมาประกอบกันข้างต้น ความเป็นไปได้ในการเป็นผู้นำ “5G” เฉกเช่นเดียวกับตำแหน่งผู้นำ “4G” ในอดีตคงหนีไม่พ้นรายเดิมอย่าง TrueMove H เพราะความมุ่งมั่นและการเอาจริงเอาจังใส่ใจมีการพัฒนาและเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆมาปรับใช้อยู่อย่างต่อเนื่องและการคิดไปข้างหน้าและลงมือปฎิบัติจริงมากกว่ารายอื่นๆทำให้มีความพร้อมสำหรับเทคโนโลยีและนวัตกรรมเปลี่ยนโลกอย่าง 5G ที่กำลังจะเกิดขึ้นจริงในประเทศไทยในเร็วๆนี้อย่างแน่นอน
#TrueMoveHFirst5G #TrueMoveHผู้นำ5Gตัวจริง #True5GLeader #5G #FUTUREISNOW
ที่มา
https://www.telecomlover.com/2018/11/21/leader5g/
5G : ตำแหน่งผู้นำ “TrueMove H” ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ
ข่าวใหญ่ในแวดวงโทรคมนาคมที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องการทดลองและทดสอบการใช้งาน 5G โดยฝั่งผู้ให้บริการ ซึ่ง TrueMove H ก็เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการที่ยื่นขอทดสอบ 5G กับ กสทช.ไปเรียบร้อยแล้วและกำลังจะทดสอบโดยเปิดให้ทุกคนเข้าไปสัมผัสประสบการณ์ได้เร็ววันนี้
5G กำลังจะสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับสังคมและการดำเนินธุรกิจในทุกรูปแบบ พูดง่ายๆว่ายิ่ง 5G มาเร็วเท่าไร สังคมก็จะเจริญตามเร็วขึ้นเท่านั้น เรามาดูประเด็นหลักๆ ขององค์ประกอบที่เป็นส่วนสำคัญของ 5G ว่ามีอะไรกันบ้าง
1.ความเร็วในการรับส่งข้อมูลที่เร็วขึ้นกว่าปัจจุบัน 20 เท่า (วิ่งกันระดับสูงสุด 20Gbps) ในอนาคตการบริโภคข้อมูลและปริมาณข้อมูลนับวันจะมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ 5G จึงถูกออกแบบมาให้รองรับในระยะยาว และที่นำมานำเสนอหรือโชว์เคสกันแบบเห็นชัดๆ ก็คือเรื่องความสามารถในการใช้งาน VR และ AR บน Cyberspace ได้อย่างเต็มที่
2.ปริมาณอุปกรณ์ที่จะเชื่อมต่อเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่าจากปัจจุบัน อุปกรณ์ iot หรือ Internet of things สามารถเชื่อมต่อและสื่อสารกันเองได้โดยในอนาคตจะใช้ eSim แทนซิมการ์ดแบบเดิมฝังไปในทุกๆอุปกรณ์ เมื่อทุกอย่างมีซิมในตัวเองก็จะมีอินเตอร์เน็ตเข้าถึงและมีการใช้งานพร้อมกันเป็นจำนวนมาก 5G จึงเกิดมาเพื่อการนี้
3.Latency ที่หายไป 40 เท่า (จาก 40ms เหลือเพียง 1ms) ทำให้เวลาในการตอบสนองเมื่อมีการเชื่อมต่อลดลงไปเป็นอย่างมาก มีผลดีกับการประมวลผลในระยะไกลทำให้เกิดความแม่นยำสูง ส่งเสริมการใช้งานทางด้านการแพทย์ทางไกล การเล่นเกมส์ออนไลน์ หรือรถในอนาคตที่ขับเคลื่อนได้ด้วยตนเอง (autonomous car)
จะเห็นว่า 3 สิ่งข้างต้นคือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากยุค 4G ที่เป็นแกนสำคัญๆ การทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ ผู้ให้บริการจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมในหลายๆด้าน ซึ่ง TrueMove H มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นผู้นำ 5G มาส่งมอบให้กับพวกเราได้ใช้เป็นรายแรกและรายเดียวที่สามารถใช้งานได้จริงแบบมีประสิทธิภาพ เพราะอะไรถึงเป็นเช่นนั้น เราจะสรุปเป็นข้อๆให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น
1.ประสบการณ์และความคุ้นเคย เราจะเห็นว่า TrueMove H เป็นรายแรกและรายเดียวที่มุ่งมั่นพัฒนาและนำเอาเทคโนโลยีพื้นฐานของ 5G มาใช้งานจริง เป็นต้นว่า MassiveMIMO 4×4 ที่ถูกติดตั้งและใช้งานบนคลื่น 1800MHz ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มเปิดบริการ 4G/4.5G ตามด้วยเทคนิคการเพิ่มความเร็ว Higher Modulation 256/64QAM ก็ถูกนำมาใช้งานควบคู่ไปกับการทำ Carrier Aggregation ของทุกคลื่นที่ให้บริการ 4G ทำให้ความเร็วเพิ่มขึ้น รองรับการใช้งานได้มากขึ้น และยังเป็นผู้ให้บริการรายเดียวที่ได้รับสิทธิ์การทดสอบเทคโนโลยี LAA จากกสทช. การที่ TrueMove H มีความรู้และความชำนาญในการปรับใช้คลื่นความถี่ที่มีความก้าวหน้าระดับนี้เกิดขึ้นก่อนผู้ให้บริการรายอื่นๆที่เพิ่งจะเรียนรู้และเพิ่งเริ่มนำมาให้บริการเมื่อไม่นานมานี้ นับเป็นความได้เปรียบในการเรียนรู้และพร้อมรับเอาเทคโนโลยีใหม่ 5G มาปรับใช้ได้อย่างรวดเร็วก่อนใคร
2.โครงสร้างพื้นฐานของทรู ส่วนนี้มีผลอย่างมากเพราะ Infrastructure ของทรูถูกวางไว้อย่างทันสมัยทั่วประเทศโดยทรูออนไลน์และทรูอินเตอร์เน็ต การมี Gateways เชื่อมต่อกับต่างประเทศเป็นท่อขนาดใหญ่เป็นของตัวเอง ทำให้รองรับการใช้งานหรือ traffic ได้อย่างมหาศาล ซึ่ง 5G จำเป็นต้องมีท่อหรือ core network ที่มีประสิทธิภาพไว้รองรับเป็นพื้นฐาน ซึ่ง TrueMove H มีความพร้อมในส่วนนี้มากกว่า
3.การมีพันธมิตรและเพื่อนคู่ค้าระดับโลก TrueMove H มีไชน่าโมบายเป็นพันธมิตรที่สำคัญ พร้อมให้ความช่วยเหลือในทุกๆด้านความรู้และเทคนิคในการให้บริการเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด know-how ต่างๆ ทางไชน่าโมบายซึ่งเป็นผู้ให้บริการรายใหญ่สุดของจีนก็พร้อมถ่ายทอดให้ทันทีและยังได้หัวเหว่ยซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ทั้ง 4G และ 5G มาเป็นเพื่อนคู่ค้าที่ดีเสมอมา ก็ยิ่งทำให้การติดตั้ง การปรับใช้อุปกรณ์ที่มีอยู่ (ทั้งแบบ standalone และ non standalone) มีความสะดวกและเข้ากันได้มากยิ่งขึ้นกับอุปกรณ์ Transmission ต่างๆในส่วนนี้ทรูมีความพร้อมอย่างเต็มที่
4.True IoT เรื่องนี้ทรูให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆและเริ่มทำมาตั้งแต่ได้คลื่น 900 MHz มาแรกๆ โดยทรูมีโครงข่าย NB-IoT พร้อมใช้งานทั่วประเทศด้วยเทคโนโลยี LTE-M (CAT-M1) อีกทั้งยังมี IoT Ecosystem ครบวงจรมากที่สุด ให้บริการ IoT เต็มรูปแบบ ภายใต้แนวคิด “The Future is Real” มาตั้งแต่ปี 2559 ก่อนรายอื่นๆ
5.รอเพียงคลื่น ในการให้บริการ 5G จำเป็นต้องใช้ NR หรือ New Radio มาให้บริการ ซึ่ง NR จะถูกกำหนดโดย กสทช. ว่าจะเอาคลื่นความถี่ไหนมาให้บริการ ซึ่งต้องมีความจุ หรือBandwidth สูงระดับ 100MHz ขึ้นไป ซี่งทรูมีความพร้อมในการลงทุนในด้านนี้เพราะในปีนี้ ทรูไม่ได้เข้าร่วมประมูลคลื่น 1800 และ 900MHz ซึ่งเป็นคลื่นที่นำไปใช้ในเทคโนโลยีเก่า และเป็นคลื่นที่ทรูมีใช้เพียงพออยู่แล้วทำให้งบลงทุนถูกเก็บไปใช้สำหรับคลื่น NR อย่างเต็มที่ ทันทีที่มีการประมูล TrueMove H จึงมีความพร้อมเพื่อการนี้มากสุด
นอกเหนือจาก 5 เหตุผลข้างต้นแล้ว เราลองมาดูลำดับเหตุการณ์ที่เป็นก้าวสำคัญของ TrueMove H บนหนทางไปสู่ 5G ตั้งแต่ปี 2559 ถึงปัจจุบันว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วบ้าง
1.ปี 2559 ทีม Network TrueMove H ทดสอบเทคโนโลยี FDD Massive MIMO 32T32R ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญสำหรับ 5G โดยมีจุดเด่นที่การกระจายช่องสัญญาณ ให้สามารถรองรับการรับส่งข้อมูลของผู้ใช้งานแต่ละคนได้ จึงเสมือนมีช่องสัญญาณส่วนตัว ช่วยเพิ่ม capacity ถึง 4 เท่า รองรับจำนวนผู้ใช้งานได้มากขึ้น
2. 25 มกราคม 2560 TrueMove H ผนึก อีริคสัน ประกาศความพร้อมเข้าสู่ยุค 5G พัฒนาและทดสอบระบบส่งสัญญาณ 5G ต้นแบบสำเร็จเป็นรายแรกในไทย โดยใช้เทคโนโลยีตัวส่งสัญญาณแบบ Massive MIMO ในระบบ TDD บนย่านความถี่สูงสำหรับ 5G พร้อมรองรับโลกการสื่อสารแห่งอนาคต
3. 8 พฤษภาคม 2560 TrueMove H มุ่งมั่นพัฒนาเครือข่าย 4.5G มาตรฐานโลกต่อเนื่อง ได้รับการ รับรองจากสมาคมผู้จำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของโลก (GSA) เป็นผู้ให้บริการที่มีสถานีฐาน 4×4 MIMO มากที่สุดในโลกมากถึง 7,000 สถานี
4. 20 มิถุนายน 2561 TrueMove H เปิดให้บริการ FDD Massive MIMO 32T32R รายแรกของโลก โดยให้ใช้งานได้ในบริเวณที่มีการใช้งานหนาแน่นได้แก่ บริเวณมหาวิทยาลัยสยาม ถนนเพชรเกษม และมหาวิทยาลัยรามคำแหง ถนนรามคำแหง และเปิดให้ทดสอบเทคโนโลยี LAA (Licensed Assisted Access) เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นการนำคลื่นความถี่แบบ Unlicensed มาใช้งานด้วยเทคโนโลยี LTE หรือการนำ wifi มาใช้บนเทคโนโลยี 4G เพื่อเพิ่มขีดสุดแห่งความเร็วในการส่งข้อมูล และเพิ่มแบนด์วิธให้กว้างขึ้น โดยเปิดให้ลูกค้าร่วมทดสอบที่ทรูสเฟียร์ เอ็มควอเทียร์ และเมกา บางนา
5. 20 กันยายน 2561 TrueMove H พิสูจน์ความพร้อมเข้าสู่ยุค 5G ร่วมกับ กสทช. ทดสอบเทคโนโลยี LAA ที่ได้รับอนุญาตจากกสทช. เป็นรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ณ ทรูสเฟียร์ เมกาบางนา
6. 15 พฤศจิกายน 2561 TrueMove H บินตรงนำอุปกรณ์ 5G ให้คนไทยได้ทดสอบใจกลางกรุงเทพฯ
7. 22 พฤศจิกายน 2551 TrueMove H ได้รับอนุญาตให้นำเข้าอุปกรณ์เพื่อทำการทดสอบ 5G จากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม แห่งชาติ (กสทช.)
ภายหลังการทดลองที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ เมื่อทุกอย่างมีความพร้อม ทั้งฝ่ายผู้ผลิตอุปกรณ์ (equipment vendor) ซึ่งจะออกมา commercial ในต้นปีหน้า ทั้งอุปกรณ์ในฝั่งผู้ใช้งานซึ่งจะออกตามมาอีก 6 เดือน (chipset modem 5G) และคลื่น NR ซึ่งกสทช. จะนำออกมาประมูล กระบวนการทั้งหมดเสร็จสิ้น เราจะได้เห็น “5G” โดยถ้าพิจารณาจากข้อมูลต่างๆที่นำมาประกอบกันข้างต้น ความเป็นไปได้ในการเป็นผู้นำ “5G” เฉกเช่นเดียวกับตำแหน่งผู้นำ “4G” ในอดีตคงหนีไม่พ้นรายเดิมอย่าง TrueMove H เพราะความมุ่งมั่นและการเอาจริงเอาจังใส่ใจมีการพัฒนาและเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆมาปรับใช้อยู่อย่างต่อเนื่องและการคิดไปข้างหน้าและลงมือปฎิบัติจริงมากกว่ารายอื่นๆทำให้มีความพร้อมสำหรับเทคโนโลยีและนวัตกรรมเปลี่ยนโลกอย่าง 5G ที่กำลังจะเกิดขึ้นจริงในประเทศไทยในเร็วๆนี้อย่างแน่นอน
#TrueMoveHFirst5G #TrueMoveHผู้นำ5Gตัวจริง #True5GLeader #5G #FUTUREISNOW
ที่มา https://www.telecomlover.com/2018/11/21/leader5g/