หลังจากดูหนังภาค 2 จบลงก็วนเวียนตามอ่านกระทู้วิเคราะห์ วิจารณ์ จากทั้งพันทิปและเว็บต่างประเทศอยู่เรื่อยๆ แต่ยังไม่เจอกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของนิวท์กับทีน่าเลย ซึ่งสำหรับเราแล้วบอกเลยว่าพัฒนาการเรื่องความรักของนิวท์กับทีน่าเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่ทำให้รอคอยหนังภาคต่อเรื่องนี้ (ตามประสาคนแพ้ทางคาแรคเตอร์ผู้ชายเด๋อๆ ในแบบของเจเค โรว์ลิ่ง)

ย้อนกลับไปถึงหนังภาคแรกจะเห็นว่านิวท์กับทีน่าเข้าฉากด้วยกันตลอด ความสัมพันธ์ก็เป็นไปในแบบอึนๆ มึนๆ ผสมปนเปมากับความน่ารักน่าหยิกของนิวท์ ผู้ชายซื่อๆ ตรงไปตรงมา ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม (แต่แอบมีมุมขี้เล่น) เจ้าตัวบอกว่าคนส่วนใหญ่มักจะรำคาญเมื่ออยู่ใกล้เขา แต่เรากลับมองว่านิวท์น่ารักน่าเอ็นดูเหมือนเด็กตัวโตๆ ที่หลงใหลในสัตว์แปลกๆ ซึ่งความเป็นนิวท์ สคามันเดอร์ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามามันไม่ได้ยากเลยที่จะทำให้ผู้หญิงจริงจัง เคร่งเครียดกับชีวิตแบบทีน่าตกหลุมรัก (เช่นเดียวกันกับคนดูแบบเรา)

ดูเหมือนนับจากวันที่บอกลากันที่นิวยอร์คทั้งสองคนจะไม่ได้กลับมาเจอกันเลยกระทั่งมาเจอกันอีกครั้งที่ปารีส ทั้งสองคนทำได้แค่เขียนจดหมายคุยกัน และในหนังภาค 2 นี้ชิปเปอร์อย่างเราที่เฝ้ารอคอยพัฒนาการความรักของทั้งคู่ด้วยความหวังเต็มเปี่ยมต้องรอจนเกือบกลางเรื่องถึงจะได้เห็นทั้งคู่เข้าฉากด้วยกัน แต่...อาการเวิ่นเว้อของนิวท์ที่มีต่อทุกเรื่องที่เกี่ยวกับทีน่านั้นมันช่างคุ้มค่ากับการรอคอย แค่ต้นเรื่องเราก็รู้แน่ชัดแล้วว่านิวท์ สคามันเดอร์ ผู้ชายเด๋อๆ คนนั้นตกหลุมรักทีน่าเข้าอย่างจัง

เริ่มจากสีหน้าผิดหวังเมื่อรู้ว่ามีแค่เจค็อบกับควีนนี่ที่มาหาเขาที่ลอนดอน พอรู้ว่าทีน่าเข้าใจผิดเรื่องงานหมั้นและเริ่มออกเดตกับมือปราบมารคนหนึ่งนิวท์ก็ยิ่งประหม่า คือแทบจะนั่งไม่ติดที่เลยก็ว่าได้ และหลังจากเฝ้าปฏิเสธคำขอร้องของศจ.ดัมเบิลดอร์ที่ให้เขาไปตามหาครีเดนซ์ที่ปารีส แต่แค่ได้ยินว่าทีน่าอยู่ปารีสนิวท์กลับแพ็คกระเป๋าไปปารีสทันทีแบบไม่หยุดคิด #ดัมเบิลดอร์ไม่ร้องนะคะ ความกระวนกระวายวุ่นวายใจของนิวท์ถึงทีน่าชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งเรื่องที่ถามเจค็อบว่าจะพูดกับทีน่ายังไงดี ทั้งเรื่องที่จดจำได้ว่าทีน่ามีเท้าที่เรียวมาก พอถูกถามถึงรูปพรรณสัณฐานของทีน่านิวท์ก็ตอบแบบไม่ลังเลว่าเป็นคน “สวย” (เล่นเอาเจค็อบเพลียไปเลย 5555) ท่าทีมึนตึงของทีน่าเมื่อได้เจอหน้ากันยังไม่ทำให้นิวท์ช็อคได้เท่ากับโดนทีน่าเรียกว่า “คุณสคามันเดอร์” ไม่ว่านิวท์จะพยายามชวนคุยแค่ไหนทีน่าก็เฉยชาจนคนเด๋อหาทางไปไม่เป็น โชคดีที่มีเจค็อบคอยกระตุ้น ไม่งั้นนิวท์คงปล่อยทีน่าไว้กลางทางตามประสาคนเด๋อๆ 5555

สำหรับทีน่าแม้จะพยายามวางตัวห่างเหิน เย็นชา ปากแข็งแต่ก็หวั่นไหว อาการเลยไม่ต่างอะไรกับคนซึนแสนงอนตามประสาผู้หญิง แต่ก็ดูได้ไม่ยากเลยว่าทีน่าเสียใจกับข่าวงานหมั้นของนิวท์จริงๆ นิสัยของทีน่าเป็นคนเคร่งเครียดกับตัวเอง (และคนรอบข้าง) อยู่เสมอ เธอจึงมักจะปกปิดความรู้สึกต่างๆ เปลี่ยนความเสียใจเป็นความโกรธ (แบบไม่น่าจะรู้ตัว) ไม่มีอะไรจะชัดเจนไปกว่าฉากที่ทั้งสองอยู่ด้วยกันในห้องเก็บบันทึกที่กระทรวงเวทมนตร์ฝรั่งเศส ตอนทีน่าถามนิวท์ว่าเขามาที่นี่เพื่อแย่งลีตาจากพี่ชายหรือเปล่าทีน่าน้ำตาคลอ ก่อนจะกลับมายิ้มได้เต็มหน้าเมื่อนิวท์บอกว่าเค้ารู้สึกยังไงกับรูปของเธอ (รูปที่นิวท์ตัดมาจากหนังสือพิมพ์และพกมันติดตัวไว้ตลอดเวลา)

อีกหนึ่งสิ่งที่เรารู้สึกว่าหนังภาคนี้ช่างเต็มอิ่มสำหรับชิปเปอร์นิวท์ทีน่าก็คือตอนที่นิวท์พยายามจะห้ามใจไม่พูดถึงเรื่อง “ดวงตาซาลาแมนเดอร์” ความคิดของนิวท์คงตีกันอยู่ในหัว ใจสั่งให้พูดแต่สมองบอกว่าอย่าพูดนะๆๆๆ สุดท้ายก็กลายเป็นทีน่าที่พูดออกมาซะเอง สำหรับเรามันแสดงให้เห็นว่าทีน่าเข้าใจสิ่งที่นิวท์พยายามจะสื่อ คงเพราะทีน่าอ่านหนังสือของนิวท์และ appreciate กับสิ่งที่นิวท์เขียนจริงๆ ซึ่งตรงนี้คงเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของนิวท์และมันก็น่าจะกระทบใจนิวท์ได้อีกมากโข (แต่ใครจะรู้ว่าจริงๆ แล้วนิวท์คิดอะไร 5555)




ทั้งหมดทั้งมวลที่เวิ่นมายาวเหยียด แค่อยากจะบอกว่าเราชอบความสัมพันธ์ของทั้งคู่มากๆ มันเป็นการค้นพบและเติมเต็มของคนสองคนที่แตกต่างกัน (ดูเหมือนเจเคจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการพูดถึงความสัมพันธ์แบบนี้นะ) คือมันมีความเข้าอกเข้าใจ โกรธเคือง งอนง้อ แต่ก็เคอะเขินอยู่ในตัว ซึ่งรวมๆ แล้วมันน่ารักมาก และสำหรับในภาคนี้แม้จะมีฉากด้วยกันน้อยนิดแต่มันก็มีรายละเอียดมากกว่าที่คิด เป็นความน้อยนิดที่มหาศาลจนเราเองก็คาดไม่ถึง แม้เส้นเรื่องหลักจะไม่ใช่เรื่องความรักของทั้งคู่ แต่เราจะรอดูพัฒนาการความรัก และความน่ารักของคุณสคามันเดอร์คนเด๋อกับทีน่าคนซึนในภาคต่อๆ ไปอย่างมีความหวัง



ภาค 3 ขอสกินชิปมาต่อลมหายใจชิปเปอร์บ้างนะคะป้าโจ