แม่เราเป็นราชการเงินเดือน 30,000 บาทค่ะ ส่วนพ่อเราทำกิจการร้านอาหารและของฝาก ทั้งสองอยู่ต่างจังหวัดนะคะ
ด้วยพิษเศรษฐกิจเลยทำให้แม่ต้องกู้เงินสหกรณ์+ใช้บัตรเครดิตมาพยุงร้านอาหารไว้ค่ะ
เราพึ่งรู้ความจริงหลังจากเราเรียนจบ (จริงๆมีปัญหามาซักระยะแต่แม่ไม่ยอมบอก)
รู้ตอนเราพึ่งเริ่มทำงานและมีครอบครัว (มีลูกสาวกำลังสองขวบค่ะ) ที่รู้เพราะแม่เริ่มไม่ส่งเงินให้น้องสาวซึ่งกำลังเรียนอยู่ปี4
แต่เราคิดว่าแม่ยอมบอกความจริงกับเราสายไปรึป่าว?
แม่เอาใบเงินเดือนมาให้เราดู รายละเอียดในนั้นบอกหมดค่ะ
เช่น รับเงิน 30,000 หักหนี้สหกรณ์ 8,000 บาท บัตรเครดิต 4 ธนาคาร เหลือรับเงินเดือนจริงๆแค่ 500 บาทค่ะ
หนี้ของแม่จะหมดทุกอย่างก็ต่อเมื่อเกษียณคือ 10 ปี ตีคร่าวๆ 29,500x12= 354,000x10ปี = 3.5 ล้านบาทเลยทีเดียว
และจากการกู้หนี้ยืมสิน หนี้ถมหนี้มาเรื่อยๆก็เริ่มไม่มีใครให้ยืมแล้ว ร้านไปต่อไม่ไหวเลยต้องปิดกิจการไปค่ะ
ทีนี้มันเหมือนพ่อแม่เราไม่มีรายได้แล้วใช่มั้ยคะ เพราะไม่มีรายรับทางอื่นแล้ว เราเลยตกลงกับน้องจะช่วยให้พ่อแม่คนละครึ่งค่ะ
คนละ 5,000 บาท เพราะเรามีครอบครัวมีลูกด้วยค่ะ กำลังเรามีแค่นี้ เหมือนมันจะดีแต่มันไม่จบแค่นี้ แม่เรายังเอารถไปเข้าไฟแนนซ์
พอเขาจะมายึดก็โทรมาร้องห่มร้องไห้กับเราบอกเงินไม่พอใช้ เขาตามทวงหนี้ถึงบ้าน ขอมาอยู่กทม.กับเราได้ไหม ขอย้ายมาอยู่นี่
มาหาไรทำขายของตลาดตอนเย็น มาคิดๆดูแล้วหนี้ทั้งหมดมัน 4-5  ล้าน (รวมนอกระบบ) พูดตรงๆเราไม่มีปัญญาหาเงินมาใช้ได้แน่นอน
พอจะมีทางออกหรือทางแนะนำให้เราหายเครียดได้บ้างมั้ยคะ ที่แม่คุยกับเราไว้มีดังนี้ค่ะ
1. ย้ายต้นสังกัดขอมาอยู่กทม.หน่วยงานใกล้บ้านเรา (ต้องรอนานมั้ยคะ)
2. ลาออก เพราะแม่บอกทำงานแต่ได้เงินเดือนแค่ 500 (แต่เราคิดว่าเขาไม่น่าให้ออกเพราะหนี้เยอะ)
3. หนีราชการ ออกจากงานเองโดยไม่บอกหายไปเลย ไปเริ่มต้นใหม่ (มีโทษหนักมั้ยคะ)
มีใครพอแนะนำเราบ้างมั้ยคะ เรื่องนี้เราคุยกับคนใกล้ตัวไม่ได้เลยค่ะนอกจากสามี ยอมรับว่าเราเครียดมาก ไม่มีสมาธิทำงานเลยค่ะ
เพราะเงินที่ส่งให้แม่ แม่บอกไม่พอใช้ค่ะ แต่จะหาไรขายแถวบ้านก็ไม่ได้ค่ะบ้านเราบ้านนอกเป็นเมืองเล็กๆค่ะ
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ แชร์ความเห็นได้ค่ะ เราน้อมรับฟัง เครียดไม่ไหวแล้วจริงๆแม่โทรมาร้องไห้ขอมาอยู่ด้วยทุกวัน