คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
จริงๆศาสนาคริสต์สอนนะเรื่องการให้ทานช่วยเหลือผู้อื่น
“ถ้าเขาจะขอสิ่งใดจากท่าน ก็จงให้ อย่าเมินหน้าจากผู้ที่อยากขอยืมจากท่าน”( มธ 5 : 42 )
“ทุกคนจงให้ตามที่เขาคิดหมายไว้ในใจ มิใช่ให้ด้วยการฝืนใจ เพราะว่าพระเจ้าทรงรักคนนั้นที่ให้ด้วยใจยินดี” ( 2 คร 9 : 7 )
“ท่านจงมีน้ำใจต่อกัน เหมือนอย่างที่มีในพระเยฃูคริสต์” ( ฟป 2 : 5 )
“จะต้องเป็นผู้ที่ได้ชื่อว่าได้กระทำดี เช่น ได้เอาใจใส่เลี้ยงดูลูก ได้มีน้ำใจรับรอง แขก ได้ล้างเท้าธรรมิกชน ได้สงเคราะห์คนที่มีความทุกข์ยาก และได้บำเพ็ญ คุณความดี” ( 1 ทธ 5 : 10 )
“จงอย่าละเลยที่จะกระทำการดี และจงแบ่งปันข้าวของซึ่งกันและกัน”( ฮบ 13 : 16 )
จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง แต่บางคนก็ตีความหมายเป็นอย่างอื่น เช่นให้ช่วยแต่คริสเตียน แต่ส่วนใหญ่ก็จะให้ทุกคน เช่นวันคริสต์มาส บางโบสถ์ สมาชิกของโบสถ์จะนำ ของต่างๆ เครื่องดื่ม อาหาร มาแจกฟรี จะใครหรือศาสนาไหนก็สามารถไปรับทานนั้นได้
อิสลามก็มี
“พวกเขาจะถามเจ้าว่า พวกเขาจะบริจาคสิ่งใดบ้าง? จงกล่าวเถิดว่า ทรัพย์สินใดๆ ก็ตามที่พวกท่านบริจาคไปก็จงให้แก่ผู้บังเกิดเกล้าทั้งสอง และบรรดาญาติที่ใกล้ชิด และแก่บรรดาเด็กกำพร้า และบรรดาคนยากจน และผู้ที่อยู่ในการเดินทาง และก็ความดีใด ๆ ที่พวกท่านกระทำอยู่นั้น แท้จริงอัลลอฮฺทรงรู้ดี” (อัล-บะเกาะเราะฮฺ 215)
“และจงเคารพสักการะอัลลอฮฺเถิด และอย่าให้มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นภาคีกับพระองค์ และจงทำดีต่อผู้บังเกิดเกล้าทั้งสองและต่อผู้เป็นญาติที่ใกล้ชิด และเด็กกำพร้าและผู้ขัดสน และเพื่อนบ้านใกล้เคียงและเพื่อนที่ห่างไกล และเพื่อนเคียงข้าง และผู้เดินทาง และผู้ที่มือขวาของพวกเจ้าครอบครอง แท้จริงอัลลอฮฺ ไม่ทรงชอบผู้ยะโส ผู้โอ้อวด” (อัน-นิสาอ์ 36)
“แท้จริง เขามิได้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ ผู้ยิ่งใหญ่ และเขามิได้ส่งเสริมให้อาหารแก่คนขัดสน ดังนั้น วันนี้เขาจะไม่มีมิตรสนิท ณ ที่นี้ และไม่มีอาหารอย่างใด นอกจากน้ำหนองที่ไหลมาจากแผลของชาวนรก ไม่มีผู้ใดกินมัน นอกจากบรรดาผู้กระทำความผิด” (อัล-ห๊ากเกาะฮฺ 33-37)
ศาสนาอิสลามสนับสนุนการให้ทานช่วยเหลือทุกคนที่ขาดแคลนไม่ว่าจะเป็นใคร แต่บางคนก็ตีความหมายว่าต้องช่วยมุสลิมเท่านั้น
เช่นการใส่บาตร ในบางสถานที่ พระสงฆ์บิณทบาตยาก ชาวมุสลิมบางคนเห็นความลำบากนี้ก็ช่วยใส่บาตร พระจะได้มีข้าวกิน แต่บางคนกลับมองว่าเป็นการสนับสนุนศาสนาอื่น
“อัลลอฮฺมิได้ทรงห้ามพวกเจ้าเกี่ยวกับบรรดาผู้ที่มิได้ต่อต้านพวกเจ้าในเรื่องศาสนา และพวกเขามิได้ขับไล่พวกเจ้าออกจากบ้านเรือนของพวกเจ้า
ในการที่พวกเจ้าจะทำความดีแก่พวกเขา และให้ความยุติธรรมแก่พวกเขา แท้จริงอัลลอฮฺทรงรักผู้มีความยุติธรรม”
“อัลลอฮฺไม่ได้ห้ามพวกท่านที่จะทำความดี แก่ผู้ที่ปฏิเสธต่อศาสนา(อิสลาม) อย่าได้ทำการสู้รบเข่นฆ่าพวกเขา เช่นผู้หญิง คนอ่อนแอจากพวกเขา ให้ทำความดีกับพวกเขา และให้ความยุติธรรมแก่พวกเขา”
“ถ้าเขาจะขอสิ่งใดจากท่าน ก็จงให้ อย่าเมินหน้าจากผู้ที่อยากขอยืมจากท่าน”( มธ 5 : 42 )
“ทุกคนจงให้ตามที่เขาคิดหมายไว้ในใจ มิใช่ให้ด้วยการฝืนใจ เพราะว่าพระเจ้าทรงรักคนนั้นที่ให้ด้วยใจยินดี” ( 2 คร 9 : 7 )
“ท่านจงมีน้ำใจต่อกัน เหมือนอย่างที่มีในพระเยฃูคริสต์” ( ฟป 2 : 5 )
“จะต้องเป็นผู้ที่ได้ชื่อว่าได้กระทำดี เช่น ได้เอาใจใส่เลี้ยงดูลูก ได้มีน้ำใจรับรอง แขก ได้ล้างเท้าธรรมิกชน ได้สงเคราะห์คนที่มีความทุกข์ยาก และได้บำเพ็ญ คุณความดี” ( 1 ทธ 5 : 10 )
“จงอย่าละเลยที่จะกระทำการดี และจงแบ่งปันข้าวของซึ่งกันและกัน”( ฮบ 13 : 16 )
จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง แต่บางคนก็ตีความหมายเป็นอย่างอื่น เช่นให้ช่วยแต่คริสเตียน แต่ส่วนใหญ่ก็จะให้ทุกคน เช่นวันคริสต์มาส บางโบสถ์ สมาชิกของโบสถ์จะนำ ของต่างๆ เครื่องดื่ม อาหาร มาแจกฟรี จะใครหรือศาสนาไหนก็สามารถไปรับทานนั้นได้
อิสลามก็มี
“พวกเขาจะถามเจ้าว่า พวกเขาจะบริจาคสิ่งใดบ้าง? จงกล่าวเถิดว่า ทรัพย์สินใดๆ ก็ตามที่พวกท่านบริจาคไปก็จงให้แก่ผู้บังเกิดเกล้าทั้งสอง และบรรดาญาติที่ใกล้ชิด และแก่บรรดาเด็กกำพร้า และบรรดาคนยากจน และผู้ที่อยู่ในการเดินทาง และก็ความดีใด ๆ ที่พวกท่านกระทำอยู่นั้น แท้จริงอัลลอฮฺทรงรู้ดี” (อัล-บะเกาะเราะฮฺ 215)
“และจงเคารพสักการะอัลลอฮฺเถิด และอย่าให้มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นภาคีกับพระองค์ และจงทำดีต่อผู้บังเกิดเกล้าทั้งสองและต่อผู้เป็นญาติที่ใกล้ชิด และเด็กกำพร้าและผู้ขัดสน และเพื่อนบ้านใกล้เคียงและเพื่อนที่ห่างไกล และเพื่อนเคียงข้าง และผู้เดินทาง และผู้ที่มือขวาของพวกเจ้าครอบครอง แท้จริงอัลลอฮฺ ไม่ทรงชอบผู้ยะโส ผู้โอ้อวด” (อัน-นิสาอ์ 36)
“แท้จริง เขามิได้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ ผู้ยิ่งใหญ่ และเขามิได้ส่งเสริมให้อาหารแก่คนขัดสน ดังนั้น วันนี้เขาจะไม่มีมิตรสนิท ณ ที่นี้ และไม่มีอาหารอย่างใด นอกจากน้ำหนองที่ไหลมาจากแผลของชาวนรก ไม่มีผู้ใดกินมัน นอกจากบรรดาผู้กระทำความผิด” (อัล-ห๊ากเกาะฮฺ 33-37)
ศาสนาอิสลามสนับสนุนการให้ทานช่วยเหลือทุกคนที่ขาดแคลนไม่ว่าจะเป็นใคร แต่บางคนก็ตีความหมายว่าต้องช่วยมุสลิมเท่านั้น
เช่นการใส่บาตร ในบางสถานที่ พระสงฆ์บิณทบาตยาก ชาวมุสลิมบางคนเห็นความลำบากนี้ก็ช่วยใส่บาตร พระจะได้มีข้าวกิน แต่บางคนกลับมองว่าเป็นการสนับสนุนศาสนาอื่น
“อัลลอฮฺมิได้ทรงห้ามพวกเจ้าเกี่ยวกับบรรดาผู้ที่มิได้ต่อต้านพวกเจ้าในเรื่องศาสนา และพวกเขามิได้ขับไล่พวกเจ้าออกจากบ้านเรือนของพวกเจ้า
ในการที่พวกเจ้าจะทำความดีแก่พวกเขา และให้ความยุติธรรมแก่พวกเขา แท้จริงอัลลอฮฺทรงรักผู้มีความยุติธรรม”
“อัลลอฮฺไม่ได้ห้ามพวกท่านที่จะทำความดี แก่ผู้ที่ปฏิเสธต่อศาสนา(อิสลาม) อย่าได้ทำการสู้รบเข่นฆ่าพวกเขา เช่นผู้หญิง คนอ่อนแอจากพวกเขา ให้ทำความดีกับพวกเขา และให้ความยุติธรรมแก่พวกเขา”
แสดงความคิดเห็น
ศาสนาคริสต์และอิสลามมีการทำบุญ ทำทาน หรือไม่?
ปกติแล้วศาสนาพุทธ จะมีการให้ทาน เพื่อจะได้รับบุญกุศล (เราเองนับถือศาสนาพุทธค่ะ)
แล้วตอนนี้ก็ทราบข้อมูลคร่าวๆว่า ศาสนาคริสต์มีการให้สิบลด(ทศางค์) และการถวายทรัพย์แด่พระเจ้า
ส่วนศาสนาอิสลาม มีการให้ ซะกาต
จุดประสงค์ของการให้ก็คล้ายๆกันทั้ง3ศาสนา คือ กำจัดความตระหนี่ ขี้เหนียว กำจัดความโลภ ความเห็นแก่ตัวของคน รู้จักการให้และแบ่งปันผู้อื่น
เราจึงเกิดคำถามว่า ศาสนาคริสต์และอิสลามต่างก็เป็นการให้กลับคืนสู่พระเจ้าที่ตนนับถือทั้งสิ้น แล้วถ้าเกิดว่ามีกรณี เจอขอทานโดยบังเอิญ อยากจะให้เงินแก่ขอทาน จะเรียกการให้นี้ว่าอย่างไร คิดอะไรอยู่ตอนที่กำลังให้ และหวังอะไรเมื่อให้เสร็จแล้ว
ป.ล ถ้าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องธรรมดาของคุณจนไม่คิดว่าจะมีใครมาตั้งกระทู้แบบนี้ ดูน่ารำคาญสำหรับใคร เราก็ต้องขอโทษด้วยนะ
เพราะคนที่ไม่รู้คือไม่รู้จริงๆ ไม่ได้จะมาหยามเหยียดอะไร เราแค่อยากมีความเข้าใจในแต่ละศาสนามากขึ้น จะได้ไม่เข้าใจไปเองแบบผิดๆ
ยังไงก็ขอรบกวนด้วยนะคะ