สวัสดีค่ะ เราเป็นมนุษย์คนท้อง 2018 ท้องแรกนะคะ เราเลือกฝากครรภ์ที่ โรงพยาบาลวิภาราม พัฒนาการ กับคุณหมอ สุภัททา ค่ะ
ปล.เราไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับรพ.นะ แต่เผื่อว่าจะมีประโยชน์กับคุณแม่ที่กำลังดูว่าจะฝากครรภ์ที่นี่ดีมั้ย บราๆ
ขณะที่พิมพ์นี้ อายุครรภ์ได้32 สัปดาห์ค่ะ (ยังมีเวลามาเม้า)
1.ฝากครรภ์ (ราคา 14000-15500)
เราเลือกฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลวิภาราม พัฒนาการ เพราะว่า ประกันสังคมอยู่ที่นี่ และ เดินทางสะดวกค่ะ อีกอย่างที่นี่เขามีชั้นแผนกสูตินารี ค่อนข้างดูโอเค (เคยพาหลานไปหาหมอเด็ก) พยาบาลน่ารัก พูดจาดีทุกคนค่ะ
หาข้อมูลดูก็เลือกที่จะฝากกับหมอสุภัททาค่ะ คือหมอทุกท่านก็ดูจะเก่งๆนะคะ ที่นี่มีแต่หมอผู้หญิงนะ เพียงแต่เราเลือกหมอท่านนี้เพราะเราดูวันที่ท่านเข้าตรวจ ตรงกับที่เราว่าง ยังไงแม่ๆลองไปดูในเว็บไซต์ก่อนนะคะ จะมีตารางตรวจของแต่ละท่านอยู่ค่ะ หมอสุภัททา พูดจาดีมากๆ บางครั้งท่านพูดไวหน่อย ถ้าแม่ฟังไม่ทัน ก็ทวนได้นะ หรือบันทึกเสียงไว้ก็ได้ ท่านอนุญาติให้ถ่ายวิดีโอตอนซาวด์ได้นะคะ แต่ห้ามถ่ายหมอค่ะ มีอะไรจะถามจดมาได้เลย นึกคำถามไม่ออกหมอก็จะแนะนำให้สำหรับแต่ละช่วงอายุครรภ์ ด้วยความดีงามของหมอนั้นก็ทำให้นางมีคนไข้เยอะค่ะ เสาร์อาทิตย์เลี่ยงได้ก็เลี่ยงนะคะ ไปวันธรรมดาดีกว่า เราไปเช้าๆ ได้คิวแรกๆตลอด แต่หมอตรวจไม่รีบนะคะ ขึ้นอยู่กับเราด้วย ถ้าเราเร่งตัวเอง หมอก็เร่งตาม ได้ซาวด์ 2Dทุกครั้งที่พบหมอค่ะ
ไปครั้งแรก หมอก็จะถามประจำเดือนวันแรกครั้งสุดท้าย จำไม่ได้ไม่เป็นไรนะคะ หมอไม่ดุ เขาก็จะใช้วิธีดูจากอัลตร้าซาวด์เอาจ้า ของเราซาวด์ผ่านหน้าท้อง มองแทบไม่เห็น ประเมินอายุครรภ์ยาก คุณหมอก็ถามว่า จะตรวจผ่านช่องคลอดไหม หรือจะรอให้โตกว่านี้ เราก็เลือกตรวจผ่านช่องคลอดเลย ไม่เจ็บนะคะ หมอใช้อุปกรณ์เป็นแท่งหัวมนๆ พลาสติก มันจะสั่นๆแล้วเข้าไปข้างใน ปรากฎว่าเราตั้งครรภ์ได้ 6วีค หัวใจเต้นแล้ว มีถุงไข่แดง (ครั้งแรกนี้มีค่าใช้จ่าย1600บาทค่ะ)
ตอนนั้นคุณหมอยังไม่ให้ซื้อแพคเพจฝากครรภ์
เหตุผลก็เพราะ ถ้าเราซื้อแพคเกจแล้ว เกิดหัวใจทารกหยุดเต้น หรือเสียชีวิต แท้ง เราไม่สามารถขอเงินคืนได้ คุณหมอนัดมาอีกครั้งตอน11วีคกว่าๆ (เกือบจะ3เดือน) ก็ได้ซื้อแพคเกจฝากครรภ์ ราคา 15510บาท ได้สมุดพกสีชมพูมา (แพคนี้สำหรับคนที่ไม่เคยตรวจธาลัสซีเมียและพาหะ ตรวจทั้งพ่อและแม่ค่ะ) คุณหมอจะให้ความรู้เกี่ยวกับการตั้งครรภ์ในแบบหลักการแพทย์นะคะ ช่วง3เดือนแรก ทารกเขาจะมีการสร้างถุงไข่แดงประจำตัวมา ซึ่งในนั้นจะคัดสรรค์สารอาหารดีๆจากตัวแม่มาเก็บไว้ให้เขาค่อยๆดึงใช้ ระหว่างรอรกสร้างเสร็จ ช่วงนี้ กินไรได้ก็กิน กินไม่ได้ก็ไม่ต้องกังวล ลูกได้สารอาหารเพียงพอแน่นอน แต่ยังไงก็ต้องทานยาบำรุงโฟเลตให้ครบทุกวันนะคะ อย่าขาด ช่วยเรื่องความพิการได้ ไม่มากก็น้อย จริงๆจะได้ผลดีคือต้องทานก่อนตั้งครรภ์3เดือน ธาตุเหล็กหมอยังไม่ให้เรา ท่านบอกว่า มันจะกระตุ้นให้อาเจียน แต่ถ้าใครจะไปซื้อมาทานเองก็ได้นะ (ธาตุเหล็กสำคัญมากตอนท้อง ถ้าใครที่เหมือนๆจะมีเรื่องเลือดจางอยู่บ้าง ทานไว้เลย อย่าขาดลูกจะได้ไม่ซีด ตอนตั้งครรภ์นี้ น้ำเลือดจะเพิ่มขึ้นช่วง4-5เดือนในขณะที่เม็ดเลือดมีเท่าเดิม หมอถึงให้ธาตุเหล็กเราตอน4เดือนค่ะ) จากนั้นเราจะได้พบคุณหมอในทุก4สัปดาห์ พอเข้า28สัปดาห์จะได้พบทุกๆ2สัปดาห์ และพอครบ36สัปดาห์ต้องพบหมอทุกอาทิตย์จนกว่าจะคลอดค่ะ รวมๆแล้วเจอหมอประมาณ13-15ครั้ง แพคเกจคลอดที่นี่มีแบบคลอดธรรมชาติ 36000 ผ่าคลอด47500 มีแค่2แบบนี้นะคะ ถ้าต้องการพักห้องVIPเพิ่มคืนละ1000 (เพิ่มเติมในเว็บของรพ.นะคะ) อันนี้คือไม่รวมกรณีที่ทารกต้องส่องไฟหรือภาวะแทรกซ้อนอื่นๆทั้งแม่และลูกค่ะ
2.แพ้ท้องหนักมาก 1 เดือนกว่าๆกับความทรมานกินไม่ได้ ทำงานไม่ได้
หลังพบหมอแล้ว ก็บ่นกับเพื่อนว่า เห้ย ทำไมเราไม่เห็นแพ้ท้องเลย เพื่อนบอกว่า ไม่แพ้ก็ดีแล้ว ใช้ชีวิตตามปกติไปได้2สัปดาห์ เริ่มมีอาการอาหารไม่ย่อย
แก๊สในกระเพาะเยอะมาก และน้ำย่อยออกมาทุกๆชั่วโมงเลย แปลว่าต้องกินทุกชั่วโมงเลย ถ้าช้าไปแค่นิดเดียว จะปวดหัวและลมดัน อาเจียน เหม็นกลิ่นที่เคยหอม กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่ม กลิ่นน้ำมันหอมระเหยในบ้าน แม้กระทั่งกลางคืนตี2 ตี3 หรือจะตี5 ถ้าน้ำย่อยออกมา ถ้าไม่ยอมฝืนตัวเองลุกมากินอะไรก็ได้
ลมตีก็อ้วกแตกเลยค่ะ ต้องตุนของไว้เยอะมาก เป็นหนักเข้าๆ เริ่มกินอะไรก็อ้วก กินไปได้สัก10นาที ก็ออกมากันหมดเลย จนเริ่มทำงานไม่ได้ค่ะ ตั้งตัวนั่งไม่ไหว ต้องนอนแอ้งแม๊ง หน้าตาโทรมไปหมดค่ะ ลูบท้องบอกลูกให้ช่วยแม่หน่อยก็ไม่เป็นผลค่ะ จนท้อ อ้วกจนมีเลือดปน แต่เราก็ไม่ได้ไปแอดมิดนะ เพราะเราอ่านมาแล้วว่า ถ้าเลือดปนนิดๆคือเส้นเลือดฝอยที่คอแตก ไม่อันตราย เราไปหาหมอครั้งนึงเพราะคิดว่า จะมียาอะไรที่ช่วยได้ หมอให้ยาวิตามินบี6 และยาแก้แพ้ ขออภัยเราจำชื่อไม่ได้มา เชื่อไหมว่า ยาไม่ได้ช่วยอะไรเลย เราเลยกินน้ำเกลือแร่ และก็พยายามหาวิธีด้วยตัวเอง แต่แล้วเราก็ค้นพบอาหารที่เราสามารถกินแล้วไม่อ้วก นั่นก็คือ มาม่าคัพรสต้มยำ ตรงนี้อยากให้แม่ๆค้นหากันเอง บางคนกินน้ำหวานแล้วดี บางคนกินขนม บางคนก็ของเปรี้ยว ของหวานแล้วแต่คนจริงๆค่ะ รอดชีวิตได้เพราะสิ่งนี้ บางวันดี เหมือนไม่แพ้แล้ว วันถัดมาก็เหมือนคนจะตาย นอนหลับสนิทนี่คืออะไรไม่รู้เลย นอนๆอยู่ก็ต้องคว้าถังมาอ้วก ไอนิดเดียวก็อ้วก แต่แล้ว เราก็ผ่านมาได้ตอนอายุครรภ์ได้12สัปดาห์ อาการเหล่านั้นก็หายไป เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่อย่าไปทักมันนะ เดี๋ยวมันกลับมาล่ะยุ่งเลย แต่เรื่องกลิ่นต่างๆ ยังฝังใจอยู่ค่ะ ก็คือเลิกใช้น้ำมันหอมระเหยกลิ่นนั้นไปเลย น้ำยาปรับผ้านุ่มที่เคยได้กลิ่นแล้วอ้วก เราก็เลิกใช้เลย แม้กระทั่งเดินๆไปบังเอิญได้กลิ่นจากเสื้อผ้าคนอื่นก็ยังหลอนอยู่เลยค่ะ บอกเลยว่า คนที่ไม่แพ้น่ะ คุณโชคดีแล้วค่ะ สำหรับเราว่ามันไม่ได้บ่งบอกหรอกนะว่า แพ้มาก ลูกแข็งแรง แพ้น้อย ลูกอ่อนแอ เพียงแต่ว่า การสร้างรก ต้องใช้ฮอร์โมนสูงมาก มันก็ทำให้ระบบร่างกายเรารวน เมื่อรกสร้างเสร็จแล้ว ส่วนใหญ่จะหายค่ะ ก็มีบางคนที่แพ้นานถึง4เดือน ทั้งนี้อยากให้สู้ เพราะพอสู้มาจนถึงตอนที่เขาเตะท้องเราให้รู้สึกได้ชัดเจน เรารู้สึกดีมาก เหมือนผ่านอะไรมาด้วยกันค่ะ
"ลูกดิ้น" เราเริ่มรู้สึกแบบชัดเจนตอน 21วีคค่ะ ตุ๊บๆ ดุ๊บๆ ภายในท้อง และชัดขึ้นๆเรื่อยๆค่ะ จนกระทั่งตอนนี้8เดือน จะมาเป็นลูก เป็นระรอกใหญ่ ไม่ต้องนอนกันล่ะค่ะ เวลาที่ดิ้นมากสุดคือตี1 พยาบาลจะให้นับลูกดิ้นนะคะตอนอายุครรภ์ได้28สัปดาห์ และจดลงสมุดสีชมพู ต้องจดนะ พยาบาลค่อนข้างซีเรียสเลยล่ะ
"เลือดจาง" (บอกก่อนว่าเราไม่ได้เป็นพาหะธาลัสซีเมียและไม่ได้เป็นธาลัสซีเมียนะคะ)ตอนนี้เรามีภาวะเลือดจาง แต่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดเพราะตัวเราเองก็ไม่มีวินัยในการทานยาบำรุงอยู่ช่วงนึง คุณหมอก็เลยให้อัดเพิ่มจากทานมื้อเช้า เป็น เช้าและเย็นสำหรับธาตุเหล็กค่ะ ก็รอลุ้นผลเลือดรอบถัดไปว่า จะดีขึ้นมั้ย ดังนั้น ให้ทานทุกวันนะะะะ อย่าเหลือไว้ดูเล่น!!!
"ลูกสะอึก" มีจริงๆนะ ไม่ใช่การคิดไปเองของแม่ๆ การสะอึกจะเป็นจังหวะสม่ำเสมอ แต่จะแรงกว่าชีพจร สังเกตได้ว่าเขาเริ่มสะอึกให้เราได้รู้สึก ตอน7เดือนค่ะ บ่งบอกถึงการฝึกหายใจของลูกนะคะ ถือเป็นเรื่องดี ไม่ได้ผิดปกตินะ
"ตะคริว" เราเพิ่งเคยเป็นตอนท้องได้7เดือนกว่าๆ แต่ก็เป็นแค่ครั้งเดียวค่ะ เรียกสามีมาช่วยดัดเท้ากันตอนตี5 ปวดน่องจนวันถัดไปเลยล่ะ แล้วก็ไม่เป็นอีกนะสำหรับคุณแม่ที่กังวลว่าจะเป็นก็ให้ทานแคลเซียมทุกคืนก่อนนอน หมอจะให้มาค่ะ
ถ้ามีอะไรอัพเดทเพิ่มเติมจะมาพิมพ์เล่าให้ฟังนะคะ
อยากแชร์ประสบการณ์ "แพ้ท้องหนักมาก" "ฝากครรภ์วิภาราม" เผื่อแม่ๆจะได้มีกำลังใจผ่านช่วงเวลานี้ไปแบบเรา 2561
ปล.เราไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับรพ.นะ แต่เผื่อว่าจะมีประโยชน์กับคุณแม่ที่กำลังดูว่าจะฝากครรภ์ที่นี่ดีมั้ย บราๆ
ขณะที่พิมพ์นี้ อายุครรภ์ได้32 สัปดาห์ค่ะ (ยังมีเวลามาเม้า)
1.ฝากครรภ์ (ราคา 14000-15500)
เราเลือกฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลวิภาราม พัฒนาการ เพราะว่า ประกันสังคมอยู่ที่นี่ และ เดินทางสะดวกค่ะ อีกอย่างที่นี่เขามีชั้นแผนกสูตินารี ค่อนข้างดูโอเค (เคยพาหลานไปหาหมอเด็ก) พยาบาลน่ารัก พูดจาดีทุกคนค่ะ
หาข้อมูลดูก็เลือกที่จะฝากกับหมอสุภัททาค่ะ คือหมอทุกท่านก็ดูจะเก่งๆนะคะ ที่นี่มีแต่หมอผู้หญิงนะ เพียงแต่เราเลือกหมอท่านนี้เพราะเราดูวันที่ท่านเข้าตรวจ ตรงกับที่เราว่าง ยังไงแม่ๆลองไปดูในเว็บไซต์ก่อนนะคะ จะมีตารางตรวจของแต่ละท่านอยู่ค่ะ หมอสุภัททา พูดจาดีมากๆ บางครั้งท่านพูดไวหน่อย ถ้าแม่ฟังไม่ทัน ก็ทวนได้นะ หรือบันทึกเสียงไว้ก็ได้ ท่านอนุญาติให้ถ่ายวิดีโอตอนซาวด์ได้นะคะ แต่ห้ามถ่ายหมอค่ะ มีอะไรจะถามจดมาได้เลย นึกคำถามไม่ออกหมอก็จะแนะนำให้สำหรับแต่ละช่วงอายุครรภ์ ด้วยความดีงามของหมอนั้นก็ทำให้นางมีคนไข้เยอะค่ะ เสาร์อาทิตย์เลี่ยงได้ก็เลี่ยงนะคะ ไปวันธรรมดาดีกว่า เราไปเช้าๆ ได้คิวแรกๆตลอด แต่หมอตรวจไม่รีบนะคะ ขึ้นอยู่กับเราด้วย ถ้าเราเร่งตัวเอง หมอก็เร่งตาม ได้ซาวด์ 2Dทุกครั้งที่พบหมอค่ะ
ไปครั้งแรก หมอก็จะถามประจำเดือนวันแรกครั้งสุดท้าย จำไม่ได้ไม่เป็นไรนะคะ หมอไม่ดุ เขาก็จะใช้วิธีดูจากอัลตร้าซาวด์เอาจ้า ของเราซาวด์ผ่านหน้าท้อง มองแทบไม่เห็น ประเมินอายุครรภ์ยาก คุณหมอก็ถามว่า จะตรวจผ่านช่องคลอดไหม หรือจะรอให้โตกว่านี้ เราก็เลือกตรวจผ่านช่องคลอดเลย ไม่เจ็บนะคะ หมอใช้อุปกรณ์เป็นแท่งหัวมนๆ พลาสติก มันจะสั่นๆแล้วเข้าไปข้างใน ปรากฎว่าเราตั้งครรภ์ได้ 6วีค หัวใจเต้นแล้ว มีถุงไข่แดง (ครั้งแรกนี้มีค่าใช้จ่าย1600บาทค่ะ)
ตอนนั้นคุณหมอยังไม่ให้ซื้อแพคเพจฝากครรภ์
เหตุผลก็เพราะ ถ้าเราซื้อแพคเกจแล้ว เกิดหัวใจทารกหยุดเต้น หรือเสียชีวิต แท้ง เราไม่สามารถขอเงินคืนได้ คุณหมอนัดมาอีกครั้งตอน11วีคกว่าๆ (เกือบจะ3เดือน) ก็ได้ซื้อแพคเกจฝากครรภ์ ราคา 15510บาท ได้สมุดพกสีชมพูมา (แพคนี้สำหรับคนที่ไม่เคยตรวจธาลัสซีเมียและพาหะ ตรวจทั้งพ่อและแม่ค่ะ) คุณหมอจะให้ความรู้เกี่ยวกับการตั้งครรภ์ในแบบหลักการแพทย์นะคะ ช่วง3เดือนแรก ทารกเขาจะมีการสร้างถุงไข่แดงประจำตัวมา ซึ่งในนั้นจะคัดสรรค์สารอาหารดีๆจากตัวแม่มาเก็บไว้ให้เขาค่อยๆดึงใช้ ระหว่างรอรกสร้างเสร็จ ช่วงนี้ กินไรได้ก็กิน กินไม่ได้ก็ไม่ต้องกังวล ลูกได้สารอาหารเพียงพอแน่นอน แต่ยังไงก็ต้องทานยาบำรุงโฟเลตให้ครบทุกวันนะคะ อย่าขาด ช่วยเรื่องความพิการได้ ไม่มากก็น้อย จริงๆจะได้ผลดีคือต้องทานก่อนตั้งครรภ์3เดือน ธาตุเหล็กหมอยังไม่ให้เรา ท่านบอกว่า มันจะกระตุ้นให้อาเจียน แต่ถ้าใครจะไปซื้อมาทานเองก็ได้นะ (ธาตุเหล็กสำคัญมากตอนท้อง ถ้าใครที่เหมือนๆจะมีเรื่องเลือดจางอยู่บ้าง ทานไว้เลย อย่าขาดลูกจะได้ไม่ซีด ตอนตั้งครรภ์นี้ น้ำเลือดจะเพิ่มขึ้นช่วง4-5เดือนในขณะที่เม็ดเลือดมีเท่าเดิม หมอถึงให้ธาตุเหล็กเราตอน4เดือนค่ะ) จากนั้นเราจะได้พบคุณหมอในทุก4สัปดาห์ พอเข้า28สัปดาห์จะได้พบทุกๆ2สัปดาห์ และพอครบ36สัปดาห์ต้องพบหมอทุกอาทิตย์จนกว่าจะคลอดค่ะ รวมๆแล้วเจอหมอประมาณ13-15ครั้ง แพคเกจคลอดที่นี่มีแบบคลอดธรรมชาติ 36000 ผ่าคลอด47500 มีแค่2แบบนี้นะคะ ถ้าต้องการพักห้องVIPเพิ่มคืนละ1000 (เพิ่มเติมในเว็บของรพ.นะคะ) อันนี้คือไม่รวมกรณีที่ทารกต้องส่องไฟหรือภาวะแทรกซ้อนอื่นๆทั้งแม่และลูกค่ะ
2.แพ้ท้องหนักมาก 1 เดือนกว่าๆกับความทรมานกินไม่ได้ ทำงานไม่ได้
หลังพบหมอแล้ว ก็บ่นกับเพื่อนว่า เห้ย ทำไมเราไม่เห็นแพ้ท้องเลย เพื่อนบอกว่า ไม่แพ้ก็ดีแล้ว ใช้ชีวิตตามปกติไปได้2สัปดาห์ เริ่มมีอาการอาหารไม่ย่อย
แก๊สในกระเพาะเยอะมาก และน้ำย่อยออกมาทุกๆชั่วโมงเลย แปลว่าต้องกินทุกชั่วโมงเลย ถ้าช้าไปแค่นิดเดียว จะปวดหัวและลมดัน อาเจียน เหม็นกลิ่นที่เคยหอม กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่ม กลิ่นน้ำมันหอมระเหยในบ้าน แม้กระทั่งกลางคืนตี2 ตี3 หรือจะตี5 ถ้าน้ำย่อยออกมา ถ้าไม่ยอมฝืนตัวเองลุกมากินอะไรก็ได้
ลมตีก็อ้วกแตกเลยค่ะ ต้องตุนของไว้เยอะมาก เป็นหนักเข้าๆ เริ่มกินอะไรก็อ้วก กินไปได้สัก10นาที ก็ออกมากันหมดเลย จนเริ่มทำงานไม่ได้ค่ะ ตั้งตัวนั่งไม่ไหว ต้องนอนแอ้งแม๊ง หน้าตาโทรมไปหมดค่ะ ลูบท้องบอกลูกให้ช่วยแม่หน่อยก็ไม่เป็นผลค่ะ จนท้อ อ้วกจนมีเลือดปน แต่เราก็ไม่ได้ไปแอดมิดนะ เพราะเราอ่านมาแล้วว่า ถ้าเลือดปนนิดๆคือเส้นเลือดฝอยที่คอแตก ไม่อันตราย เราไปหาหมอครั้งนึงเพราะคิดว่า จะมียาอะไรที่ช่วยได้ หมอให้ยาวิตามินบี6 และยาแก้แพ้ ขออภัยเราจำชื่อไม่ได้มา เชื่อไหมว่า ยาไม่ได้ช่วยอะไรเลย เราเลยกินน้ำเกลือแร่ และก็พยายามหาวิธีด้วยตัวเอง แต่แล้วเราก็ค้นพบอาหารที่เราสามารถกินแล้วไม่อ้วก นั่นก็คือ มาม่าคัพรสต้มยำ ตรงนี้อยากให้แม่ๆค้นหากันเอง บางคนกินน้ำหวานแล้วดี บางคนกินขนม บางคนก็ของเปรี้ยว ของหวานแล้วแต่คนจริงๆค่ะ รอดชีวิตได้เพราะสิ่งนี้ บางวันดี เหมือนไม่แพ้แล้ว วันถัดมาก็เหมือนคนจะตาย นอนหลับสนิทนี่คืออะไรไม่รู้เลย นอนๆอยู่ก็ต้องคว้าถังมาอ้วก ไอนิดเดียวก็อ้วก แต่แล้ว เราก็ผ่านมาได้ตอนอายุครรภ์ได้12สัปดาห์ อาการเหล่านั้นก็หายไป เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่อย่าไปทักมันนะ เดี๋ยวมันกลับมาล่ะยุ่งเลย แต่เรื่องกลิ่นต่างๆ ยังฝังใจอยู่ค่ะ ก็คือเลิกใช้น้ำมันหอมระเหยกลิ่นนั้นไปเลย น้ำยาปรับผ้านุ่มที่เคยได้กลิ่นแล้วอ้วก เราก็เลิกใช้เลย แม้กระทั่งเดินๆไปบังเอิญได้กลิ่นจากเสื้อผ้าคนอื่นก็ยังหลอนอยู่เลยค่ะ บอกเลยว่า คนที่ไม่แพ้น่ะ คุณโชคดีแล้วค่ะ สำหรับเราว่ามันไม่ได้บ่งบอกหรอกนะว่า แพ้มาก ลูกแข็งแรง แพ้น้อย ลูกอ่อนแอ เพียงแต่ว่า การสร้างรก ต้องใช้ฮอร์โมนสูงมาก มันก็ทำให้ระบบร่างกายเรารวน เมื่อรกสร้างเสร็จแล้ว ส่วนใหญ่จะหายค่ะ ก็มีบางคนที่แพ้นานถึง4เดือน ทั้งนี้อยากให้สู้ เพราะพอสู้มาจนถึงตอนที่เขาเตะท้องเราให้รู้สึกได้ชัดเจน เรารู้สึกดีมาก เหมือนผ่านอะไรมาด้วยกันค่ะ
"ลูกดิ้น" เราเริ่มรู้สึกแบบชัดเจนตอน 21วีคค่ะ ตุ๊บๆ ดุ๊บๆ ภายในท้อง และชัดขึ้นๆเรื่อยๆค่ะ จนกระทั่งตอนนี้8เดือน จะมาเป็นลูก เป็นระรอกใหญ่ ไม่ต้องนอนกันล่ะค่ะ เวลาที่ดิ้นมากสุดคือตี1 พยาบาลจะให้นับลูกดิ้นนะคะตอนอายุครรภ์ได้28สัปดาห์ และจดลงสมุดสีชมพู ต้องจดนะ พยาบาลค่อนข้างซีเรียสเลยล่ะ
"เลือดจาง" (บอกก่อนว่าเราไม่ได้เป็นพาหะธาลัสซีเมียและไม่ได้เป็นธาลัสซีเมียนะคะ)ตอนนี้เรามีภาวะเลือดจาง แต่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดเพราะตัวเราเองก็ไม่มีวินัยในการทานยาบำรุงอยู่ช่วงนึง คุณหมอก็เลยให้อัดเพิ่มจากทานมื้อเช้า เป็น เช้าและเย็นสำหรับธาตุเหล็กค่ะ ก็รอลุ้นผลเลือดรอบถัดไปว่า จะดีขึ้นมั้ย ดังนั้น ให้ทานทุกวันนะะะะ อย่าเหลือไว้ดูเล่น!!!
"ลูกสะอึก" มีจริงๆนะ ไม่ใช่การคิดไปเองของแม่ๆ การสะอึกจะเป็นจังหวะสม่ำเสมอ แต่จะแรงกว่าชีพจร สังเกตได้ว่าเขาเริ่มสะอึกให้เราได้รู้สึก ตอน7เดือนค่ะ บ่งบอกถึงการฝึกหายใจของลูกนะคะ ถือเป็นเรื่องดี ไม่ได้ผิดปกตินะ
"ตะคริว" เราเพิ่งเคยเป็นตอนท้องได้7เดือนกว่าๆ แต่ก็เป็นแค่ครั้งเดียวค่ะ เรียกสามีมาช่วยดัดเท้ากันตอนตี5 ปวดน่องจนวันถัดไปเลยล่ะ แล้วก็ไม่เป็นอีกนะสำหรับคุณแม่ที่กังวลว่าจะเป็นก็ให้ทานแคลเซียมทุกคืนก่อนนอน หมอจะให้มาค่ะ
ถ้ามีอะไรอัพเดทเพิ่มเติมจะมาพิมพ์เล่าให้ฟังนะคะ