ผมชอบหนัง Found Footage นะ มันดูสมจริงและก็เหมือนกับเราอยู่ในเหตุการณ์จริงๆ กับตัวละคร ผมชอบมาตั้งแต่ The Blair Witch Project แล้วครับ หรือแม้กระทั่ง Paranormal Activity เจ้าพ่อของหนังกล้องเหวี่ยงในยุคปัจจุบันนี้ แต่ล่าสุดที่ผมไปดูมาและทำเอาผมหลอนหนังกล้องเหวี่ยงไปอีกนาน ผมไปดู Hardcore Henry มาครับ ดูไม่ถึงครึ่งเรื่อง วิ่งออกมาจากโรงทันที คงไม่ต้องบรรยายเหตุการณ์ต่อไปที่จะเกิดขึ้นกับผมนะครับ (ใครที่แพ้หนังกล้องเหวี่ยงจะรู้ดี) กับเรื่องนี้ ทีแรกผมก็หวังว่าจะได้ดูหนังสัตว์ประหลาดถล่มเมืองแบบมันส์ๆ ครับ ครั้นดูจบผมก็คิดว่าสิ่งที่ผมหวังไว้หนังทำได้ดี แต่ที่ดีกว่านั้นก็มีครับ มีเยอะด้วย
เรื่องย่อ
ในคืนก่อนจะเดินทางไปญี่ปุ่น ร็อบ (ไมเคิล สตัห์ล-เดวิด) กะจะใช้ปาร์ตี้เลี้ยงส่งของเขาเป็นโอกาสที่จะได้สารภาพความรู้สึกที่เขาไม่เคยเปิดเผยและสะสางเรื่องที่ยังคาราคาซัง แต่ความตั้งใจของร็อบกลับพลิกผันไปอย่างไม่คาดฝันเมื่อเกิดเหตุขัดจังหวะความสนุกสนาน ผู้คนต่างนิ่งเงียบเพื่อดูรายงานข่าวแผ่นดินไหว ก่อนที่ทุกคนจะรีบเร่งขึ้นไปดาดฟ้าตึกเพื่อประเมินความเสียหาย ลูกไฟระเบิดดังก้องจากขอบฟ้าไกลๆ ส่งผลให้ไฟดับทั้งเมือง ความสับสนกลายเป็นความโกลาหลเมื่อเหล่าแขกในงานปาร์ตี้วิ่งเบียดเสียดกันไปในความมืดและก้าวออกสู่ท้องถนน ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของผู้คนและเสียงร้องกึกก้องที่ไม่ใช่เสียงมนุษย์ ร็อบและเพื่อนๆ ของเขาต้องเดินปะปนไปกับผู้คนท่ามกลางวิวทิวทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไป ขณะถูกไล่ล่าโดยบางสิ่งที่มาจากโลกอื่น น่าหวาดกลัว และโหดร้าย…
เป็นหนังกล้องเหวี่ยงอีกเรื่องที่ทำออกมากลมกล่อมและเข้าท่ามากครับ ช่วงระทึกก็ระทึกจริง ช่วงมันส์ก็มันส์แบบเด็ดสะระตี่กันเลยทีเดียว ตรงนี้ต้องชื่นชม Matt Reeves ครับ ที่สามารถคุมทิศทางหนังได้ดี และทำให้มันพิเศษมากกว่าหนังสัตว์ประหลาดถล่มเมืองเรื่องอื่นๆ นั่นก็คือ
1) เหมือนผู้เขียนบทรู้ว่าคนดูต้องการอะไร ก็เลยใส่เรื่องราวของแต่ละตัวละครเข้ามาได้อย่างพอดีพอเหมาะ พอถึงจุดที่ต้องเล่นกับตัวละครก็ใช้งานได้ดีและมีประโยชน์ อย่างเช่นตัวละครเบ็ธ ทีแรกผมนึกว่าหนังจะยัดตัวละครนี้เข้ามาต้นเรื่องลืมตัวละครนี้ตอนจบเรื่อง ที่ไหนได้ ไม่มีเธอ ไม่มีหนังเรื่องนี้ครับ เพราะเธอคือจุดเปลี่ยนผันเรื่องราวตอนกลางเรื่องและท้ายเรื่อง ขนาดตัวละครที่ไม่ค่อยเด่นยังใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ ดีดีดี👍👍👍
2) หนังดูเรียลมากๆ ครับ ผมไม่เคยเจอหนังสัตว์ประหลาดที่สมจริงขนาดนี้มาก่อน ผมไม่ได้หมายถึง Effect นะ จริงๆ Effect ดูดีครับสำหรับทุนสร้างอันน้อยนิด (25 ล้านเหรียญ) มันไม่ได้เนียนไปซะทุกจุดหรอกแต่ถ้ามามองภาพรวม ผมว่า Effect ผ่าน แต่ผมอยากจะพูดถึงสิ่งที่เรียลมากกว่านั้นครับ นั่นก็คืออารมณ์ร่วม จริงๆ หนังประเภทนี้อารมณ์ลุ้นตามตัวละครนี่หายากนะ บางเรื่องนี่ดูแล้วอยากจะให้มันตายกันไปยกครัวเลย (อย่างเช่น Alien: Covenant) แต่เรื่องนี้กลับตรงกันข้ามครับ ผมอยากให้ทุกตัวละครในเรื่องรอดกันทุกคนเลย ขนาดฉากระเบิดบนดาดฟ้าผมยังใจหายใจคว่ำเลย และก็ฉากสะพานขาด ผมนี่แอบอึ้งไปหลายดอกเลย และฉากที่ต้องเข้าไปหลบในสถานีรถไฟใต้ดินนี่ก็ลุ้นใจจะขาดเลยครับ และก็ฉาก... บลา บลา บลา เอาเป็นว่า อารมณ์ร่วมผ่านครับ สุดยอดมาก
3) การเป็นหนังหลายแนวผสมในหนังเรื่องเดียว ทั้งแอคชั่น ทริลเลอร์ หรือแม้กระทั่งหนังรัก ในด้านหนังแอคชั่นมันก็คือหนังสัตว์ประหลาดถล่มเมืองมันส์ๆ เรื่องหนึ่งนั่นแหละครับ ในด้านหนังทริลเลอร์ หนังก็จัดหนักจัดเต็มครับ เล่นทำเอาใจหายใจคว่ำหลายดอกเลย ส่วนในด้านการเป็นหนังรัก ตรงนี้ผมแอบเซอร์ไพร์สครับ ไม่น่าเชื่อผมจะดูหนังสัตว์ประหลาดแล้วอินในความรักของพระ-นางในเรื่องนี้ ถึงแม้หนังจะไม่ได้เน้นในจุดนี้มาก แต่หนังก็จะมี Footage ที่สองคนนี้ใช้ชีวิตด้วยกันโผล่มาเรื่อยๆ ครับ มันทำให้เราเชื่อว่าสองคนนี้พวกเขารักกันจริงๆ ต้องขอชื่นชมนักแสดงทุกคนที่ปล่อยฝีมือมาเต็มที่ในหนังเรื่องนี้เลยครับ เพราะถ้าแสดงไม่ดีผมว่าหนังมันจะดูเฟคมากเลยนะ (อย่างเช่น Quarantine ที่การแสดงของนางเอกเป็นปัญหาอันใหญ่หลวงของหนัง) แต่เรื่องนี้ดาราเล่นแบบสุดฝีมือครับ ไม่มีคนไหนที่รู้สึกว่าเด่นหรือด้อยเกินหน้าเกินตา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ 4) จิ๊กซอว์ของหนังที่เชื่อมโยงจักรวาล Cloververse ที่หยอดมาเรื่อยๆ
- ทุกอย่างเกิดขึ้นแบบฉับพลัน ไม่มีใครรู้ว่าเกิดขึ้นได้ยังไง จนในที่สุดเราก็ได้คำตอบในหนังเรื่อง The Cloverfield Paradox ว่าสาเหตุที่เกิดขึ้นก็เพราะการเปิดมิติคู่ขนาน ทำให้การเวลาดูบิดเบี้ยว และเป็นสาเหตุที่ทำให้จู่ๆ ก็เกิดไฟดับลง (เพราะเปิดมิติ) และก็มีสัตว์ประหลาดโผล่มา (ทะลุมาจากอีกมิติ)
- การทดลองของทหารในตอนกลางเรื่อง อาจจะเชื่อมโยงไปถึง Overlord ที่เป็นการทดลองเซรุ่มที่มีวัตถุดิบมาจากใต้ดิน ซึ่งคล้ายกับเครื่องดื่ม Slusho ที่มีวัตถุดิบมาจากใต้ทะเล
- Slusho เป็นเครื่องดื่มที่มีหลายตัวละครได้ดื่มในงานเลี้ยงตอนต้น ซึ่งแบรนด์นี้ก็มีโฮสต์เป็นบริษัทขุดเจาะน้ำมันทางทะเลของญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า tagruato ซึ่งก็เป็นผู้เริ่มต้นจักรวาลนี้เลยก็ว่าได้
- ร็อบ(พระเอก)ได้ย้ายไปทำงานที่ญี่ปุ่น ซึ่งบริษัทที่ร็อบได้ไปทำงานก็คือ tagruato นั่นเอง
- ฉากจบอีกแบบของหนังเรื่องนี้ก็คือ "มีหนุ่มแก่ๆ คนหนึ่งมาเก็บกล้องได้จากสถานที่ในตอนจบแบบธรรมดา ซึ่งตาแก่คนนั้นดันหน้าแลคล้ายอีตา Howard จาก 10 Cloverfield Lane อยู่หลายจุด
- ฉากตอนที่ร็อบกับเบ็ธได้นั่งบนชิงช้าสวรรค์ในเกาะ Coney Island แล้วกล้องของร็อบก็ได้บันทึกภาพของวัตถุประหลาดที่ลงมาจากท้องฟ้าและตกลงในทะเล ซึ่งนั่นอาจจะเป็นวัตถุของทาง tagruato ก็เป็นได้
- บลา บลา บลา ฯลฯ
สรุป
๏ บท = ผ่าน
๏ การดำเนินเรื่อง = ผ่าน
๏ การแสดง = ผ่าน
๏ Production = ผ่าน
คะแนนเฉลี่ยรวม : 8.5/10
เรตหนัง : หนังดีที่ควรดู
[CR] ##REVIEW## Cloverfield (2008) วันวิบัติอสูรกายถล่มโลก | เขย่าๆ ส่ายๆๆ เหวี่ยงๆๆๆ [ไร้ส้มป่อย]
ในคืนก่อนจะเดินทางไปญี่ปุ่น ร็อบ (ไมเคิล สตัห์ล-เดวิด) กะจะใช้ปาร์ตี้เลี้ยงส่งของเขาเป็นโอกาสที่จะได้สารภาพความรู้สึกที่เขาไม่เคยเปิดเผยและสะสางเรื่องที่ยังคาราคาซัง แต่ความตั้งใจของร็อบกลับพลิกผันไปอย่างไม่คาดฝันเมื่อเกิดเหตุขัดจังหวะความสนุกสนาน ผู้คนต่างนิ่งเงียบเพื่อดูรายงานข่าวแผ่นดินไหว ก่อนที่ทุกคนจะรีบเร่งขึ้นไปดาดฟ้าตึกเพื่อประเมินความเสียหาย ลูกไฟระเบิดดังก้องจากขอบฟ้าไกลๆ ส่งผลให้ไฟดับทั้งเมือง ความสับสนกลายเป็นความโกลาหลเมื่อเหล่าแขกในงานปาร์ตี้วิ่งเบียดเสียดกันไปในความมืดและก้าวออกสู่ท้องถนน ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของผู้คนและเสียงร้องกึกก้องที่ไม่ใช่เสียงมนุษย์ ร็อบและเพื่อนๆ ของเขาต้องเดินปะปนไปกับผู้คนท่ามกลางวิวทิวทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไป ขณะถูกไล่ล่าโดยบางสิ่งที่มาจากโลกอื่น น่าหวาดกลัว และโหดร้าย…
เป็นหนังกล้องเหวี่ยงอีกเรื่องที่ทำออกมากลมกล่อมและเข้าท่ามากครับ ช่วงระทึกก็ระทึกจริง ช่วงมันส์ก็มันส์แบบเด็ดสะระตี่กันเลยทีเดียว ตรงนี้ต้องชื่นชม Matt Reeves ครับ ที่สามารถคุมทิศทางหนังได้ดี และทำให้มันพิเศษมากกว่าหนังสัตว์ประหลาดถล่มเมืองเรื่องอื่นๆ นั่นก็คือ
1) เหมือนผู้เขียนบทรู้ว่าคนดูต้องการอะไร ก็เลยใส่เรื่องราวของแต่ละตัวละครเข้ามาได้อย่างพอดีพอเหมาะ พอถึงจุดที่ต้องเล่นกับตัวละครก็ใช้งานได้ดีและมีประโยชน์ อย่างเช่นตัวละครเบ็ธ ทีแรกผมนึกว่าหนังจะยัดตัวละครนี้เข้ามาต้นเรื่องลืมตัวละครนี้ตอนจบเรื่อง ที่ไหนได้ ไม่มีเธอ ไม่มีหนังเรื่องนี้ครับ เพราะเธอคือจุดเปลี่ยนผันเรื่องราวตอนกลางเรื่องและท้ายเรื่อง ขนาดตัวละครที่ไม่ค่อยเด่นยังใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ ดีดีดี👍👍👍
2) หนังดูเรียลมากๆ ครับ ผมไม่เคยเจอหนังสัตว์ประหลาดที่สมจริงขนาดนี้มาก่อน ผมไม่ได้หมายถึง Effect นะ จริงๆ Effect ดูดีครับสำหรับทุนสร้างอันน้อยนิด (25 ล้านเหรียญ) มันไม่ได้เนียนไปซะทุกจุดหรอกแต่ถ้ามามองภาพรวม ผมว่า Effect ผ่าน แต่ผมอยากจะพูดถึงสิ่งที่เรียลมากกว่านั้นครับ นั่นก็คืออารมณ์ร่วม จริงๆ หนังประเภทนี้อารมณ์ลุ้นตามตัวละครนี่หายากนะ บางเรื่องนี่ดูแล้วอยากจะให้มันตายกันไปยกครัวเลย (อย่างเช่น Alien: Covenant) แต่เรื่องนี้กลับตรงกันข้ามครับ ผมอยากให้ทุกตัวละครในเรื่องรอดกันทุกคนเลย ขนาดฉากระเบิดบนดาดฟ้าผมยังใจหายใจคว่ำเลย และก็ฉากสะพานขาด ผมนี่แอบอึ้งไปหลายดอกเลย และฉากที่ต้องเข้าไปหลบในสถานีรถไฟใต้ดินนี่ก็ลุ้นใจจะขาดเลยครับ และก็ฉาก... บลา บลา บลา เอาเป็นว่า อารมณ์ร่วมผ่านครับ สุดยอดมาก
3) การเป็นหนังหลายแนวผสมในหนังเรื่องเดียว ทั้งแอคชั่น ทริลเลอร์ หรือแม้กระทั่งหนังรัก ในด้านหนังแอคชั่นมันก็คือหนังสัตว์ประหลาดถล่มเมืองมันส์ๆ เรื่องหนึ่งนั่นแหละครับ ในด้านหนังทริลเลอร์ หนังก็จัดหนักจัดเต็มครับ เล่นทำเอาใจหายใจคว่ำหลายดอกเลย ส่วนในด้านการเป็นหนังรัก ตรงนี้ผมแอบเซอร์ไพร์สครับ ไม่น่าเชื่อผมจะดูหนังสัตว์ประหลาดแล้วอินในความรักของพระ-นางในเรื่องนี้ ถึงแม้หนังจะไม่ได้เน้นในจุดนี้มาก แต่หนังก็จะมี Footage ที่สองคนนี้ใช้ชีวิตด้วยกันโผล่มาเรื่อยๆ ครับ มันทำให้เราเชื่อว่าสองคนนี้พวกเขารักกันจริงๆ ต้องขอชื่นชมนักแสดงทุกคนที่ปล่อยฝีมือมาเต็มที่ในหนังเรื่องนี้เลยครับ เพราะถ้าแสดงไม่ดีผมว่าหนังมันจะดูเฟคมากเลยนะ (อย่างเช่น Quarantine ที่การแสดงของนางเอกเป็นปัญหาอันใหญ่หลวงของหนัง) แต่เรื่องนี้ดาราเล่นแบบสุดฝีมือครับ ไม่มีคนไหนที่รู้สึกว่าเด่นหรือด้อยเกินหน้าเกินตา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
๏ บท = ผ่าน
๏ การดำเนินเรื่อง = ผ่าน
๏ การแสดง = ผ่าน
๏ Production = ผ่าน
เรตหนัง : หนังดีที่ควรดู
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม