เนื่องจากผมอยากหาทีวีตัวใหม่มาเปลี่ยนไอเจ้าตัวเก่าที่บ้าน พอมีโอกาสเลยไปเดินดูที่ Homepro แล้วก็ไปเจอกับเจ้า Prisma Smart TV เขาว่าเป็นทีวีแบรนด์ไทย ที่มีการผลิตแบบครบวงจรเลยครับ ผมเลยเกิดความสนใจขึ้นมา จึงมีการเข้าไปสอบถามพนักงานเกี่ยวกับเรื่องสเปคและฟังก์ชั่นต่างๆ ได้รู้มาว่ามีการใช้ระบบ android 7.1 เป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นล่าสุด ซึ่งก็น่าสนใจมากเลยทีเดียว แต่ผมก็ขอเวลากลับไปปรึกษาคนที่บ้านและหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อน จาก Facebook เอย รีวิวเอย หลังจากนั้น 3 วันผมเลยตัดสินใจกลับไปสอยเจ้า Prisma Smart TV ตัวนี้มา แล้วก็ได้เกิดความเห่ออยากจะมาบอกต่อสิ่งดีดีครับ
ทีวีที่ผมเลือกมาจะเป็นขนาด 45” ซึ่งเป็นตัวใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวมาเลยฮะ ด้วยราคาเบาๆเพียง 10,990 บาทเท่านั้น! ใช่ครับมันถูกมากก กอไก่.ล้านตัว ส่วนหน้าตาของกล่องดูดีเลยทีเดียว รอยย่นๆเกิดจากการขนย้ายนะครับ ตัวทีวีมีน้ำหนักเบา ยกคนเดียวได้สบายๆ
ที่ข้างกล่องจะมีตัว model บอกอยู่ว่าเป็นรุ่นอะไร และที่สำคัญ Made In Thailand นะครับผม!! ไม่ธรรมดาจริงๆคนไทยเรา ข้างในกล่องก็จะมีการใส่โฟมกันกระแทกไว้รองรับอีกชั้นเพื่อความปลอดภัยของตัวทีวีด้วยครับ
ขุดลงไปในกล่องลึกอีกนิดก็จะเจอกับใบรับประกันที่แนบมาอยู่ภายในกล่องครับ หน้าตาก็จะตามที่เห็นในรูปเลย เก็บรักษาไว้ให้ดีนะครับ อย่าทำหายเชียว! เดี๋ยวจะเครมไม่ได้
ภายในกล่องจะมีอุปกรณ์ให้มากมายตามรูปภาพเลยครับ
ตรงส่วนนี้จะเป็นพวกช่องรูเชื่อมสัญญาณต่างๆของ TV จะมี HDMI 2 ช่อง, AV 1 ช่อง, DVD Component 1 ช่อง สามารถเสียบสายสัญญาณได้เหมือนดิจิตอลทีวีทั่วไป มีช่องเสียบ PC Audio และช่องหูฟัง เรียกได้ว่าครบครันสุดๆ ที่สำคัญคือมี Digital Tuner ในตัว ถ้าถามว่ามี Digital Tuner แล้วดียังไง?
1. ไม่ต้องหาซื้อกล่องดิจิตอลเพิ่ม ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มแค่ใช้เสาอากาศหัว RF ก็เสียบต่อดูได้เลย
2. พอไม่มีกล่องก็ไม่ต้องมีรีโมทมาเพิ่ม หมดปัญหารีโมทเต็มบ้านเกะกะไปได้เลย
หลังจากต่ออุปกรณ์ต่างๆเรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงเวลาของการเปิดทีวี พอเปิดทีวีขึ้นมาสิ่งที่เห็นเป็นอย่างแรกเลยก็จะเป็นโลโก้ของทางแบรนด์ที่มีความสวยงาม ทองอร่ามแท้ แล้วต่อมาก็จะเป็นในส่วนของการตั้งค่าทีวีต่างๆตั้งแต่ภาษาที่มีให้เลือกทั้ง ไทย จีน และอังกฤษ, เขตเวลา และเครือข่าย โดยเจ้าตัวเครือข่ายนี้มันก็คือ ไวไฟของเรานี่แหละครับ เพราะทีวีรุ่นนี้สามารถเชื่อมต่อกับไวไฟที่บ้านของเราเพื่อการเล่นอินเตอร์เน็ตบนทีวีได้ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!
พอเราตั้งค่านู่นนี่เสร็จแล้วก็จะมาเจอกับหน้านี้ครับ หน้าโฮมของเรานั่นเอง เห็นแบบนี้แล้วบอกเลยครับว่าคุ้มค่าและครบครันมากจริงๆ มีแอพพลิเคชั่นมากมายให้ได้เล่นทั้ง Youtube, Facebook, Netflix, Iflix และอื่นๆอีกมากมาย เดียวผมจะมาบอกว่าแอพพลิเคชั่นแต่ละตัวมีความน่าสนใจยังไงบ้าง ปล. ที่เห็นเป็นเส้นๆบนจอทีวีนั้นเป็นเพราะกล้องมือถือผมนะ
เริ่มกันที่ Youtube สามารถเล่นได้เหมือนในคอมพิวเตอร์หรือมือถือเลยครับ บังคับด้วยการใช้รีโมททีวีได้เลย และสามารถปรับความคมชัดได้ถึง 1080HD ส่วนความเร็วของวีดีโอ ภาพจะกระตุกหรือไม่กระตุกนั้นก็ขึ้นอยู่กับความเร็วของไวไฟที่บ้านด้วยนะครับ
Netflix ก็จะเหมือนในคอมพิวเตอร์กับมือถือเช่นกัน แต่ความฟินคือทวีคูณครับ!
อันนี้เป็นตัวที่อยากนำเสนอคือ Screen Mirroring Assistant ใช้ได้เฉพาะบน Android เท่านั้นนะครับ เป็นข้อเสียนิดนึงแต่ก็ถือว่าดีเยี่ยม! ก่อนเริ่มการใช้งานก็จะต้องมีการเชื่อมสัญญาณสักเล็กน้อยตามในภาพครับ มีข้อแม้อีกหนึ่งอย่างคือ การใช้งานต้องอยู่ภายใต้เลาท์เตอร์ตัวเดียวกันนะ โดยไอเจ้าแอพพลิเคชั่นตัวนี้จะเป็นเหมือนการสะท้อนหน้าจอมือถือขึ้นไปบนจอทีวีทั้งภาพและเสียง เพื่อความบันเทิงและความฟินในการเล่นเกมหรือดูรายการโปรดต่างๆ หากเป็น android เวอร์ชั่น 4.4 จะมีแต่ภาพที่ขึ้นบนหน้าจอทีวีเสียงอาจจะไม่ขึ้นเขาบอกมานะครับ แต่ตัวนี้เป็น android เวอร์ชั่น 7.1 มีทั้งภาพและเสียงครบแน่นอน ผมลองใช้แล้วก็ดีเลยทีเดียวครับ
มาถึงตัวสุดท้ายที่อยากจะบอกให้ทุกคนได้รู้แล้วครับนั่นก็คือ EShare แอพพลิเคชั่นตัวนี้จะเป็นการเชื่อมต่อสัญญาณกับทีวีเพื่อใช้แทนรีโมทได้เลยครับ จะเป็นเหมือนเมาส์ไร้สาย ทำให้เราสามารถกด จิ้ม หรือเลื่อนสิ่งต่างๆบนหน้าจอทีวีได้เหมือนกับใช้เมาส์เลย จากที่เห็นวงกลม 4 วงในรูปภาพจะเป็นฟังก์ชั่นให้เราได้เลือกว่า อยากใช้เป็นเมาส์ เป็นสัมผัสหน้าจอ หรืออะไรก็ตามที่เราถนัดเลยครับ สะดวกสบายสุดๆไปเลยฮะ ถือว่าเป็นการประหยัดต้นทุนการซื้อรีโมทบังคับมาใช้สำหรับแอพพลิเคชั่นต่างๆด้วย ยกนิ้วให้เลย
สิ้นสุดสำหรับการรีวิววันนี้ ถ้ามีสิ่งดีดีอีกผมจะมาบอกต่ออย่างแน่นอนครับ ส่วนเรื่องความคุ้มค่าหรือความชอบของทีวี Prisma นี้ ก็ขึ้นอยู่แต่ละบุคคลนะครับ แต่โดยส่วนตัวผมให้คะแนนภาพรวม 8/10 หักคะแนนออกไปในบางส่วนเล็กๆน้อยๆครับ
[CR] รีวิว Prisma ทีวีแบรนด์ไทยน้องใหม่แกะกล่องแบบสดๆร้อนๆ
ทีวีที่ผมเลือกมาจะเป็นขนาด 45” ซึ่งเป็นตัวใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวมาเลยฮะ ด้วยราคาเบาๆเพียง 10,990 บาทเท่านั้น! ใช่ครับมันถูกมากก กอไก่.ล้านตัว ส่วนหน้าตาของกล่องดูดีเลยทีเดียว รอยย่นๆเกิดจากการขนย้ายนะครับ ตัวทีวีมีน้ำหนักเบา ยกคนเดียวได้สบายๆ
ที่ข้างกล่องจะมีตัว model บอกอยู่ว่าเป็นรุ่นอะไร และที่สำคัญ Made In Thailand นะครับผม!! ไม่ธรรมดาจริงๆคนไทยเรา ข้างในกล่องก็จะมีการใส่โฟมกันกระแทกไว้รองรับอีกชั้นเพื่อความปลอดภัยของตัวทีวีด้วยครับ
ขุดลงไปในกล่องลึกอีกนิดก็จะเจอกับใบรับประกันที่แนบมาอยู่ภายในกล่องครับ หน้าตาก็จะตามที่เห็นในรูปเลย เก็บรักษาไว้ให้ดีนะครับ อย่าทำหายเชียว! เดี๋ยวจะเครมไม่ได้
ภายในกล่องจะมีอุปกรณ์ให้มากมายตามรูปภาพเลยครับ
ตรงส่วนนี้จะเป็นพวกช่องรูเชื่อมสัญญาณต่างๆของ TV จะมี HDMI 2 ช่อง, AV 1 ช่อง, DVD Component 1 ช่อง สามารถเสียบสายสัญญาณได้เหมือนดิจิตอลทีวีทั่วไป มีช่องเสียบ PC Audio และช่องหูฟัง เรียกได้ว่าครบครันสุดๆ ที่สำคัญคือมี Digital Tuner ในตัว ถ้าถามว่ามี Digital Tuner แล้วดียังไง?
1. ไม่ต้องหาซื้อกล่องดิจิตอลเพิ่ม ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มแค่ใช้เสาอากาศหัว RF ก็เสียบต่อดูได้เลย
2. พอไม่มีกล่องก็ไม่ต้องมีรีโมทมาเพิ่ม หมดปัญหารีโมทเต็มบ้านเกะกะไปได้เลย
หลังจากต่ออุปกรณ์ต่างๆเรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงเวลาของการเปิดทีวี พอเปิดทีวีขึ้นมาสิ่งที่เห็นเป็นอย่างแรกเลยก็จะเป็นโลโก้ของทางแบรนด์ที่มีความสวยงาม ทองอร่ามแท้ แล้วต่อมาก็จะเป็นในส่วนของการตั้งค่าทีวีต่างๆตั้งแต่ภาษาที่มีให้เลือกทั้ง ไทย จีน และอังกฤษ, เขตเวลา และเครือข่าย โดยเจ้าตัวเครือข่ายนี้มันก็คือ ไวไฟของเรานี่แหละครับ เพราะทีวีรุ่นนี้สามารถเชื่อมต่อกับไวไฟที่บ้านของเราเพื่อการเล่นอินเตอร์เน็ตบนทีวีได้ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!
พอเราตั้งค่านู่นนี่เสร็จแล้วก็จะมาเจอกับหน้านี้ครับ หน้าโฮมของเรานั่นเอง เห็นแบบนี้แล้วบอกเลยครับว่าคุ้มค่าและครบครันมากจริงๆ มีแอพพลิเคชั่นมากมายให้ได้เล่นทั้ง Youtube, Facebook, Netflix, Iflix และอื่นๆอีกมากมาย เดียวผมจะมาบอกว่าแอพพลิเคชั่นแต่ละตัวมีความน่าสนใจยังไงบ้าง ปล. ที่เห็นเป็นเส้นๆบนจอทีวีนั้นเป็นเพราะกล้องมือถือผมนะ
เริ่มกันที่ Youtube สามารถเล่นได้เหมือนในคอมพิวเตอร์หรือมือถือเลยครับ บังคับด้วยการใช้รีโมททีวีได้เลย และสามารถปรับความคมชัดได้ถึง 1080HD ส่วนความเร็วของวีดีโอ ภาพจะกระตุกหรือไม่กระตุกนั้นก็ขึ้นอยู่กับความเร็วของไวไฟที่บ้านด้วยนะครับ
Netflix ก็จะเหมือนในคอมพิวเตอร์กับมือถือเช่นกัน แต่ความฟินคือทวีคูณครับ!
อันนี้เป็นตัวที่อยากนำเสนอคือ Screen Mirroring Assistant ใช้ได้เฉพาะบน Android เท่านั้นนะครับ เป็นข้อเสียนิดนึงแต่ก็ถือว่าดีเยี่ยม! ก่อนเริ่มการใช้งานก็จะต้องมีการเชื่อมสัญญาณสักเล็กน้อยตามในภาพครับ มีข้อแม้อีกหนึ่งอย่างคือ การใช้งานต้องอยู่ภายใต้เลาท์เตอร์ตัวเดียวกันนะ โดยไอเจ้าแอพพลิเคชั่นตัวนี้จะเป็นเหมือนการสะท้อนหน้าจอมือถือขึ้นไปบนจอทีวีทั้งภาพและเสียง เพื่อความบันเทิงและความฟินในการเล่นเกมหรือดูรายการโปรดต่างๆ หากเป็น android เวอร์ชั่น 4.4 จะมีแต่ภาพที่ขึ้นบนหน้าจอทีวีเสียงอาจจะไม่ขึ้นเขาบอกมานะครับ แต่ตัวนี้เป็น android เวอร์ชั่น 7.1 มีทั้งภาพและเสียงครบแน่นอน ผมลองใช้แล้วก็ดีเลยทีเดียวครับ
มาถึงตัวสุดท้ายที่อยากจะบอกให้ทุกคนได้รู้แล้วครับนั่นก็คือ EShare แอพพลิเคชั่นตัวนี้จะเป็นการเชื่อมต่อสัญญาณกับทีวีเพื่อใช้แทนรีโมทได้เลยครับ จะเป็นเหมือนเมาส์ไร้สาย ทำให้เราสามารถกด จิ้ม หรือเลื่อนสิ่งต่างๆบนหน้าจอทีวีได้เหมือนกับใช้เมาส์เลย จากที่เห็นวงกลม 4 วงในรูปภาพจะเป็นฟังก์ชั่นให้เราได้เลือกว่า อยากใช้เป็นเมาส์ เป็นสัมผัสหน้าจอ หรืออะไรก็ตามที่เราถนัดเลยครับ สะดวกสบายสุดๆไปเลยฮะ ถือว่าเป็นการประหยัดต้นทุนการซื้อรีโมทบังคับมาใช้สำหรับแอพพลิเคชั่นต่างๆด้วย ยกนิ้วให้เลย
สิ้นสุดสำหรับการรีวิววันนี้ ถ้ามีสิ่งดีดีอีกผมจะมาบอกต่ออย่างแน่นอนครับ ส่วนเรื่องความคุ้มค่าหรือความชอบของทีวี Prisma นี้ ก็ขึ้นอยู่แต่ละบุคคลนะครับ แต่โดยส่วนตัวผมให้คะแนนภาพรวม 8/10 หักคะแนนออกไปในบางส่วนเล็กๆน้อยๆครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้