ย้อนกลับไปเมื่อราวกลางปี 60 ช่วงนั้นผมกำลังมองหาแบบบ้านที่ขนาดไม่ใหญ่มากนัก จุดประสงค์หลักๆเลยคือเพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาด เพราะคิดว่าหลังใหญ่มากเกินไป น่าจะทำความสะอาดไม่ไหว และรองรับรูปแบบสังคมขนาดเล็กในอนาคต จริงๆผมชั่งน้ำหนักอยู่สองทาง ตอนแรกผมคิดว่าจะออกแบบเอง จริงๆ ร่างแบบเองคร่าวๆ แล้วให้เพื่อนที่เป็นช่างวาดแบบ ช่วยทำแบบออกมาให้ แต่ปรากฎว่าผมรอแบบอยู่นานมากๆ จนขี้เกียจรอละ เลยเปลี่ยนใจจะไปใช้แบบสำเร็จรูปที่มีให้ download เยอะแยะมากมาย  จนในที่สุด ธอส ปล่อยแบบบ้านในโครงการรักษ์โลกออกมา โดยแบ่งเป็นบ้าน ชั้นเดียว 3แบบ และบ้าน 2 ชั้น อีก 3 แบบ แว้ปแรกที่ผมเห็นแบบ บ้านใต้เงานั้น รู้สึกชอบในรูปทรงมากๆ ถูกใจ และนี่แหละจะเป็นบ้านที่ผมคิดที่จะสร้าง และอยู่กับมันไปอีกนาน เข้าไปเลือกแบบบ้านฟรีๆ ได้ตามลิ้งนี้นะครับ
https://www.ghbank.co.th/ecohome/









                       1. สร้างบ้าน

       แต่ในความคิดของผมตอนนั้น รู้สึกว่าตัวภายนอกบ้านเป็นอะไรที่ลงตัวมากแล้ว แต่แบบแปลนภายในยังไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่นัก เลยปริ้นแบบบ้านไปปรึกษาผู้รับเหมา ซึ่งโชคดีที่พี่เค้าเป็นสถาปนิก ที่เคยทำงานอยู่ที่เดียวกัน จากนั้น ผมก็ให้พี่เค้าปรับแบบแปลนภายใน ให้เหมาะสมกับทิศทางของแดด และขยายเพิ่มเติมแบบให้ต่างไปจากเดิมอีกนิดหน่อย แต่ยังคงขนาดของโครงสร้างเดิมของบ้านเอาไว้  พี่เค้าใช้เวลาแก้แบบให้อยู่สักเกือบ 1 เดือน ก็ เริ่มขั้นตอนในการไปยื่นขอใบอนุญาตก่อสร้างจากเทศบาล ซึ่งในระหว่างนั้นผมก็ไปยื่นเรื่องกู้เงินจาก ธอส




หลังจากธนาคารอนุมัติวงเงินแล้ว ใช้เวลาราวๆ 1 เดือน ก็ได้เวลาสร้างบ้านกัน ช่วงราวปลายเดือน พฤศจิกายน หลังจากที่แม่ไปช่วยหาฤกษ์มาให้ เราก็ทำพิธีลงเสาร์เอกกันแบบเล็กๆ พอให้เกิดศิริมงคลกับเราเอง ตอนที่เห็นช่างตีผังแบบด้วยไม้แอบตกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมบ้านมันหลังเล็กจัง ยิ่งพอมองดูพื้นที่ว่างของบ้าน ยิ่งทำให้รู้สึกว่าบ้านมันเล็กจัง แอบบจิตตกเบาๆ ว่าต่อไปมันจะเป็นอย่างไงหนอ




    งานเริ่มคืบหน้าไปเรื่อยๆ ช่วงแรกจะเป็นช่างมาทำการวางฐานรากให้





จากนั้นให้ช่างเข้ามาเดินท่อกันปลวก


     จากนั้นเริ่มทำโครงสร้างชั้นที่ 1 ต่อเลย งานฐากรากเป็นอะไรที่คืบหน้าไปไวมากๆ



จากนั้นเทคานต่อด้วยชั้น 2



จนในที่สุดก็เทพื้นชั้น 2 จนเสร็จ ใช้เวลาไปราวๆ 1 เดือน


     จากนั้นตามต่อด้วยโครงหลังคาเหล็กและโครงสร้างเหล็กซึ่งช่วงนี้เป็นอะไรที่กังวลมาก เนื่องจาก ในแบบใช้ เหล็ก h beam ในการวางโครงสร้างเหล็กเกือบทั้งหมด ซึ่ง คนงานแอบกังวลถึงเรื่องความปลอดภัย เพราะ ไม่เคยสร้างแบบนี้มาก่อน แค่เห็น. อกไก่ ทำจาก h beam ก็หนาวแล้ว หัวหน้าช่างเดินมาบอกว่า คนงานกลัวมาก กลัวรับแรงไม่ไหวจะถล่มลงมา งานนี้ ผู้รับเหมาเลยต้องเชิญวิศวกรช่วยมาตรวจสอบถึงหน้างานเพื่ออสร้างขวัญและกำลังใจ งานถึงเดินได้ต่อไป









  หลังจาก ตัวโครงสร้างเสร็จ จึงเริ่ม ก่อผนังต่อ อีกส่วนหนึ่งก็เริ่ม ปูหลังคา





















   ผมเลือกใช้ หลังคาตามแบบเดิม ใช้หลังคา scg modern excella สีขาว ซึ่งเป็นหลังคาเซรามิค ราคาจะแพงกว่าหลังคาทั่วไป แต่ถือว่าผมคิดไม่ผิดเลย เพราะ รู้สึกว่าบ้านไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่ ถึงแม้จะอยู่ชั้นบนในช่วงบ่าย  ( หลังคานี่มีปัญหามากๆ เนื่องจาก โรงงานดันหยุดผลิต เลยทำให้ต้องรอตัวครอบหลังคาเกือบสองเดือน ตรงนี้ถ้าคิดจะใช้หลังคาแบบนี้ เช็คสต้อคสินค้าให้ดีๆนะครับจะได้ไม่เสียเวลา )





   ในส่วนตัวผนังด้านบนชั้นสอง มีการแก้แบบนิดหน่อย จากเดิมในแบบจะเป็นบานกระจก ซึ่ง ผมคิดว่า กระจกเยอะแล้ว เลยหันมาใช้วัสดุอื่น ซึ่งมาจบด้วยบล็อคช่องลม ที่ต้องสั่งมาจากฉะเชิงเทรา เนื่องจากในจังหวัดหาแบบที่ถูกใจไม่ได้เลย ร้านขายอิฐบอกว่ามันเชยแล้ว คนไม่นิยม แต่ผมชอบนะ สวยดี ข้อดีของมันคือ ช่วยระบายอากาศได้ดี แต่ต้องระวังฝุ่นกับ น้ำฝนที่สาดเข้ามายังตัวบ้าน โชคดีในระหว่างที่กำลังสร้างบ้าน บ้านข้างๆสร้างพร้อมกันพอดี แถมอยู่ในตำแหน่งที่พอป้องกันฝนสาดเข้ามาได้บางส่วน จึง จบลงด้วยการเลือกใช้ บล็อคช่องลม







      หลังจากที่งานโครงสร้างเสร็จแล้ว ต่อไปก็จะเป็นงาน เดินฝ้า และสายไฟ  ในระหว่างนี้ ผมก็เลยให้ร้านกล้องวงจรปิด มาเดินสายกล้องวงจรปิดไปเลย เพื่อจะได้ซ่อนสาย ตามจุดที่เราต้องการ