The third charm ซีรีส์ที่ตัดสินใจเทไปแล้ว แต่กลับมาดูใหม่แล้วอินขนาดนี้ได้ยังไง ยังงงตัวเองเหมือนกัน
และหลังจากกลับมาดูใหม่ ได้อ่านความเห็น/ความสงสัยของคนอื่นๆในหลายๆจุด
ก็คิดว่าเราอยากจะแลกเปลี่ยนบ้าง มาค่ะมา เผื่อเราจะได้เข้าใจกันและกันมากขึ้น
*แต่ที่แน่ๆ ซีรีส์เรื่องนี้ไม่คอมมาดี้เลยยยยยยยยยย
คอมมาดี้ไม่กี่ตอนแรกๆเท่านั้น แต่ดราม่าร้องไห้ยาวมากกว่าครึ่งเรื่องค่ะ ฮืออออ
_______________________
The Third Charm กับความสัมพันธ์ที่ยากจะคาดเดาได้ในตอนนี้ ของจุนยอง เซอึน และยองแจ
มีหลายหัวข้อมากๆที่อยากพูดถึง แต่เอาเท่าที่จำได้ก่อนเนาะ
1. นางเอกกลับมาเกาหลีทำไม? , นางเอกกลับมาหาพระเอกทำไม?
= คำถามนี้ ทำให้สงสัยว่า แล้วพระเอกกลับมาเกาหลีทำไม? ทำไมพระเอกกลับมาเกาหลีได้ แล้วนางเอกจะกลับมาเกาหลีไม่ได้?
ประเทศไม่ได้มีข้อห้ามพวกเขาเข้าประเทศไหม มันแค่โชคชะตารึเปล่าที่ทำให้กลับมาในเวลาเดียวกัน
- อย่างนางเอกไปอยู่ต่างประเทศกับสามีและลูก พอหย่ากับสามีแล้ว ลูกก็ตายแล้ว
จะอยู่ต่างประเทศทำไมอีก ในเมื่องานก็ไม่ได้ทำ นางกลับมาหาพี่ชายดีกว่าไหม ที่เกาหลีมีทั้งจูรัน(พี่ร้านทำผม)และพี่ชายนางเอกอยู่นะ
มันสมเหตุสมผลมากๆเลยสำหรับตัวนางเอกว่ากลับเกาหลีทำไม
- ตัดภาพมาที่ พระเอกกลับมาเกาหลี ทั้งที่เชฟใหญ่ให้โอกาสเปิดร้านสาขาใหม่ แต่พระเอกรู้สึกว่าเนี่ย เวลาเนี้ย คือต้องกลับเกาหลีแล้วล่ะ ถึงเวลาแล้ว
แล้วพระเอกก็กลับเกาหลี ......???
เหตุผลของพระเอกแทบจะเรียกได้ว่าเบาม๊ากกกกกกเลยนะ ยังไม่มีใครสงสัยเลยว่าพระเอกจะกลับมาทำไม
#########
ส่วนอีกประเด็น นางเอกกลับมาหาพระเอกทำไม?
= อันนี้เราดูepที่เจอกันครั้งที่3จนถึงepล่าสุด ทุกครั้งการเจอกันของทั้งคู่ นางเอกไม่เคยทำอะไรให้คิดว่าจะกลับมาเลยนะ
ทุกๆครั้ง เหมือนคนที่เจอกับเพื่อนเก่า/คนรู้จักในอดีตเท่านั้น และดูเหมือนว่านางเอกไม่ได้คิดว่าจะกลับมาหาพระเอกเลย
ทุกครั้งที่เดินจากกันไป นางเอกไม่เคยหันกลับไปมองจุดเดิมที่เดินจากมา
มีแค่ตัวพระเอกเท่านั้นที่ยังหันกลับไปมองนางเอกเสมอ
และทุกๆซีนที่เจอกัน เป็นพระเอกซะเองที่เข้าหา ไม่ว่าด้วยความสงสารหรืออะไร
แต่จุดนี้เรายังไม่เคยเจอใครบอกว่า พระเอกกลับมาหานางเอกทำไมเลย555555
เจอแต่ด่านางเอกว่ากลับมาทำไม งงในงง ทั้งที่พระเอกเข้าหาเอง -__-;;
##########
2. เหตุผลที่นางเอกบอกเลิกทั้ง2ครั้งฟังไม่ขึ้นเลย + นางเอกเห็นแก่ตัว
= ทั้ง2ครั้ง ที่นางเอกเป็นคนบอกเลิกเอง
- บอกเลิกครั้งที่ 1
เพราะพี่ชายนางเอกเข้ารพ. จะคบต่อก็ลำบาก มีคนบอกว่าเหตุผลนี้ฟังไม่ขึ้น จริงๆแล้วก็อาจจะจริง มันฟังไม่ขึ้นเลยจริงๆนั่นล่ะ
เพราะหากเรายืนอยู่ในจุดนี้ จุดที่ไม่เคยต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวตั้งแต่ยังวัยรุ่น ต้องเป็นเสาหลักและดูแลพี่ชายที่พิการ
หากคิดตามตัวละคร เราว่านางเอกเลือกตัดความสัมพันธ์ไป มันไม่ได้ผิด
เพราะสำหรับตอนนั้น เรื่องความสัมพันธ์ คงไม่ได้สำคัญเท่ากับครอบครัวและปากท้องไหม?
จุดนี้ เราไม่เรียกว่าเห็นแก่ตัว เราเรียกมันว่า การจัดลำดับความสำคัญ
สิ่งที่นางเอกตัดทิ้งไปไม่ใช่ไม่สำคัญ แต่ชีวิตนางเวลานั้น สิ่งนี้ยังเป็นช้อยส์ที่ตัดไปคงจะดีกว่า
เพราะการเป็นแฟนในช่วงวัยรุ่นตอนนั้น ไม่เหมือนกับความสัมพันธ์แบบผู้ใหญ่หรอกนะ ที่จะมาคอยช่วยเยียวยาครอบครัวกันได้
วัยรุ่นในตอนนั้น การเป็นแฟนเป็นยังไง ดูช่วงเวลาก่อนนางเอกเจอเรื่องพี่ชายจะเดินไม่ได้สิ
####################
- บอกเลิกครั้งที่ 2
ในครั้งนี้ เหตุผลอาจเป็นเพราะความต่างกัน(ซึ่งมันยังไม่แน่ชัด เพราะเราคิดว่านางเอกน่าจะมาอธิบายให้พระเอกฟังตอนจบ เพื่อให้เคลียร์กว่านี้)
จากที่สังเกตได้ชัดสุด คงเป็นตอนที่นางเอกเห็นพระเอกกินลูกพีชกับเซอึนบนดาดฟ้ารพ.
จุดที่จับสังเกตได้ เพราะพระเอกบอกนางเอกว่า เซอึนก็ชอบลูกพีชสีนี้เหมือนพระเอกเลย แล้วนางก็หน้าเจื่อนไป
อันนี้เราเลยคิดว่า นางเอกเก็ทจากสิ่งที่พระเอกพูดตรงนี้ เห็นแล้วว่ามันดีนะสำหรับคนที่มีอะไรเหมือนๆกัน
และมีคนบอกว่านางเอกเปลี่ยนไปหลังจากหมอร้องเพลงบอกรัก เหมือนกับลังเลอะไรสักอย่าง
จุดนี้ถ้าสังเกตดูดีๆ หลังจากหมอร้องเพลงจบ พระเอกอยู่รพ.โทรมาพอดี นางเอกเองก็รีบหันหลังวิ่งไปหาพระเอกที่รพ.ทันที
ไม่ได้ดูลังเลจะวิ่งไปหาหมอเลย แต่ไปถึงก็เห็นพระเอกกับเซอึน นางก็นิ่งไป
อีกข้อที่นางเอกบอกคือ นางเอกรู้สึกผิด ที่พระเอกต้องทำให้มากมาย เปลี่ยนตัวเอง และเป็นคนที่ดีมากๆเพื่อนาง
ซึ่งจุดนี้ ใครมองทุกคนก็คงงงเหมือนๆกัน เราก็งง
แต่พอดูep14แล้ว เราก็เห็นว่า อ๋อ อะไรคือจุดที่รู้สึกผิดได้ง่ายมาก
ในep14 ตอนพี่ชายนางเอกชวนพระเอกไปดื่มเหล้า
ตอนจ่ายเงิน พี่ชายนางเอกไม่มีเงินสด พระเอกนี่รีบควักเป๋าตังขึ้นมาจ่ายทันที
พอไปขึ้นรถ เรียกคนขับมา พระเอกก็จ่ายเงินทันที
สิ่งที่พระเอกทำ เห็นได้ชัดว่าทำจากใจ ไม่ได้ต้องการอะไรหรอก เพราะแววตาพระเอกที่เจอพี่ชายนางเอกคือสดใสจริงๆ
แต่เพราะทั้งพี่ชายนางเอกและนางเอกเอง ในชีวิตแทบไม่เคยได้อะไรมาฟรีๆ ทุกอย่างต้องพยายามรากเลือด แข่งขันสู้มา
อยู่ในจุดที่ไม่เคยมีใครยื่นมือเข้ามาช่วยถ้าไม่มีผลประโยชน์ให้
แต่ในวันนึงที่พระเอกเข้ามา กลายเป็นว่าสิ่งดีๆที่หยิบยื่นมาให้นี้ มันดีแบบดีเกิ้นนนนนนน
มองหน้าพี่ชายนางเอกสิ จะเห็นว่ารู้สึกผิดขนาดไหนในตอนนั้น เหมือนตัวเองทำให้เค้าลำบากอีกแล้ว
หน้าแบบไม่อยากรับ แต่พระเอกก็ยังจะให้
สุดท้ายพี่ชายนางเอกเลยได้แค่ทั้งขอโทษและขอบคุณกลับไป ซึ่งนั่นสำหรับพระเอกก็คงพอแล้ว
แต่สำหรับคนรับ ก็คงรู้สึกผิดอีกตามเคย
แต่จุดนี้ เราก็มองว่า มันเบาไปไหมอะ? แค่ต่างกัน แค่รู้สึกผิด แค่นี้อะเหรอ??
(ส่วนถ้าเรื่องหึง เรายังไม่เคยเอาเรื่องพระเอกขี้หึงมาเป็นจุดบอกเลิกเลยนะ เพราะพระเอกขี้หึงป่นปี้มาก ถ้าพูดเรื่องนี้คือยาวววววว)
แล้วก็มาคิดว่า เพราะเราเห็นจากจุดนี้รึเปล่า มันเลยอาจไม่ใหญ่เลยเมื่อเรามองมันจากตรงนี้
ปัญหาของคู่อื่น เราเป็นคนนอก มองเข้าไป มันง่ายหมดแหละ
แต่ปัญหาที่เราเจอเองนี่สิ มันไม่เคยง่าย
สังเกตที่เห็นชัดๆ ในวัย32เมื่อเพื่อนพระเอกหึงน้องสาวพระเอกเรื่องผุ้ชายที่ทำงาน
แล้วมาปรึกษาพระเอก พระเอกแทบมองว่ามันเป็นเรื่องเล็กมากๆ แทบไม่ได้ใส่ใจอะไรเลย
แต่คนที่เจอปัญหานี่สิ กลับคิดแล้วคิดอีก วนๆแบบนั้นแหละ
และเรามองว่า ถ้าวันนั้นคู่พระนางไม่เลิกกัน การไปกันได้ของทั้งคู่ในตอนนั้นมันก็ยากมากๆจริงๆ
เพราะนางเอกเป็นคนที่ดูโตกว่า(สำหรับเรานะ) แล้วคิดอะไรแบบคนที่ต้องตัดสินใจเอง ตัดสินใจเร็วมาตลอดชีวิตอะ
ถ้าวันนั้นไม่เลิกกัน ความรู้สึกในวันนี้อาจจะไม่ใช่แบบนี้ก็ได้
เพราะพระเอกในวันนั้น สำหรับเรา เรามองว่า พระเอกเด็กน้อยมาก และในวัย32 พระเอกก็ดูโตขึ้นมากแล้วจริงๆ
สิ่งเล็กๆที่เราสังเกตได้ในตอนที่เลิกกันครั้งที่2
เราคิดว่า นางเอกเป็นคนที่ถ้าตื๊อ นางก็ยังจะอยู่ (แต่ความรู้สึกอาจจะไปแล้ว อันนี้ไม่รู้ได้)
ส่วนพระเอกในตอนนั้น เป็นคนที่ไม่ตื๊อเลยก็ว่าได้ พอนางเอกขอเลิก มีบอกว่าดื่มกาแฟไรสักอย่าง แต่ไม่ได้ตื๊ออีกเลยหลังจากวันนั้น
มีแค่วันนั้นวันเดียวที่พระเอกขับรถมาจอดหน้าร้านนางเอก แล้วนางเอกก็วิ่งตามรถแต่ไม่ทันแล้ว
อันนี้เราคิดว่าถ้านางเอกไม่อะไรแล้ว ก็คงไม่ตามรถไป
แต่ก็เข้าใจได้ว่าทำไมพระเอกไม่ตื๊อ เพราะก็ผู้หญิงขอเลิกแล้วไง
(และพระเอกเป็นคนไม่ตื๊อจริงๆนะ อย่างนางเอกบอกไม่ต้องมาร้านนะ นางทำงานต้องมีสมาธิ พระเอกก็ไม่ไป จนตำรวจต้องบอกว่าไปเซอไพรไง)
ซึ่งด้วยความไม่ตื๊อของพระเอกในวัย27 ทำให้เราเห็นความต่างของพระเอกในวัย32
ในวัย32 วันที่พระเอกไปหานางเอกที่โรงพัก แล้วจะช่วยถือของ นางเอกบอกไม่เป็นไร ถ้าในวัย27 เราคิดว่า พระเอกก็คงไม่เป็นไรตามนั้นจริงๆ
แต่ในวัย32 พระเอกยืนนิ่งตรงนั้นไม่ไปไหน จนนางเอกต้องบอกว่า อืมเอาไปสิ
กลายเป็นว่าในวัย32 เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของคนทั้งคู่ ที่ทำให้คิดว่าเริ่มที่จะไปกันได้มากกว่าวัย27แล้ว
จุดนี้เราไม่ได้บอกว่าให้กลับมาคู่กัน เปล่าเลย
เราแค่เห็นจุดที่เค้าน่าจะไปกันได้แล้ว เท่านั้นเอง
##############
3. นางเอกแต่งงานกับหมอ และมีลูก นั่นคือลูกจุนยองหรือลูกหมอ ถ้าแบบนี้แสดงว่านางเอกรักหมอใช่ไหม?
= เราคิดว่าเด็กเป็นลูกหมอนะคะ เพราะนางเอกเจอพระเอก2013 เลิกกันปลายฤดูร้อนเกาหลีก็ประมาณเดือน8
ป้ายหลุมศพเด็กเป็นปี2015 เพราะงั้นถ้าคนเขียนบทไม่ตลบหลัง ก็คิดว่าเป็นลูกหมอ100%
(และใจเรา อยากให้เป็นลูกหมอมากๆ เพราะจะเล่นประเด็นอื่นได้อีกค่ะ ^^)
- ทำไมนางเอกแต่งงาน+มีลูกกับหมอ
ประเด็นนี้ เรากลับรู้สึกว่า คนเขียนบททำออกมาได้ดีมาก ดีใจมากที่ให้นางมีลูกกับหมอ
เพราะตอนนี้คนเขียนไม่ได้เล่นแค่ประเด็นพระนาง แต่เค้าใส่ประเด็นผู้หญิงที่หย่าและมีลูกมาแล้วด้วย
ทำให้เราได้อ่านหลายๆความเห็น และเห็นได้ชัดว่าหญิงแม่ม่ายในสังคม อาจจะโดนประเด็นนี้ยังไงบ้าง
สำหรับผู้หญิงหลายๆคนที่เจอผู้ชายในชีวิตจริง หากไม่ได้เลือกคนๆนั้นเป็นสามี แล้วชีวิตคู่ต้องหย่า
จะเจอกับอะไร? ความสะใจยังไง?
แค่คุณไม่ถูกเลือก คุณต้องสะใจในชีวิตคู่ของคนที่ไม่เลือกคุณรึเปล่า จุดนี้เป็นจุดนึงที่เราเห็นว่าคนเขียนบททำออกมาได้ดีมาก ^^
มีคนบอกว่า นางเอกแต่งงานมีลูกกับหมอ แสดงว่านางรักหมอใช่ไหม?
ถ้าเราตอบกลับไปว่า แล้วพระเอกล่ะ พระเอกก็จะแต่งงานกับเซอึน หลังแต่งก็คงมีลูกกัน
แล้วเห็นรึเปล่าว่า พระเอกรักเซอึนไหม??
จุดๆเดียวกัน มองแบบเท่าเทียมกัน ดันให้ความรู้สึกต่างกัน พอพระเอกทำ ไม่ยักมีใครบอกว่าไม่ยุติธรรม
หากเปลี่ยนว่าวันนี้เป็นพระเอกที่หย่ามา แล้วกลับมาหานางเอก มันจะยังไม่ยุติธรรมสำหรับนางเอกไหม ถ้าคนๆนี้เป็นคนที่รัก แค่เค้าหย่ามา?
##############
4. ในวัย32 เซอึนนัดบอดให้นางเอก พระเอกช่วงต่างๆนาๆ นางเอกผิดที่ไม่ยอมปฏิเสธ
= จุดนี้เรามองว่า ทั้งพระเอกและเซอึน เข้าหานางเอกก่อนทั้งนั้น แต่กลับกลายเป็นว่าทุกครั้ง คนที่โดนด่าคือนางเอก ฮ่าๆ
- อย่างเซอึน เซอึนขอแลกเบอร์กับนางเอก โทรหานางเอก และนัดบอดให้นางเอก
ทุกๆอย่างเกิดจากตัวเซอึนเป็นคนเริ่ม
เท่าที่เรามอง เรามองว่านางเอกดูออกว่าเซอึนคงหึง
และใช่ค่ะ เซอึนหึงหวงเป็นเรื่องธรรมดามาก แฟนใหม่มักตามเรื่องแฟนเก่าของแฟนเสมอ เป็นเรื่องปกติค่ะ ฮ่าๆ
แต่จุดนี้ เราดันชอบการตอบกลับของนางเอกมากๆเลย
นางเอกบอกว่า ถ้าไปแล้วเซอึนจะสบายใจขึ้นใช่ไหม? แล้วนางเอกก็ให้เซอึนจัดการให้ตามที่อยากทำ
อันนี้เรามองว่า นางเอกประกาศจุดยืนชัดเจนมากๆ ว่ามันไม่มีอะไรนะ เธอสบายใจได้
สิ่งที่เซอึนกำลังกังวล มันไม่มีอะไรน่ากังวล เรามาอย่างเป็นมิตรจริงๆ
เพราะเราพูดได้เต็มปากว่า แฟนใหม่ที่มาทำแบบนี้กับแฟนเก่าของแฟนตัวเองนี่
แฟนเก่านั้น แทบไม่มีใครอยากจะยุ่งแบบดีๆด้วยหรอกนะ จริงๆ -__-
- ส่วนพระเอกเข้าไปช่วยนางเอก นางเอกผิดเพราะทำไมนางไม่ปฏิเสธบ้าง (คำถามนี้คือแบบบบบ5555555)
ถามจริ้งงงงงงงงงง คือคนที่ช่วยอะลำบาก แต่คนที่รับอะไม่ลำบาก แล้วใครกันที่ต้องเป็นฝ่ายปฏิเสธ
ในตอนแรกที่พระเอกช่วยถือของ นางเอกก็ปฏิเสธไปแล้ว แต่พระเอกก็ยังไม่ยอมไปไหน จะให้ทำไง เอาของฟาดหน้า?
คือคนเค้ามีน้ำใจอะ ปฏิเสธครั้งแรกแล้ว เค้ายังอยากลำบากก็เอาเถอะไหมอะ ฮ่าๆ
ทำไมไม่ไปโทษคนที่อยากจะลำบาก มาโทษคนที่สบายทำไมมมมม เรางงเหลือเกิน T__T
#############
5. นางเอกไม่สวยเลย ไม่เห็นมีดีอะไร
= ใช่ค่ะ เราไม่ใช่จุนยอง เราคงไม่เห็นเสน่ห์นั้นกันหรอก ฮ่าๆ
และเราคิดว่า ถูกแล้วนะที่นางเอกไม่สวยมาก
เพราะถ้าจุนยองรักนางเอกที่ความสวย วันนี้จุนยองคงรักผู้หญิงอีกมากมาย
และพูดได้เลยว่าเซอึนก็สวยกว่านางเอกมากๆ พระเอกคงรักมากกว่านางเอกไปอีก
ถ้าลองมองจะเห็นว่า ทุกครั้งที่จุนยองชมว่านางเอกสวย จุนยองใช้ความรู้สึกพูดมันมากกว่าใช้ตามองมันซะอีก
ส่วนเซอึน พระเอกบอกว่าสวย แต่ในคำพูดไม่มีฟิลลิ่งใดๆออกมา เหมือนคนทั่วไปที่เราใช้ตามองแล้วบอกว่าคนๆนี้สวย
ซึ่งเราว่ามันโรแมนติกมากๆนะ ที่คนๆนึงรักเรา เราถึงสวยที่สุด ไม่ใช่เพราะเราสวยที่สุด เค้าถึงรักเรา
###########
ยาวม๊ากกกกกกก ยังเหลือประเด็นอะไรอีกไหมนี่ ใครจะอ่านจบ ฮ่าๆ
สุดท้ายเราอยากตัดจบด้วยประโยคนี้ (เจอมาในทวิตเตอร์ค่ะ)
ขอบคุณค่าาา ^____^
" The Third Charm " - ซีรีส์ที่ทำให้อินเกิน ณ จุดๆนี้ ถถถถถถถถถถถถถ (สปอย+วิเคราะห์ขิงข่ายาวม๊ากกกกกก)
และหลังจากกลับมาดูใหม่ ได้อ่านความเห็น/ความสงสัยของคนอื่นๆในหลายๆจุด
ก็คิดว่าเราอยากจะแลกเปลี่ยนบ้าง มาค่ะมา เผื่อเราจะได้เข้าใจกันและกันมากขึ้น
*แต่ที่แน่ๆ ซีรีส์เรื่องนี้ไม่คอมมาดี้เลยยยยยยยยยย
คอมมาดี้ไม่กี่ตอนแรกๆเท่านั้น แต่ดราม่าร้องไห้ยาวมากกว่าครึ่งเรื่องค่ะ ฮืออออ
_______________________
The Third Charm กับความสัมพันธ์ที่ยากจะคาดเดาได้ในตอนนี้ ของจุนยอง เซอึน และยองแจ
มีหลายหัวข้อมากๆที่อยากพูดถึง แต่เอาเท่าที่จำได้ก่อนเนาะ
1. นางเอกกลับมาเกาหลีทำไม? , นางเอกกลับมาหาพระเอกทำไม?
= คำถามนี้ ทำให้สงสัยว่า แล้วพระเอกกลับมาเกาหลีทำไม? ทำไมพระเอกกลับมาเกาหลีได้ แล้วนางเอกจะกลับมาเกาหลีไม่ได้?
ประเทศไม่ได้มีข้อห้ามพวกเขาเข้าประเทศไหม มันแค่โชคชะตารึเปล่าที่ทำให้กลับมาในเวลาเดียวกัน
- อย่างนางเอกไปอยู่ต่างประเทศกับสามีและลูก พอหย่ากับสามีแล้ว ลูกก็ตายแล้ว
จะอยู่ต่างประเทศทำไมอีก ในเมื่องานก็ไม่ได้ทำ นางกลับมาหาพี่ชายดีกว่าไหม ที่เกาหลีมีทั้งจูรัน(พี่ร้านทำผม)และพี่ชายนางเอกอยู่นะ
มันสมเหตุสมผลมากๆเลยสำหรับตัวนางเอกว่ากลับเกาหลีทำไม
- ตัดภาพมาที่ พระเอกกลับมาเกาหลี ทั้งที่เชฟใหญ่ให้โอกาสเปิดร้านสาขาใหม่ แต่พระเอกรู้สึกว่าเนี่ย เวลาเนี้ย คือต้องกลับเกาหลีแล้วล่ะ ถึงเวลาแล้ว
แล้วพระเอกก็กลับเกาหลี ......???
เหตุผลของพระเอกแทบจะเรียกได้ว่าเบาม๊ากกกกกกเลยนะ ยังไม่มีใครสงสัยเลยว่าพระเอกจะกลับมาทำไม
#########
ส่วนอีกประเด็น นางเอกกลับมาหาพระเอกทำไม?
= อันนี้เราดูepที่เจอกันครั้งที่3จนถึงepล่าสุด ทุกครั้งการเจอกันของทั้งคู่ นางเอกไม่เคยทำอะไรให้คิดว่าจะกลับมาเลยนะ
ทุกๆครั้ง เหมือนคนที่เจอกับเพื่อนเก่า/คนรู้จักในอดีตเท่านั้น และดูเหมือนว่านางเอกไม่ได้คิดว่าจะกลับมาหาพระเอกเลย
ทุกครั้งที่เดินจากกันไป นางเอกไม่เคยหันกลับไปมองจุดเดิมที่เดินจากมา
มีแค่ตัวพระเอกเท่านั้นที่ยังหันกลับไปมองนางเอกเสมอ
และทุกๆซีนที่เจอกัน เป็นพระเอกซะเองที่เข้าหา ไม่ว่าด้วยความสงสารหรืออะไร
แต่จุดนี้เรายังไม่เคยเจอใครบอกว่า พระเอกกลับมาหานางเอกทำไมเลย555555
เจอแต่ด่านางเอกว่ากลับมาทำไม งงในงง ทั้งที่พระเอกเข้าหาเอง -__-;;
##########
2. เหตุผลที่นางเอกบอกเลิกทั้ง2ครั้งฟังไม่ขึ้นเลย + นางเอกเห็นแก่ตัว
= ทั้ง2ครั้ง ที่นางเอกเป็นคนบอกเลิกเอง
- บอกเลิกครั้งที่ 1
เพราะพี่ชายนางเอกเข้ารพ. จะคบต่อก็ลำบาก มีคนบอกว่าเหตุผลนี้ฟังไม่ขึ้น จริงๆแล้วก็อาจจะจริง มันฟังไม่ขึ้นเลยจริงๆนั่นล่ะ
เพราะหากเรายืนอยู่ในจุดนี้ จุดที่ไม่เคยต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวตั้งแต่ยังวัยรุ่น ต้องเป็นเสาหลักและดูแลพี่ชายที่พิการ
หากคิดตามตัวละคร เราว่านางเอกเลือกตัดความสัมพันธ์ไป มันไม่ได้ผิด
เพราะสำหรับตอนนั้น เรื่องความสัมพันธ์ คงไม่ได้สำคัญเท่ากับครอบครัวและปากท้องไหม?
จุดนี้ เราไม่เรียกว่าเห็นแก่ตัว เราเรียกมันว่า การจัดลำดับความสำคัญ
สิ่งที่นางเอกตัดทิ้งไปไม่ใช่ไม่สำคัญ แต่ชีวิตนางเวลานั้น สิ่งนี้ยังเป็นช้อยส์ที่ตัดไปคงจะดีกว่า
เพราะการเป็นแฟนในช่วงวัยรุ่นตอนนั้น ไม่เหมือนกับความสัมพันธ์แบบผู้ใหญ่หรอกนะ ที่จะมาคอยช่วยเยียวยาครอบครัวกันได้
วัยรุ่นในตอนนั้น การเป็นแฟนเป็นยังไง ดูช่วงเวลาก่อนนางเอกเจอเรื่องพี่ชายจะเดินไม่ได้สิ
####################
- บอกเลิกครั้งที่ 2
ในครั้งนี้ เหตุผลอาจเป็นเพราะความต่างกัน(ซึ่งมันยังไม่แน่ชัด เพราะเราคิดว่านางเอกน่าจะมาอธิบายให้พระเอกฟังตอนจบ เพื่อให้เคลียร์กว่านี้)
จากที่สังเกตได้ชัดสุด คงเป็นตอนที่นางเอกเห็นพระเอกกินลูกพีชกับเซอึนบนดาดฟ้ารพ.
จุดที่จับสังเกตได้ เพราะพระเอกบอกนางเอกว่า เซอึนก็ชอบลูกพีชสีนี้เหมือนพระเอกเลย แล้วนางก็หน้าเจื่อนไป
อันนี้เราเลยคิดว่า นางเอกเก็ทจากสิ่งที่พระเอกพูดตรงนี้ เห็นแล้วว่ามันดีนะสำหรับคนที่มีอะไรเหมือนๆกัน
และมีคนบอกว่านางเอกเปลี่ยนไปหลังจากหมอร้องเพลงบอกรัก เหมือนกับลังเลอะไรสักอย่าง
จุดนี้ถ้าสังเกตดูดีๆ หลังจากหมอร้องเพลงจบ พระเอกอยู่รพ.โทรมาพอดี นางเอกเองก็รีบหันหลังวิ่งไปหาพระเอกที่รพ.ทันที
ไม่ได้ดูลังเลจะวิ่งไปหาหมอเลย แต่ไปถึงก็เห็นพระเอกกับเซอึน นางก็นิ่งไป
อีกข้อที่นางเอกบอกคือ นางเอกรู้สึกผิด ที่พระเอกต้องทำให้มากมาย เปลี่ยนตัวเอง และเป็นคนที่ดีมากๆเพื่อนาง
ซึ่งจุดนี้ ใครมองทุกคนก็คงงงเหมือนๆกัน เราก็งง
แต่พอดูep14แล้ว เราก็เห็นว่า อ๋อ อะไรคือจุดที่รู้สึกผิดได้ง่ายมาก
ในep14 ตอนพี่ชายนางเอกชวนพระเอกไปดื่มเหล้า
ตอนจ่ายเงิน พี่ชายนางเอกไม่มีเงินสด พระเอกนี่รีบควักเป๋าตังขึ้นมาจ่ายทันที
พอไปขึ้นรถ เรียกคนขับมา พระเอกก็จ่ายเงินทันที
สิ่งที่พระเอกทำ เห็นได้ชัดว่าทำจากใจ ไม่ได้ต้องการอะไรหรอก เพราะแววตาพระเอกที่เจอพี่ชายนางเอกคือสดใสจริงๆ
แต่เพราะทั้งพี่ชายนางเอกและนางเอกเอง ในชีวิตแทบไม่เคยได้อะไรมาฟรีๆ ทุกอย่างต้องพยายามรากเลือด แข่งขันสู้มา
อยู่ในจุดที่ไม่เคยมีใครยื่นมือเข้ามาช่วยถ้าไม่มีผลประโยชน์ให้
แต่ในวันนึงที่พระเอกเข้ามา กลายเป็นว่าสิ่งดีๆที่หยิบยื่นมาให้นี้ มันดีแบบดีเกิ้นนนนนนน
มองหน้าพี่ชายนางเอกสิ จะเห็นว่ารู้สึกผิดขนาดไหนในตอนนั้น เหมือนตัวเองทำให้เค้าลำบากอีกแล้ว
หน้าแบบไม่อยากรับ แต่พระเอกก็ยังจะให้
สุดท้ายพี่ชายนางเอกเลยได้แค่ทั้งขอโทษและขอบคุณกลับไป ซึ่งนั่นสำหรับพระเอกก็คงพอแล้ว
แต่สำหรับคนรับ ก็คงรู้สึกผิดอีกตามเคย
แต่จุดนี้ เราก็มองว่า มันเบาไปไหมอะ? แค่ต่างกัน แค่รู้สึกผิด แค่นี้อะเหรอ??
(ส่วนถ้าเรื่องหึง เรายังไม่เคยเอาเรื่องพระเอกขี้หึงมาเป็นจุดบอกเลิกเลยนะ เพราะพระเอกขี้หึงป่นปี้มาก ถ้าพูดเรื่องนี้คือยาวววววว)
แล้วก็มาคิดว่า เพราะเราเห็นจากจุดนี้รึเปล่า มันเลยอาจไม่ใหญ่เลยเมื่อเรามองมันจากตรงนี้
ปัญหาของคู่อื่น เราเป็นคนนอก มองเข้าไป มันง่ายหมดแหละ
แต่ปัญหาที่เราเจอเองนี่สิ มันไม่เคยง่าย
สังเกตที่เห็นชัดๆ ในวัย32เมื่อเพื่อนพระเอกหึงน้องสาวพระเอกเรื่องผุ้ชายที่ทำงาน
แล้วมาปรึกษาพระเอก พระเอกแทบมองว่ามันเป็นเรื่องเล็กมากๆ แทบไม่ได้ใส่ใจอะไรเลย
แต่คนที่เจอปัญหานี่สิ กลับคิดแล้วคิดอีก วนๆแบบนั้นแหละ
และเรามองว่า ถ้าวันนั้นคู่พระนางไม่เลิกกัน การไปกันได้ของทั้งคู่ในตอนนั้นมันก็ยากมากๆจริงๆ
เพราะนางเอกเป็นคนที่ดูโตกว่า(สำหรับเรานะ) แล้วคิดอะไรแบบคนที่ต้องตัดสินใจเอง ตัดสินใจเร็วมาตลอดชีวิตอะ
ถ้าวันนั้นไม่เลิกกัน ความรู้สึกในวันนี้อาจจะไม่ใช่แบบนี้ก็ได้
เพราะพระเอกในวันนั้น สำหรับเรา เรามองว่า พระเอกเด็กน้อยมาก และในวัย32 พระเอกก็ดูโตขึ้นมากแล้วจริงๆ
สิ่งเล็กๆที่เราสังเกตได้ในตอนที่เลิกกันครั้งที่2
เราคิดว่า นางเอกเป็นคนที่ถ้าตื๊อ นางก็ยังจะอยู่ (แต่ความรู้สึกอาจจะไปแล้ว อันนี้ไม่รู้ได้)
ส่วนพระเอกในตอนนั้น เป็นคนที่ไม่ตื๊อเลยก็ว่าได้ พอนางเอกขอเลิก มีบอกว่าดื่มกาแฟไรสักอย่าง แต่ไม่ได้ตื๊ออีกเลยหลังจากวันนั้น
มีแค่วันนั้นวันเดียวที่พระเอกขับรถมาจอดหน้าร้านนางเอก แล้วนางเอกก็วิ่งตามรถแต่ไม่ทันแล้ว
อันนี้เราคิดว่าถ้านางเอกไม่อะไรแล้ว ก็คงไม่ตามรถไป
แต่ก็เข้าใจได้ว่าทำไมพระเอกไม่ตื๊อ เพราะก็ผู้หญิงขอเลิกแล้วไง
(และพระเอกเป็นคนไม่ตื๊อจริงๆนะ อย่างนางเอกบอกไม่ต้องมาร้านนะ นางทำงานต้องมีสมาธิ พระเอกก็ไม่ไป จนตำรวจต้องบอกว่าไปเซอไพรไง)
ซึ่งด้วยความไม่ตื๊อของพระเอกในวัย27 ทำให้เราเห็นความต่างของพระเอกในวัย32
ในวัย32 วันที่พระเอกไปหานางเอกที่โรงพัก แล้วจะช่วยถือของ นางเอกบอกไม่เป็นไร ถ้าในวัย27 เราคิดว่า พระเอกก็คงไม่เป็นไรตามนั้นจริงๆ
แต่ในวัย32 พระเอกยืนนิ่งตรงนั้นไม่ไปไหน จนนางเอกต้องบอกว่า อืมเอาไปสิ
กลายเป็นว่าในวัย32 เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของคนทั้งคู่ ที่ทำให้คิดว่าเริ่มที่จะไปกันได้มากกว่าวัย27แล้ว
จุดนี้เราไม่ได้บอกว่าให้กลับมาคู่กัน เปล่าเลย
เราแค่เห็นจุดที่เค้าน่าจะไปกันได้แล้ว เท่านั้นเอง
##############
3. นางเอกแต่งงานกับหมอ และมีลูก นั่นคือลูกจุนยองหรือลูกหมอ ถ้าแบบนี้แสดงว่านางเอกรักหมอใช่ไหม?
= เราคิดว่าเด็กเป็นลูกหมอนะคะ เพราะนางเอกเจอพระเอก2013 เลิกกันปลายฤดูร้อนเกาหลีก็ประมาณเดือน8
ป้ายหลุมศพเด็กเป็นปี2015 เพราะงั้นถ้าคนเขียนบทไม่ตลบหลัง ก็คิดว่าเป็นลูกหมอ100%
(และใจเรา อยากให้เป็นลูกหมอมากๆ เพราะจะเล่นประเด็นอื่นได้อีกค่ะ ^^)
- ทำไมนางเอกแต่งงาน+มีลูกกับหมอ
ประเด็นนี้ เรากลับรู้สึกว่า คนเขียนบททำออกมาได้ดีมาก ดีใจมากที่ให้นางมีลูกกับหมอ
เพราะตอนนี้คนเขียนไม่ได้เล่นแค่ประเด็นพระนาง แต่เค้าใส่ประเด็นผู้หญิงที่หย่าและมีลูกมาแล้วด้วย
ทำให้เราได้อ่านหลายๆความเห็น และเห็นได้ชัดว่าหญิงแม่ม่ายในสังคม อาจจะโดนประเด็นนี้ยังไงบ้าง
สำหรับผู้หญิงหลายๆคนที่เจอผู้ชายในชีวิตจริง หากไม่ได้เลือกคนๆนั้นเป็นสามี แล้วชีวิตคู่ต้องหย่า
จะเจอกับอะไร? ความสะใจยังไง?
แค่คุณไม่ถูกเลือก คุณต้องสะใจในชีวิตคู่ของคนที่ไม่เลือกคุณรึเปล่า จุดนี้เป็นจุดนึงที่เราเห็นว่าคนเขียนบททำออกมาได้ดีมาก ^^
มีคนบอกว่า นางเอกแต่งงานมีลูกกับหมอ แสดงว่านางรักหมอใช่ไหม?
ถ้าเราตอบกลับไปว่า แล้วพระเอกล่ะ พระเอกก็จะแต่งงานกับเซอึน หลังแต่งก็คงมีลูกกัน
แล้วเห็นรึเปล่าว่า พระเอกรักเซอึนไหม??
จุดๆเดียวกัน มองแบบเท่าเทียมกัน ดันให้ความรู้สึกต่างกัน พอพระเอกทำ ไม่ยักมีใครบอกว่าไม่ยุติธรรม
หากเปลี่ยนว่าวันนี้เป็นพระเอกที่หย่ามา แล้วกลับมาหานางเอก มันจะยังไม่ยุติธรรมสำหรับนางเอกไหม ถ้าคนๆนี้เป็นคนที่รัก แค่เค้าหย่ามา?
##############
4. ในวัย32 เซอึนนัดบอดให้นางเอก พระเอกช่วงต่างๆนาๆ นางเอกผิดที่ไม่ยอมปฏิเสธ
= จุดนี้เรามองว่า ทั้งพระเอกและเซอึน เข้าหานางเอกก่อนทั้งนั้น แต่กลับกลายเป็นว่าทุกครั้ง คนที่โดนด่าคือนางเอก ฮ่าๆ
- อย่างเซอึน เซอึนขอแลกเบอร์กับนางเอก โทรหานางเอก และนัดบอดให้นางเอก
ทุกๆอย่างเกิดจากตัวเซอึนเป็นคนเริ่ม
เท่าที่เรามอง เรามองว่านางเอกดูออกว่าเซอึนคงหึง
และใช่ค่ะ เซอึนหึงหวงเป็นเรื่องธรรมดามาก แฟนใหม่มักตามเรื่องแฟนเก่าของแฟนเสมอ เป็นเรื่องปกติค่ะ ฮ่าๆ
แต่จุดนี้ เราดันชอบการตอบกลับของนางเอกมากๆเลย
นางเอกบอกว่า ถ้าไปแล้วเซอึนจะสบายใจขึ้นใช่ไหม? แล้วนางเอกก็ให้เซอึนจัดการให้ตามที่อยากทำ
อันนี้เรามองว่า นางเอกประกาศจุดยืนชัดเจนมากๆ ว่ามันไม่มีอะไรนะ เธอสบายใจได้
สิ่งที่เซอึนกำลังกังวล มันไม่มีอะไรน่ากังวล เรามาอย่างเป็นมิตรจริงๆ
เพราะเราพูดได้เต็มปากว่า แฟนใหม่ที่มาทำแบบนี้กับแฟนเก่าของแฟนตัวเองนี่
แฟนเก่านั้น แทบไม่มีใครอยากจะยุ่งแบบดีๆด้วยหรอกนะ จริงๆ -__-
- ส่วนพระเอกเข้าไปช่วยนางเอก นางเอกผิดเพราะทำไมนางไม่ปฏิเสธบ้าง (คำถามนี้คือแบบบบบ5555555)
ถามจริ้งงงงงงงงงง คือคนที่ช่วยอะลำบาก แต่คนที่รับอะไม่ลำบาก แล้วใครกันที่ต้องเป็นฝ่ายปฏิเสธ
ในตอนแรกที่พระเอกช่วยถือของ นางเอกก็ปฏิเสธไปแล้ว แต่พระเอกก็ยังไม่ยอมไปไหน จะให้ทำไง เอาของฟาดหน้า?
คือคนเค้ามีน้ำใจอะ ปฏิเสธครั้งแรกแล้ว เค้ายังอยากลำบากก็เอาเถอะไหมอะ ฮ่าๆ
ทำไมไม่ไปโทษคนที่อยากจะลำบาก มาโทษคนที่สบายทำไมมมมม เรางงเหลือเกิน T__T
#############
5. นางเอกไม่สวยเลย ไม่เห็นมีดีอะไร
= ใช่ค่ะ เราไม่ใช่จุนยอง เราคงไม่เห็นเสน่ห์นั้นกันหรอก ฮ่าๆ
และเราคิดว่า ถูกแล้วนะที่นางเอกไม่สวยมาก
เพราะถ้าจุนยองรักนางเอกที่ความสวย วันนี้จุนยองคงรักผู้หญิงอีกมากมาย
และพูดได้เลยว่าเซอึนก็สวยกว่านางเอกมากๆ พระเอกคงรักมากกว่านางเอกไปอีก
ถ้าลองมองจะเห็นว่า ทุกครั้งที่จุนยองชมว่านางเอกสวย จุนยองใช้ความรู้สึกพูดมันมากกว่าใช้ตามองมันซะอีก
ส่วนเซอึน พระเอกบอกว่าสวย แต่ในคำพูดไม่มีฟิลลิ่งใดๆออกมา เหมือนคนทั่วไปที่เราใช้ตามองแล้วบอกว่าคนๆนี้สวย
ซึ่งเราว่ามันโรแมนติกมากๆนะ ที่คนๆนึงรักเรา เราถึงสวยที่สุด ไม่ใช่เพราะเราสวยที่สุด เค้าถึงรักเรา
###########
ยาวม๊ากกกกกกก ยังเหลือประเด็นอะไรอีกไหมนี่ ใครจะอ่านจบ ฮ่าๆ
สุดท้ายเราอยากตัดจบด้วยประโยคนี้ (เจอมาในทวิตเตอร์ค่ะ)
ขอบคุณค่าาา ^____^