ก่อนอื่นผมต้องขอชี้แจงก่อนว่านี่ไม่ใช่ประวัติของตัวปืนนะครับเพราะเจ้าปืนกระบอกนี้ยังมีอยู่หลายอย่างที่ยังคลุมเครืออยู่มากจึงยังไม่สามารถทำเป็นประวัติโดยตรงออกมาได้แต่ผมจะมาบอกถึงที่มาของมันและขั้นตอนการใช้งานพื้นฐานนะครับ
หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นได้รู้จักกับปืนกลเบาแบบ Hotchkiss จากฝรั่งเศสและได้ทำการตั้งโครงการพัฒนาปืนกลเบาสำหรับผลิตและใช้ในกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นขึ้นมาเองโดยมีพื้นฐานมาจากปืนกลเบา Hotchkiss
ในเวลานั้นพลโท Kijirō Nambu ได้ออกแบบการปรับปรุงวิธีการป้อนกระสุนของระบบกลไกปืนกลเบา Hotchkiss เสียใหม่ด้วยการเปลี่ยนจากการใช้ แบบตลับหนีบไปเป็นการใช้กล่องบรรจุกระสุนพร้อมฝาปิดแทน ผลที่ได้ก็คือทำให้ปืนมีความกระทัดรัดมากขึ้นในการเคลื่อนย้าย และ เพิ่มความสะดวกในการส่งกำลังบำรุงมากขึ้นเพราะ,มันใช้คลิปหนีบกระสุน 5 นัดร่วมกับปืนไรเฟิลแบบ 38 ของทหารราบทั่วไป (ที่มาของเลข 11 ในชื่อปืนกระบอกนี้มาจากการที่มันถูกผลิตในปี 1922 ซึ่งในปฏิทินญี่ปุ่นจะตรงกับปีจักรพรรดิไทโซที่ 11 พอดี)
ข้อเสียของปืนกลชนิดนี้ที่ใช้ระบบปฏิบัติการของ Hotchkiss นั่นก็คือต้องคอยหยอดน้ำมันสำหรับบริหารกลไกอยู่บ่อยครั้งมิฉะนั้นแล้ว ชิ้นส่วนภายใน ปืนจะฝืด ทำให้เกิดการขัดลำได้ในขณะเดียวกันปืนชนิดนี้ก็ไม่สามารถใช้งานได้เมื่อถูกสิ่งสกปรกอย่างเช่นฝุ่นหรือว่าโคลนเข้าไปอยู่ในระบบภายในจึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มันนั้นจำเป็นจะต้องมีการป้องกันสิ่งสกปรกเป็นอย่างมากสำหรับทหารที่มีมันเป็นอาวุธประจำกาย
ขั้นตอนการใช้งาน ( อันนี้ผมศึกษามาจาก ใน YouTube นะครับ )
1. ปลดห้ามไกปืนโดยการบิดคันห้ามไกไปด้านหลังเข้าหาตัวผู้ใช้งาน
2. เปิดฝากล่องบรรจุจากนั้นบรรจุกระสุนด้วยแหนบกระสุน 5 นัดของปืนไรเฟิลแบบ 38 จำนวน 6 อัน
3. ปิดฝากล้องบรรจุ
4. ดึงคันรั้งลูกเลื่อนมาด้านหลังเข้าหาตัวผู้ใช้งาน
5. ดันคันรั้งลูกเลื่อนกลับไปด้านหน้าจนสุด (เพียงเท่านี้ปืนก็พร้อมยิงแล้วครับ)
ปืนกระบอกนี้สามารถยิงอัตโนมัติได้อย่างเดียวเท่านั้นโดยผู้ใช้งานสามารถจะลั่นไกออกไปเป็นชุด ชุดละ 5 นัดแหนบกระสุนก็จะถูกปล่อยออกมาจากตัวปืน 1 แหนบ นั่นหมายความว่าสามารถยิงออกเป็นชุดละ 5 นัดได้ 6 ครั้ง หรือจะลั่นไกค้างส่งกระสุนออกไปจนหมด 30 นัดเลยก็ได้โดยทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับตัวของผู้ใช้งานเอง
สวัสดีครับ
สารานุกรมปืนตอนที่ 232 ที่มาของระบบกลไกและขั้นตอนการใช้งานพื้นฐานของปืนกลเบาแบบ Type 11
หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นได้รู้จักกับปืนกลเบาแบบ Hotchkiss จากฝรั่งเศสและได้ทำการตั้งโครงการพัฒนาปืนกลเบาสำหรับผลิตและใช้ในกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นขึ้นมาเองโดยมีพื้นฐานมาจากปืนกลเบา Hotchkiss
ในเวลานั้นพลโท Kijirō Nambu ได้ออกแบบการปรับปรุงวิธีการป้อนกระสุนของระบบกลไกปืนกลเบา Hotchkiss เสียใหม่ด้วยการเปลี่ยนจากการใช้ แบบตลับหนีบไปเป็นการใช้กล่องบรรจุกระสุนพร้อมฝาปิดแทน ผลที่ได้ก็คือทำให้ปืนมีความกระทัดรัดมากขึ้นในการเคลื่อนย้าย และ เพิ่มความสะดวกในการส่งกำลังบำรุงมากขึ้นเพราะ,มันใช้คลิปหนีบกระสุน 5 นัดร่วมกับปืนไรเฟิลแบบ 38 ของทหารราบทั่วไป (ที่มาของเลข 11 ในชื่อปืนกระบอกนี้มาจากการที่มันถูกผลิตในปี 1922 ซึ่งในปฏิทินญี่ปุ่นจะตรงกับปีจักรพรรดิไทโซที่ 11 พอดี)
ข้อเสียของปืนกลชนิดนี้ที่ใช้ระบบปฏิบัติการของ Hotchkiss นั่นก็คือต้องคอยหยอดน้ำมันสำหรับบริหารกลไกอยู่บ่อยครั้งมิฉะนั้นแล้ว ชิ้นส่วนภายใน ปืนจะฝืด ทำให้เกิดการขัดลำได้ในขณะเดียวกันปืนชนิดนี้ก็ไม่สามารถใช้งานได้เมื่อถูกสิ่งสกปรกอย่างเช่นฝุ่นหรือว่าโคลนเข้าไปอยู่ในระบบภายในจึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มันนั้นจำเป็นจะต้องมีการป้องกันสิ่งสกปรกเป็นอย่างมากสำหรับทหารที่มีมันเป็นอาวุธประจำกาย
ขั้นตอนการใช้งาน ( อันนี้ผมศึกษามาจาก ใน YouTube นะครับ )
1. ปลดห้ามไกปืนโดยการบิดคันห้ามไกไปด้านหลังเข้าหาตัวผู้ใช้งาน
2. เปิดฝากล่องบรรจุจากนั้นบรรจุกระสุนด้วยแหนบกระสุน 5 นัดของปืนไรเฟิลแบบ 38 จำนวน 6 อัน
3. ปิดฝากล้องบรรจุ
4. ดึงคันรั้งลูกเลื่อนมาด้านหลังเข้าหาตัวผู้ใช้งาน
5. ดันคันรั้งลูกเลื่อนกลับไปด้านหน้าจนสุด (เพียงเท่านี้ปืนก็พร้อมยิงแล้วครับ)
ปืนกระบอกนี้สามารถยิงอัตโนมัติได้อย่างเดียวเท่านั้นโดยผู้ใช้งานสามารถจะลั่นไกออกไปเป็นชุด ชุดละ 5 นัดแหนบกระสุนก็จะถูกปล่อยออกมาจากตัวปืน 1 แหนบ นั่นหมายความว่าสามารถยิงออกเป็นชุดละ 5 นัดได้ 6 ครั้ง หรือจะลั่นไกค้างส่งกระสุนออกไปจนหมด 30 นัดเลยก็ได้โดยทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับตัวของผู้ใช้งานเอง