สาดน้ำกรดถึงตาย

กระทู้คำถาม
ทำไมถึงตายได้ครับแล้วเป็นกรดอะไร
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
ผม เคยทำงาน เผาพลอย แล้วโดน กรดกัดแก้ว บริสุทธิ 90%  (อันนี้จำไม่ค่อยได้)

ตอนโดน ผมเอานิ้วเปิดฝาขวดกรดกัดแก้ว ด้วย ความไม่ทันระวัง ผมโดนแค่ ไอ ของกรด นิดๆ ที่ปลายนิ้วชี้

ตอนนั้นโดนแล้วก็ล้างน้ำทันที

อาการตอนที่โดน วันที่1 ไม่รู้สึกอะไร/1ชม.ต่อมาคันๆแสบๆ/ตอนเย็น ปวดที่ปลายนิ้วมาก ปวดแสบปวดร้อนนอนไม่หลับเลย
                                ตอนนอน ต้องเอาขันใส่น้ำแล้ว นอน ทั้งๆที่เอานิ้วจุ่มน้ำไว้ (ตอนนั้นไม่คิดว่าจะรุนแรงขนาดนี้)
                       วันที่2 ตื่นขึ้นมา ปลายนิ้วกลายเป็นสีดำ แล้วก็ปวดมากๆ เป็นระยะๆ เลยลาหยุด  ไปหาหมอ ขอโทษนะครับไม่ได้แต่งเรื่อง
                                ผมไป รพ.พระราม2 ครับ เรื่องจริงๆเลย พอเจอหมอ หมอ บอกว่า รักษาไม่ได้แล้วครับ เนื้อตายแล้ว รอมันหลุด
                                แล้วที่ พีค ครับ หมอบอกว่า ไม่มียาทาให้ ผมก็กลับบ้าน แบบ ปวดๆตัวเปล่าๆ แต่ก็ อุ่นใจว่าคงไม่โดนตัดนิ้ว
                       สรุป    ผ่านไปเป็นเดือน ส่วนที่ดำๆก็หลุด นิ้วก็แหว่ง ตอนนี้เนื้อฟูขึ้นมา เป็นปกติแล้วครับ ผ่านไป5ปี

ตามความคิดเห็นของผมนะ ครับ คนที่โดนสาด โดนทั้งหน้า ผมบอกเลย ผมโดนแค่ปลายนิ้วยังแทบทนไม่ได้ แล้ว ถ้าเป็นกรดกัดแก้วจริงๆ นะครับ

กรดชนิดนี้ เป็นกรดที่ จะทำลายภายใน ทำลาย ในระดับเซล กรดนี้ผม ใช้ทำละลาย แร่ธาตุ ที่มีความแข็งมากๆ ในเนื้อพลอย แล้วเนื้อคน ถ้า...

โดนเข้าไป... กรดชนิดนี้ มันไม่ใช่ว่า โดนหนังแล้วจะ เช็ดออก มันซึมเข้าเนื้อครับ ผมโดนแค่ '' ไอ ''ของมัน นิ้วผม ดำไป ประมาน3-4มิลลิเมตร

แล้วโดนเป็น แก้ว... ถ้าไม่ได้รับการรักษา ภายใน 10นาทีแรก ผ่านไปซักพักกรดซึมเข้าเนื้อ เข้าหนังไป รอดยากครับ ผมพูดอะไรผิดไปก็..

ขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วยนะครับ ผมอยากแชเพราะว่าผมก็เคยโดน...
ความคิดเห็นที่ 24
ต้องดูว่า ผู้ป่วยและลูกปฐมพยาบาลยังไงด้วยครับ
ถ้าทำไม่ถูกก็เละหนัก  ควรเช็ดออกแล้วใช้น้ำล้างมากที่สุด

รพ.รับไว้ พูดจริงก็ไม่รอดครับ รพ.เล็กเหมือน รพ.ชุมชนไม่มีหมอศัลยกรรมประจำห้องฉุกเฉิน  ทำได้มากสุดแค่ล้างให้มากสุดแล้วรีบส่งไป รพ.อื่น การส่งตัวเร็วสุด จริงๆก็คือแท็กซี่แหละครับ รอรถ รพ.บางมดมารับ ยิ่งช้า จริงๆไปบางมด ก็คงไม่รอดเหมือนกัน
ถ้าเป็นต่างจังหวัด รพ.ชุมชนก็คงนำคนไข้ขึ้นรถฉุกเฉิน รพ. แล้วคงเสียชีวิตบนรถ ช่วยอะไรไม่ได้มาก
ใส่ท่อช่วยหายใจยากมากครับ ถ้าเนื้อเยื่อในปากเละไปแล้ว
แถวหน้าคอ ก็มีพวกเส้นเลือดใหญ่  ทางเดินหายใจ ถ้าเสียหาย คนไข้ก็ตายอย่างรวดเร็วครับ การเจาะคอช่วยชีวิต หมอส่วนใหญ่ถ้าไม่ใช่หมอเฉพาะทางก็ไม่กล้าทำหรอกครับ

เคสคนไข้โดนน้ำกรด ไม่ได้เห็นกันบ่อยๆเหมือนน้ำร้อนลวกนะครับ หมอหลายคนก็อาจไม่เคยเจอเคสแบบนี้ ถ้าไม่ได้ประวัติจากคนไข้ ก็อาจไม่รู้
หมอแก่ๆที่ให้สัมภาษณ์ว่าต้องรู้ ก็พล่ามไปงั้นแหละ ตัวเองเจอ ก็อาจทำอะไรไม่ถูก
การรักษาคงต้องกู้ชีพเบื้องต้น แล้วเปิดห้องผ่าตัดทันที ถ้าตอนมา คนไข้ยังดี ส่งต่อไป รพ.ที่พร้อมกว่า ก็เหมาะสมกว่า

คิดอีกด้าน ถ้ารพ แรกรับไว้ คนไข้ตาย ก็ฟ้องไม่ได้เพราะเป็นเหตุสุดวิสัย เกินศักยภาพ รพ.
แต่พอ รพ.ทำผิดที่หมอเวรไม่มาดู ญาติคงฟ้องเรียกค่าเสียหายได้ เจ้าของ รพ.โง่เองที่ไปเถียงกับทีมอัจฉริยะ อาจโดนฟ้องหนักแต่ขนหน้าแข้งเจ้าของ รพ.เอกชนไม่ร่วงหรอก  ส่วนคดีอาญา อย่างมากก็แค่รอลงอาญา เพราะยังไงคนไข้ก็ตายจากการกระทำสามีเป็นหลัก ไม่ใช่เพราะ พ.
ความคิดเห็นที่ 25
ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วยครับ

กรดกัดแก้ว ถึงเป็นกรดอ่อน แต่พิษอันตรายมากครับ

อ้างอิงจาก
http://www.summacheeva.org/index_thaitox_hydrofluoric_acid.htm
https://pubchem.ncbi.nlm.nih.gov/compound/hydrofluoric_acid
https://www.cdc.gov/niosh-rtecs/MW7829B8.html

เป็นเรื่องที่ยากมากในการแยกบาดแผลน้ำร้อนลวกจากแผลน้ำกรด ถ้าไม่ได้ทราบว่าโดนน้ำกรดชนิดนี้ตั้งแต่แรก
เนื้อเยื่อที่สัมผัสกรดโดยตรงจะตายทั้งหมด กรดที่แตกตัวจะแทรกซึมลงไปได้ลึกถึงกระดูก มีบางส่วนไปจับแคลเซียมในเลือด

****คนไข้จะเสียชีวิตจาก แคลเซียมในเลือดต่ำ และโพแทสเซียมในเลือดสูงแบบเฉียบพลัน หัวใจจะเต้นผิดจังหวะและเสียชีวิต

กรณีแบบนี้เป็นไปได้ว่าการ Screening โดยคัดแยกอาการและสัญญาณชีพ จะจัดให้ผู้ป่วยเป็นแบบที่ไม่ฉุกเฉินวิกฤต(ถ้า ผป มาเร็ว)
***และไม่เข้าเกณฑ์ของ UCEP ของ สพฉ ครับ***
ความคิดเห็นที่ 10
น่าจะเป็นกรดกัดแก้ว hydrofluoric acid

เพิ่มเติม กรดตัวนี้อันตรายมาก เพราะกรดมันซึมลึก ออกฤทธิ์ช้า  แรกๆจะแสบๆคันๆ เจ็บปวดน้อยกว่ากรดพวกกรดเกลือหรือกำมะถัน(พวกนี้ทำลายเนื้อเยื่อโดยตรง จะปวดแสบปวดร้อนมาก)   นรกจะอยู่หลังจากนั้น. เพราะกรดมันจะไปทำลายเนื้อเยื่อและกระดูกจากภายในช้าๆ ถ้าได้รับเป็นปริมาณมากต่อให้แค่โดนผิวหนังอย่างเดียวก็อาจทำให้หัวใจหยุดเต้นและเสียชีวิตได้

ตรงนี้แหละที่อาจจะทำให้เจ้าหน้าที่วินิจฉัยผิดพลาด เพราะช่วงแรกๆดูเหมือนไม่เป็นอะไรมาก และไม่รู้ว่าโดนกรดตัวไหน   ถ้าเป็นพวกกรดเกลือหรือกำมะถันหน้าคงเละไปแล้ว ถ้าไม่รีบใช้น้ำล้าง เจ้าหน้าที่ก็จะรู้ทันที

อันนี้ตามความคิดผมนะ ถ้าผมผิดแย้งด้วยครับ
ความคิดเห็นที่ 29
เคสนี้เสียชีวิตเพราะน้ำกรด
แต่แย่และเลวร้ายเพราะระบบการรักษา และเรื่องสิทธิ
โดยเฉพาะUCEP ที่โฆษณานักหนาว่ารักษาที่ไหนก็ได้ใน 72 ชม แรก
ในกลุ่ม 6 อาการ

ที่มันแย่เพราะเมื่อ รพ รักษาไปแล้ว กลับเบิกจ่ายได้ไม่เต็ม
ตัวucep เองมีโควต้าราคาจ่ายแต่ละโรคให้ รพ ตายตัว
เมื่อจ่ายได้ไม่เต็ม ก็คือมนุษยธรรมแล้วว่าจะรับหรือไม่รับ

ผู้พิจารณาว่ากรณีไหนฉุกเฉินหรือไม่คือ จนท ucep ซึ่ง รพ ต้องโทรไปถามเมื่อคนไข้เข้ามารักษา
ถ้า จนท บอกว่าไม่ได้  รพ ต้องหาสิทธิอื่นๆเช่นประกันชีวิต ของคนไข้ พรบ เป็นต้น
และมีกระทั่งว่า จนท ที่รับโทรศัพท์บอกว่าเข้าเกณฑ์แต่พอนอน รพ ไปแล้ว มีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นแล้ว ประเมินทีหลัง
กลับโดนucep บอกว่าไม่เข้าเกณฑ์  
ถ้าคุณเป็นคนไข้ก็ต้องควักเงินจ่ายเองเลยจ้า หรือ รพ อาจไปเรียกกับสิทธิ30 บาท

แล้วเวลาตัดเบิกจ่าย ucep จะยอมให้เบิกเมื่อคนไข้ใช้สิทธิอื่นๆไปก่อนแล้วจนหมด เช่นมีประกันชีวิตก้ต้องใช้ประกันก่อน
มีพรบ หรืออื่นๆจนหมด จึงตัดucepเป็นอันสุดท้าย

ใครหวังเรื่อง 72 ชมในกรณีฉุกเฉิน ควรทราบเรื่องนี้ไว้ด้วย

แล้วอ่านในเน็ตเนี่ย  ไม่รู้ว่ามีคนกลุ่มนึงไม่ทราบเพราะเหตุใด
จึงมองว่าการแจ้งราคาก่อน ถือเป็นการดูถูก เป็นการปฏิเสธการรักษา
กฎหมายยังบังคับให้แจ้งราคาก่อน

ข่าวนี้ได้เห็นเรื่องย้อนแย้งมากมาย
เป็น รพ ไหนก็ลำบากถ้า ไม่รักษาก็โดนด่าว่าไม่มีความเมตตา
รักษาแล้วเก็บเงินไม่ได้ก็ขาดทุน
แจ้งค่าใช้จ่ายคร่าวก่อนรับรักษาก็ว่าหน้าเลือด

สรุป ตัวเรามีเงินไว้ก่อนเป็นดีมั้ง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่