"สงกรานต์ เตชะณรงค์" ผู้ชายปลายฝนชนหนาว


และแล้ว หลังจากที่ครบ 1 ปีพอดี ที่ สงกรานต์ เตชะณรงค์ ประกาศเมื่อช่วงเดือนกันยายน 2560 ว่าจะไม่ยอมเลิกรากับศรีภรรยา แอฟ ทักษอร (ขณะยังเป็นเตชะณรงค์) แน่นอน

พอเดือนกันยายน 2561 ที่ผ่านมา ผู้ชายคนเดียวกันนี้ที่เป็นฝ่ายโทรไปง้ออดีตเมีย ให้มาเซ็นใบหย่าเองเสร็จสรรพ

ตอนแรกคนไทยก็งง คาดเดาและจับแพะชนแกะอยู่พักใหญ่ตามสายธารข่าวลือ

ปรากฏว่าเมื่อวันพุธที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทางฝ่ายหญิงออกมาเฟิร์มแล้วว่ากำลังคุยอยู่กับคนนี้นั่นแหละ สารภาพ

ก็เมื่อเห็นฝ่ายหญิงแจงยิบไปแล้ว คงไม่ต้องบรรยายต่อว่า “Something Special” มันเกิดขึ้นได้อย่างไร

สู้หันมาดูฝ่ายชายกันดีกว่า...ที่จะว่าไป หลังจากบ่นชีวิตอยู่สองสามคำ มาวันนี้ไม่ว่าโลกข้างนอกจะสะเทือนไหว ด้วยแรงตบตีของ FC สองสาวขนาดไหน

แต่สำหรับ “คนรูปหล่อ พ่อรวย” อย่าง “สงกรานต์ เตชะณรงค์” นี่มันสิวๆ ทุกอย่างผ่านมาก็จะผ่านไป จากนี้ไปจึงประกาศขอเริ่มต้นใหม่

คนมาถึงวัย 35 ได้...ประสบการณ์มันสอนมาเยอะ

และกับบทบาทของทายาทโบนันซ่า ที่ผ่านชีวิตจากเด็กเสเพล มาสู่คนหนุ่มที่โชคดีที่สุดคนหนึ่ง เรื่องความหล่อไม่ต้องพูดถึง เพราะกินไม่ได้ แต่เรื่อง “พ่อรวย” นี่สิเด็ด

สำหรับ เจ้าพ่อโบนันซ่าวัยเก๋า “ไพวงษ์ เตชะณรงค์” บิดาของสงกรานต์ ที่เคยออกตัวเป็นกาวใจเหนียวหนึบให้อดีตลูกสะใภ้คืนรัง วันนี้หัวอกพ่อไม่รู้ว่ากำลังลุ้นให้ลูกชายเดินหน้ารักใหม่อย่างมีสติหรือเปล่า

แต่ที่แน่ๆ คนนี้แหละที่ไม่ว่าสงกรานต์ไปที่ไหน ทำอะไร ก็จะมีใบหน้าของเขาปรากฏเป็นแบ็กดร็อปอยู่เบื้องหลังชีวิตของบุตรชายไปทุกที่

คือนอกจากความรวยจากรุ่นพ่อจะส่งให้รุ่นลูก ฉายสีในแวดวงแสงเพชรแล้ว เสี่ยไพวงษ์ยังเป็นเหมือนผู้ปัดเป่าข่าวร้าย ช่วงบุตรชายมีปัญหากับอดีตเมีย ก็จะคอยเคลียร์โจทย์กับนักข่าวให้เสมอ

แถมยังหนุนเสริมภาพลักษณ์คนทำงานของบุตรชายมาตลอด ว่าต่อให้สายรักวุ่นวายติดลบยังไง แต่สายงาน สงกรานต์เต็มร้อย

ทั้งหมดนี้ บอกเลย คนที่เติบโตมาได้ถึงวัยเก๋าขนาดนี้ ประสบการณ์มันสอนมาเยอะกว่า


คนระดับไพวงษ์ จึงมีวันนี้ ทั้งสินทรัพย์ที่เป็นอาณาจักรธุรกิจ สั่งสมเม็ดเงินท่วมล้นยุ้งฉาง และทรัพย์สินในรูปของเครือข่ายสายสัมพันธ์ ที่ยิ่งหนุนเสริมกันในเรื่องต่างๆ ชนิดใช้ยังไง...ไม่มีวันหมด

ก่อนจะมาใช้บั้นปลายชีวิตในขุมทองคำ และเลี้ยงหลาน “ปีใหม่” อย่างชื่นใจคุณปู่ “ไพวงษ์" ก็ได้ชื่อว่าเป็นอีกเจ้าของตำนานการสร้างตัวคนหนึ่งของเมืองไทย


คุณไพวงษ์ เตชะณรงค์ และน้องปีใหม่



ชีวิตวัยเด็กเขาต้องดิ้นรนขายลอตเตอรี่อยู่ในสวนลุมพินี พอโตมาก็ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟอาหารที่อเมริกา จากนั้นทำร้านอาหาร เรียนไปทำงานไปสู้ชีวิตสุดๆ

จนเมื่อจบปริญญาตรี ด้านคอมเมอร์เชียล อาร์ต จากมหาวิทยาลัยวู้ดเบอรี่ สหรัฐอเมริกา ก็กลับมาเมืองไทยแล้วเริ่มต้นทำเทรดดิ้งส่งสินค้าไปขายในอเมริกา

กระทั่งมาลงมือทำโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในชื่อ “โบนันซ่า” ที่เขาใหญ่ ตามความฝันที่เคยวาดไว้สำเร็จ โดยเริ่มดำเนินโครงการเมื่อปี 2535 บนเนื้อที่รวมกว่า 5 พันไร่ ออกแบบอาณาจักรในสไตล์ American Country ที่ใช้ไม้กว่า 80% เป็นวัสดุในการสร้าง เข้าเส้นคนไทยสุดๆ
แน่นอน อาณาจักรโบนันซ่าประสบความสำเร็จอย่างที่เห็น และธุรกิจอื่นๆ ก็เติบโตตามมา จนภายหลังไพวงษ์ได้เป็นกรรมการอีกกว่า 22 บริษัท

แม้ข้อมูลจากสำนักข่าวอิศราระบุว่า ทั้ง 22 บริษัทเลิกดำเนินการแล้ว ที่มีก็คือกิจการในเครือโบนันซ่า ซึ่งอยู่ในความดูแลของภรรยา ภัสสรา เตชะณรงค์ และบุตร-ธิดา ทั้ง 4 โดยมีสินทรัพย์รวมประมาณ 700 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี คนโตขนาดนี้ ย่อมมีเครือข่ายสายสัมพันธ์ที่เป็นขุมกำลัง คือนอกจากด้านหนึ่งเขาเป็นอดีตนายกสมาคมคนไทยในอเมริกา ทำให้เขาเป็นที่รู้จักของคนไทยแทบทุกระดับแล้ว

กับสิ่งที่เขาเคยให้สัมภาษณ์นิตยสาร Hello ฉบับวันที่ 13 ธันวาคม 2555 ต่อไปนี้ คนไทยอ่านกี่ทีก็ขนลุก

“ก็ผ่านร้อนผ่านหนาวมาจนคนรู้จักโบนันซ่ามากขึ้น เพราะอาศัยว่าผมเป็นคนกว้างขวาง เพราะอะไร เพราะเราดูแลเขา ผมเป็นคนที่ตำรวจทหารเข้าหาเยอะสุด เพราะบรรดานาย เป็นน้องๆ ผมทั้งนั้น แล้วผมเคยอยู่หน้าห้องพี่จิ๋ว (พล.อ.ชวลิต ยงใยุทธ) หน้าห้องนายกฯ มาตั้งกี่สมัย การที่เราช่วยเหลือคนไปเรื่อย มันแผ่กิ่งก้านสาขา”

นอกจากนี้ ไพวงษ์ยังได้เคยร่วมหุ้นทำธุรกิจกับ คฤกพล ยงใจยุทธ บุตรชาย “บิ๊กจิ๋ว” ตั้งแต่ปี 2529 ในชื่อ บริษัท เพื่อน จำกัด (ปิดตัวไปแล้ว)

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ทั้งยังเป็นที่รู้จักในฐานะคอลัมนิสต์ นามปากกา “ไก่ชน” และเป็นประธานบริษัท ลูกทุ่ง เอฟ.เอ็ม.จำกัด, ประธานหนังสือพิมพ์แทบลอยด์รายวัน บางกอกทูเดย์ หรือในทางสังคมยังเป็นนายกสมาคมต่างๆ สมาชิกกิตติมศักดิ์ในสถาบันต่างๆ อีกมากมาย

เนื่องจากบารมีและคอนเนกชั่นที่กว้างขวางของ “ไพวงษ์” ส่งผลให้ “สงกรานต์” กลายเป็น “คนมีสี” ที่หล่อรวยครบสูตร

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เวลานั้น “สงกรานต์” ได้เป็นโฆษกกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) และปรากฏมีภาพลูก “ป๋าไพวงษ์” แต่งชุดตำรวจในงานหนึ่ง จนหลายคนสงสัยว่าเขารับราชการตั้งแต่เมื่อไร

สงกรานต์ตอบคำถามนักข่าวว่า เขาได้รับแต่งตั้งให้ได้รับยศ ร.ต.ท. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในตำแหน่งการเงิน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2554 โดยโอนมาจากทหาร

ย้อนไป [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ปี 2556 นายตำรวจหนุ่มไฮโซ ได้สมัครโอนย้ายหน่วยจากกองการเงิน ไปสังกัดกองปราบปราม และปัจจุบัน ร.ต.อ.สงกรานต์ ดำรงตำแหน่งเป็น รองสารวัตร กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการปราบปราม

สังเกตได้ว่า บนเส้นทางราชการตำรวจของสงกรานต์ เกิดในช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ซึ่งแกนนำพรรคเพื่อไทยส่วนใหญ่ รู้จักมักคุ้นกับป๋าไพวงษ์ทั้งนั้น

จึงไม่น่าแปลก ที่ลูกชายของป๋าไพวงษ์ จะขยับตัวคราใด ย่อมตกเป็นข่าวเสมอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่