นิยายที่ดราม่าเเละน้ำเน่าเเละบ้าเเละปัญญาอ่อนที่สุดที่เกิดขึ้นจริง

ทรมานมาก... ทรมานจริงๆ
ทุกคนเคยเป็นมั้ย
เราเป็นคนเฟรนลี่มากในสายตาเพื่อนๆหลายคน... เเต่ความจริงเเล้วตอนอยู่บ้านหรืออยู่คนเดียว... โครตทรมานตอนอยู่คนเดียวไม่เท่าไหร่เพราะเหมือนได้อยู่กับตัวเอง... เเต่พอต้องอยู่บ้าน.... อยู่กับอาเเท้ๆที่เลี้ยงเรามาตั้งเเต่เด็ก.... จนเราเรียกเค้าว่า​ 'แม่'​ เเม่คนที่อยู่กับเรามากที่สุดก็คืออาคนนี้.... เราเรียกเค้าว่าเเม่มาโดยตลอด... เรารักเค้าเหมือนเค้าเป็นเเม่จริงๆ...เเล้วเราก็คิด...คิดว่าเค้าก็เห็นเราเป็ลูกคนนึงเหมือนกัน​ เรารู้... ว่าเค้ารักเรา...​ที่เราพูดมาเหมือนว่าเราดูรักอาคนนี้มากใชามั้ย☺️... ความจริงน่ะเหรอ.. เราเหมือนคนเป็นไบโพล่าร์... บางท็รัก...​บางทีก็อยากอยู่ให้ไกลๆ​ เอาจริงๆอีนี่อายุเเค่13
....เเต่สิ่งที่เจอมันมากกว่าคนที่13ควรเจอ​
รู้เเหละว่า...​บางคนอาจทรมานกว่า...ลำบากกว่า
เเต่ถามว่าชีวิตนี้เราร้องไห้มากี่ครั้ง... เเล้วอนาคตที่ใครๆก็บอกว่ายังอีกยาวไกลเราจะร้องไห้ไปอีกกี่ครั้ง.... อารักเรามาก... เราคิดเเบบนี้มาตลอด... อย่าหาว่าเราเวร์เลยนะ... เราไม่เคยเป็นลูกในสายตาอาเลย.... ถามว่าพ่อเเม่เเท้ๆเราไปไหน....เค้าก็ยังอยู่นะ... อยู่กับเรา... เเต่เดค่ไม่ได้ดูเเลอะไรเยอะเเยะ... ไม่ได้ส่งค่าเรียน... ไม่ได้
ดูเเลตลอดเวลา... เเต่เราก็พูดได้ไม่เต็มปากเท่าไหร่ว่ารักอามากกว่าเเม่.... เราเป็นคนที่นึกใจคนอื่นเเบบสุดๆ... อะไรที่จะทำให้คนอื่นเสียใจเเบบสุดๆก้จะไม่ทำ... ชีวิตเราเหมือนนิยายดร่าม่า....งั้นเราจะขอเล่านิยายน้ำเน่านี้เลยเเล้วกัน.....เราจะขอเเทนตัวเองว่าเอเเล้วกัน
        "เอตื่นมาหุงข้าว​ ล้างจาน​ กวาดบ้าน​ ถูบ้านทั้งบนเเละล่างเลยนะ​ ทำให้หมด​ เเม่กลับมาจากงานเเล้วอันไหนยังไม่ทำนะโดนเเน่" เสียงผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนจนเสียงเล็ดลอดเข้ามาในห้องของหญิงสาวคนนึง​ในเช้าวันเสาร์ที่สดใสสำหรับเด็กคนอื่นๆ​ เเต่สำหรับเอ มันไม่ใ่เลย...
เอเกลียดวันเสาร์อาทิตย์มาก​ มากจนอยากไปโรงเรียนทุกวัน​ ม่ใช่เพราะเธอชอบที่จะเรียนหรอกนะ... เเต่เพราะที่โรงเรียน​ จะไม่มีผู้หญิงสูงวัยอายุ40ต้นๆคนนี้มาคอยสั่งนู้นนี่ต่างหาก
  ผู้หญิงคนที่ว่าคืออาของเอเอง​ เธอเป็นคนชอบ
พูดเสียงดัง​ ชอบที่จะทำงานเเละใช้งานด่าได้ทุกเรื้องที่อยากด่า​ เเต่อีกด้านนึงของเธอ.. ก็เป็นคนอารมณ์ดีได้เหมือนกัน​ เอเรียกเธอว่า... เเม่
   มาวันหนึ่งเป็นวันที่ครอบครัวของเอเริ่มขาดทุน
งานที่ทำอยู่รายได้ลดลงอย่างคาดไม่ถึง​ เเต่เเม่ของเอก็ยังทนทำงานต่อไป​ เพราะเขารู้ว่ายังต้องส่งเสียเด็กที่เลี้ยงอยู่ที่บ้าน​ มาอีกเสาร์ของอาทิตย์ถัดไป​ เเม่กลับมาจากไปทำบุญที่ต่างจังหวัด​ กลับบ้านมาถามเอว่า"ทำอะไรบ้างเเล้วยังวันนี้" ใช่... เค้าไม่ได้ถามเรื่องการกินดีอยู่ดีหรอกนะ​ เอเองก็รู้ว่าเเม่ถามถึงเรื่อง... การทำงานบ้าน​ รู้มั้ยว่าการทำงานบ้านคือปกติของลูกๆ​ ใช่​ เอก็รู้​ เเต่การใช้งานทุกวันๆเเบบนี้คนเป็นลูกก็ทรมานได้เหมือนกัน​ พอเอไม่ตอบเเม่ก็รู้ทันทีว่าเอไม่ได้ทำอะไรเลยเธอจึงใช้ให้เอกวาดบ้านถูบ้านห้องของตัวเองเเละจัดห้องให้เรียบร้อย​ เอเข้าใจเพราะนั่นคือห้องของเอเอง
เเต่เอจะไม่หงุดหงิดเลยถ้าไม่ได้เป็นเพราะ... เธอไม่ได้อยู่ในห้องนั้นคนเดียว... เธออยู่กับพี่สาว.. ที่ตอนนี้ออกไปเรียนที่มหาลัย.. เเต่เธอกลับต้องมาจัดห้องนี้คนเดียว​ เธอพูดเเบบนี้กับเเม่​ เธอเเม่กลับด่ากลับมาว่าเอไม่มีน้ำใจเอาเสียเลยอิจฉาคนอื่นที่สบายกว่าตน​ จริงเหรอ? สุดท้ายเอก็ต้องทำ ทำไปทำมาจนเกือบเสร็จก็ได้ยินสิ่งที่เเม่คุยกับย่าว่า​ "เงินนั้นทำไมเอาไปเสียค่าอย่างอื่นหมด​ ทำไมไม่เอามาจายให้เด็ก" นำ้เสียงของย่าที่เอฟังก็รู้เเล้วว่าย่าประชด​ เเต่เอก็ยังทนไหวถ้าเเม่ไม่พูดขึ้นมาว่า"จะเก็บไว้ให้ทำไมเยอะเเยะ​ ถ้ามันจะอดมันก็อดกันเองนั่นเเหละ​ ไม่ใช่ลูกซักหน่อย​ ถ้าเป็นลูกจริงๆก็เก็บไว้ให้ตั้งเยอะเเล้ว"ขณะนั้นเองเอที่ถูพื้นอยู่ที่บันไดเเต่ไม่มีใครเห็นว่าเธอยืนอยู่นั้นน้ำตาของเอไหลลงมาโดยที่เอไม่รู้ตัว​ เอถึงกับช็อกจนสตั้นเเล้วคิดในใจว่า....​เขาไม่คิดว่าเราเป็นลูก?.....................​..​พอเเล้วเเหละเนอะนิยายปัญญาอ่อนเรื่องนี้😊บอกได้เลยว่านี้เกิดขึ้นโดนชีวิตของผู้เขียนเองจริงๆไม่มีการปรุงเเต่งไยอมรับว่าเคยคิดอยากฆ่าตัวตายเเต่ยังนึกถึงหน้าเเม่เเท้ๆเเะพ่อเเท้ๆ​ เเต่ที่นึกถึงมากที่สุดคือเพื่อนๆ​ เพื่อนๆที่รักมาก​
เเต่เอาเถอะนะ​ ถือว่านี่คือการนะบาย​ ไม่ใชาการเรียกร้องความสนใจเเละต้องการการปลอบโยนใดๆทั้งสิ้น....ขอบคุณที่อ่านนิยายบ้าๆเรื่องนี้ เเต่ก็ไม่เป็นไรเราจะฝืนยิ้มต่อไป​ เราไปก่อนนะเเม่เรียกไปล้างจานเเล้ว....​😊🙏🏻
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
อ่านจนจบค่ะ

1. อาไม่ได้เห็นคุณเป็นลูก แต่อาเห็นคุณเป็น "หลาน" ค่ะ ไม่งั้นก็คงไม่เลี้ยงดูคุณค่ะ เอาตามจริงนะ ถ้าเราเลี้ยงหลาน เราก็ไม่คิดว่าเป็นลูกเหมือนกัน ก็คิดตามจริงว่าเป็น "หลาน" ส่งเสียเงินให้ตามควร แต่จะให้เลี้ยงเหมือนลูกแท้ๆ ก็คงทำไม่ได้ เพราะความจริงก็คือความจริง

เลี้ยงเด็กในฐานะหลาน ก็ไม่ได้เลวร้าย เป็นแค่ความจริงธรรมดาค่ะ อาคุณเป็นคนปากร้ายใจดี อย่าไปถือสาคำพูดคนปากร้าย ให้ดูที่การกระทำ ถ้าเขาส่งเสีย ไม่ได้ทุบตีรุนแรง ก็ถือว่าใช้ได้แล้วค่ะ

2. โฟกัสในสิ่งดี โฟกัสว่าเรามีอาหารกิน มีเสื้อผ้า ได้เรียน มีอาเลี้ยง ก็ถือว่าดีปานกลางค่ะ สิ่งไม่ดีเราก็รับรู้ แต่ไม่โฟกัส เพราะคิดไป ก็ไม่ได้อะไร อาจจะคิดบ้าง แต่อย่าคิดนานจนบั่นทอนตัวเอง

3. เด็กที่โตมาลำบาก มักจะเก่งกล้ากว่าเด็กที่โตมาสบาย เด็กที่มีพ่อแม่ครบ โตมาแบบไม่ต้องทำงานบ้าน ไม่เคยโดนด่า สู้เด็กที่โตมาแบบคุณไม่ได้หรอกค่ะ มีการค้นพบว่าการทำงานบ้านจะทำให้เด็กฉลาดขึ้น การออกกำลังกายทำให้สมองดี สมัยเราเด็กๆ แม่แทบไม่เคยใช้เราทำงานบ้านเลย ทำให้สมองเราซึมเซา พอเราโตมาและได้ทำงานบ้าน รู้สึกสมองดีขึ้นมาก ตัวคุณโชคดีแล้วที่ได้ทำงานบ้านแต่เด็ก ทำให้สมองได้พัฒนามากกว่าเด็กที่ไม่ได้ทำงานบ้านเลย

อีกอย่าง คุณได้ช่วยอาทำงาน เป็นการตอบแทนบุญคุณและสร้างความดี บุญกุศลจะนำพาสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตคุณค่ะ คุณไม่ได้เหนื่อยเปล่า คนที่ไม่ได้ช่วยใครเลย มักจะไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตค่ะ

คนเราเกิดมามีทั้งโชคดีและโชคร้าย แต่อนาคตเราสร้างใหม่ได้ คุณควรจะตั้งเป้าหมายเรื่องเรียนและอาชีพในอนาคต และมุ่งมั่นทำให้สำเร็จ เมื่อคุณได้ทำงานดีมีความมั่นคง วันนั้น ทั้งพ่อแม่และอาจะภูมิใจในตัวคุณ พวกเขาจะไม่ได้รักคุณแค่เป็นลูกหรือหลาน แต่รักที่คุณพยายามสร้างตัวจนประสบความสำเร็จ คุณมีแต้มต่อแล้ว สร้างตัวคุณให้เป็นคนที่ใครๆ ก็รัก เป็นตัวคุณที่มีอาชีพการงานดีมั่นคงและมีน้ำใจกับคนอื่น คุณทำได้ค่ะ

แล้ววันนั้น คุณจะขอบคุณอาของคุณ ที่ฝึกให้คุณได้ทำงาน ได้เจอความลำบากมาก่อน เด็กที่โตมาแบบสบายไม่เคยทำงาน ยากจะประสบความสำเร็จได้ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่