สวัสดีครับทุกท่านที่เข้ามากดอ่าน
ถ้าเข้ามากดอ่านกระทู้นี้ก็แสดงว่าคงต้องสนใจในตัวเจ้า EOS R อยู่แน่เลยถึงเข้ามาอ่าน 5555
สำหรับข้อมูลต่างๆของ EOS R ผมคาดว่าทุกท่านคงหาอ่านได้จากใน google
ส่วนตัวผมเองจะมาบรรยายความรู้สึกของการที่ได้ใช้นะครับ
พื้นฐานผมถ่ายรูปเป็นงานอดิเรก ไม่ได้รับงาน มีกล้องไว้ถ่ายครอบครัว ชอบถ่าย Landscape พอมีพื้นฐานการถ่ายรูปอยู่บ้าง
ดังนั้นสิ่งที่บรรยายจะไม่ใช่มุมมืออาชีพนะครับ
-------------------------------------------------------------------------------------------
ทำไมถึงตัดสินใจซื้อ EOS R
กล้อง DSLR ตัวแรกของผมคือ 550D ตัวต่อมาเป็น 70D
ทีนี้พอมีกล้อง ก็ย่อมมีเลนส์งอกเป็นธรรมดา
ซึ่งใช้ Canon ตัวคูณมา เลนส์ที่งอกเลยเป็นตระกูล EF-s ซะเป็นส่วนใหญ่ + Sigma FIX
ทีนี้เมื่อมาถึงจุดนึงซึ่งเวลาถ่ายแล้วมันรู้สึกว่า กล้องตัวคูณมันไม่สามารถให้ภาพอย่างที่ต้องการได้
จึงได้มอง Fullframe เลยไปหาเพื่อนที่มี Fullframe ขอลองถ่ายหน่อย
ผลคือ "โอ้โห....... ภาพที่ได้ มันใช่เลย"
แต่การจะไป Fullframe เท่ากับผมต้องหาทาง ปล่อย เลนส์งอกที่มีอยู่ เพราะใช้กับ Fullframe ไม่ได้
จนได้มาเจอเนื้อคู่ 5555555
เพราะเสียดายเลนส์นี่แหละ (ขี้เกียจขาย) จึงได้มีตัวเลือกเดียวคือ EOS R เพราะว่ามันใส่เลนส์ EF-s ได้ด้วย Adaptor
แถมด้วย Sigma ที่มีอยู่ ก็ได้ใช้ในระยะ Fullframe อีกด้วย (Sigma 30mm f1.4 เป็นเลนส์ที่ทำออกมาเพื่อตัวคูณ แต่ใส่กับ Fullframe ได้ด้วย จะติดขอบดำหน่อย แต่สวยดีผมชอบอยู่แล้ว)
----------------------------------------------------------------------------------------
แกะกล่อง สัมผัสแรก
Body - ให้ความรู้สึกแบบว่าแน่นมากๆ จับแล้วรู้สึกว่ามันไม่ก๊องแก๊ง การออกแบบปุม ตำแหน่งปุ่มดีเลย
ขนาด Function bar เขารีวิวแล้วด่าๆกัน ผมก็ไม่เคยพลาดโดนเลยนะ แถมสะดวกดีด้วย (ผมเซ็ทให้มันเป็นปุ่มเปลี่ยนค่า K ของWhite balance ตามการรีวิวของฝรั่งท่านนึงใน Youtube มา)
ผิวสัมผัส - ผิวของ Body จะสากๆหน่อย แต่ดูดี ไม่เงาๆเหมือนพลาสติก
Grip เป็นอะไรที่จับกระชับมาก มากกว่า 70D คือมันเต็มอุ้งนิ้วพอดีเลยครับ ไม่เหมือน MLR ตัวอื่นที่เคยจับ
ถือมือขวามือเดียวไม่เสียวหล่น
ปุ่มกด - ให้มาน้อยแต่ไม่น้อยจนเกินไป การปรับแต่งค่า ผมว่าง่ายกว่าเดิมในการเข้าถึงการปรับตั้งค่ามากกว่านะ
เมื่อก่อนต้องจำว่า ISO ปุ่มนี้นะ Apature ต้องหมุนตรงนี้นะ Speedshutter ต้องหมุนอีกที่
แต่ EOS R ใช้วิธีกดปุ่ม M-fn ใช้นิ้วโป้งเลื่อนเมนูว่าจะเลือกปรับค่าอะไร นิ้วชี้ใช้เลื่อนปรับค่า
แล้วทุกอย่างมองใน Viewfinder เลย
EVF - โหย......อันนี้ดีงามสำหรับผมมากมาย
1.ผมสายตายาว แต่ไม่ชอบใส่แว่น
70dตัวเดิม ปรับตัวหมุนข้างๆ Viewfinder ยังไงก็ไม่ชัด กด Focus เข้ารึเปล่าไม่รู้เพราะดูไม่ชัด
แต่ EOS R ปรับแล้วผมมองชัดได้
2.เวลาปรับค่าต่างๆ มันแสดงผลเลยเช่น ISO มันมึด - สว่าง ตามการปรับตั้งเลย ทำให้รู้ว่าปรับพอรึยัง , ปรับ รูรับแสง เห็นชัดลึกชัดตื้นเลย (หลายคนอาจจะบอกว่า DSLR ก็ดูได้ ไปกดปุ่มอะไรซักอย่างใต้เลนส์ซิ ที่มันเช็คได้นะ แต่ขอบิกว่ามันกดไม่ถนัดเลย และขี้เกียจกดด้วย)
3.ทุกสิ่งอย่างแสดงได้ใน Viewfinder
Focus -Autofocus นอกจาก AF , Facedetect , Eye detect แล้ว มาเจอนี่เลยครับ Drag Focus
ตอนแรกก็คิดว่า มันจะบ้าไปแล้ว ให้มาทำฮ่าอะไรต้อง ห้าพันกว่าจุด ตัวเลขการตลาดชัดๆ แล้วกรูจะไปกดยังไง ปุ่มเลือก Focus พังก่อนแน่นอน
แต่ขอบอกเลยครับว่า มัน มันส์ มาก
ลองนึกภาพตามว่า คุณยกกล้องขึ้นมา เอาตาส่องใน Viewfinder มือซ้ายถือเลนส์มือขวาจับกล้อง แล้วเอานิ้วโป้าข้างไหนก็ได้ที่ถนัด ถูเข้าไปที่จอ Touchscreen มันจะขี้นเป้าการ Focus ขึ้นมาใน viewfinder เหมือนเป้าเล็งปืนในเกมส์ ถูไปให้เจอสิ่งที่จะ Focus เท่านั้นจบ
สะดวกมากกกกกกกก จัดองค์ประกอบเสร็จค่อยเลือก Focus ไม่เหมือนวิธีเดิมๆ ที่ต้องเลือกจุดที่ใกล้สุดก่อน ล๊อคFocus แล้วค่อยจัดองค์ประกอบ ซึ่งบางทีก็หลุด Focus ไปเลย
Manual Focus - อันนี้ก็ดีงามแท้ๆ มันมีนี่เลยครับ Focus Guide พอเราเลือกจุดโฟกัส มันจะมีลูกศร 3 อัน ถ้าเราหมุน วงแหวนโฟกัสแล้วมันโพกัสเข้ามันจะเป็นสีเขียว อันนี้ผมว่าดีงามมากๆเลยสำหรับสายมาโคร
Hit rate การ Focus เป็นกล้องที่ผมใช้แล้ว Focus เข้าแทบจะทุกรูปเลยก็ว่าได้ ขนาดใช้กับ Sigma 50mm1.4 ตัวเก่าก่อนรุ่น Art ที่พอใส่กับ 70D จะโฟกัสวืดวาด วิ่งไปวิ่งมากว่าจะ Confirm Focus แต่พอมาใส่กับ EOS R กดทีเดียวเข้าเลย
ลองกับเลนส์ที่มีหลายๆตัว รู้สึกว่าเลนส์มันแม่นและเร็วขึ้น
วันแรกที่ใช้ เอาไปถ่ายที่สวนสนุกมา กดไปสามร้อยกว่ารูป Focus เข้าแบบที่ตั้งใจไว้ทั้งสามร้อยกว่ารูปเลย แม่มมมประทับใจมาก ข้อเสียคือรูปเลยกลายเป็นดีทุกรูปทำใจคัดทิ้งไม่ลงเลย
แสงน้อยยังถ่ายดี ดัน ISO ก็น๊อยน้อยน๊อย
DUAL SLOT - ข้อเสียที่ทุกคนพูดถึง - มันมีทางออกที่ผมว่าแก้ขัดได้ แต่ใจจริงผมว่ามันดีกว่าเลยแหละ
สิ่งนั้นคืออออออ App Canon Camera Connect ครับ แค่คุณเชื่อมกล้องไว้กับมือถือ มันจะ Sync ส่งรูป เข้ามือถือให้อัตโนมัติเลย
วันที่ไปเที่ยวนี่ ผมถ่ายไป Share รูปไปเลยครับ ถ่ายเสร็จเปิดมือถือ ส่งไลน์ให้ญาติดูเลย ไม่ต้องเอาการ์ดออกจากกล้องกันเลย ไม่ต้องเสียเวลาโหลด ผมว่า Workflow แบบนี้มันเข้ากับยุค Social มากมาย.............
วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับ ไว้เล่นเจออะไรใหม่ๆจะมาแชร์อีก
ปล.กำลังรอความดีงามของ Drop in Filter ที่จะมาปีหน้า จะได้เลิกพก Filter หลายๆอันสำหรับหลายๆเลนส์ซักที
[CR] [CR] บรรยายความรู้สึกที่ได้ใช้ Canon EOS R
ถ้าเข้ามากดอ่านกระทู้นี้ก็แสดงว่าคงต้องสนใจในตัวเจ้า EOS R อยู่แน่เลยถึงเข้ามาอ่าน 5555
สำหรับข้อมูลต่างๆของ EOS R ผมคาดว่าทุกท่านคงหาอ่านได้จากใน google
ส่วนตัวผมเองจะมาบรรยายความรู้สึกของการที่ได้ใช้นะครับ
พื้นฐานผมถ่ายรูปเป็นงานอดิเรก ไม่ได้รับงาน มีกล้องไว้ถ่ายครอบครัว ชอบถ่าย Landscape พอมีพื้นฐานการถ่ายรูปอยู่บ้าง
ดังนั้นสิ่งที่บรรยายจะไม่ใช่มุมมืออาชีพนะครับ
-------------------------------------------------------------------------------------------
ทำไมถึงตัดสินใจซื้อ EOS R
กล้อง DSLR ตัวแรกของผมคือ 550D ตัวต่อมาเป็น 70D
ทีนี้พอมีกล้อง ก็ย่อมมีเลนส์งอกเป็นธรรมดา
ซึ่งใช้ Canon ตัวคูณมา เลนส์ที่งอกเลยเป็นตระกูล EF-s ซะเป็นส่วนใหญ่ + Sigma FIX
ทีนี้เมื่อมาถึงจุดนึงซึ่งเวลาถ่ายแล้วมันรู้สึกว่า กล้องตัวคูณมันไม่สามารถให้ภาพอย่างที่ต้องการได้
จึงได้มอง Fullframe เลยไปหาเพื่อนที่มี Fullframe ขอลองถ่ายหน่อย
ผลคือ "โอ้โห....... ภาพที่ได้ มันใช่เลย"
แต่การจะไป Fullframe เท่ากับผมต้องหาทาง ปล่อย เลนส์งอกที่มีอยู่ เพราะใช้กับ Fullframe ไม่ได้
จนได้มาเจอเนื้อคู่ 5555555
เพราะเสียดายเลนส์นี่แหละ (ขี้เกียจขาย) จึงได้มีตัวเลือกเดียวคือ EOS R เพราะว่ามันใส่เลนส์ EF-s ได้ด้วย Adaptor
แถมด้วย Sigma ที่มีอยู่ ก็ได้ใช้ในระยะ Fullframe อีกด้วย (Sigma 30mm f1.4 เป็นเลนส์ที่ทำออกมาเพื่อตัวคูณ แต่ใส่กับ Fullframe ได้ด้วย จะติดขอบดำหน่อย แต่สวยดีผมชอบอยู่แล้ว)
----------------------------------------------------------------------------------------
แกะกล่อง สัมผัสแรก
Body - ให้ความรู้สึกแบบว่าแน่นมากๆ จับแล้วรู้สึกว่ามันไม่ก๊องแก๊ง การออกแบบปุม ตำแหน่งปุ่มดีเลย
ขนาด Function bar เขารีวิวแล้วด่าๆกัน ผมก็ไม่เคยพลาดโดนเลยนะ แถมสะดวกดีด้วย (ผมเซ็ทให้มันเป็นปุ่มเปลี่ยนค่า K ของWhite balance ตามการรีวิวของฝรั่งท่านนึงใน Youtube มา)
ผิวสัมผัส - ผิวของ Body จะสากๆหน่อย แต่ดูดี ไม่เงาๆเหมือนพลาสติก
Grip เป็นอะไรที่จับกระชับมาก มากกว่า 70D คือมันเต็มอุ้งนิ้วพอดีเลยครับ ไม่เหมือน MLR ตัวอื่นที่เคยจับ
ถือมือขวามือเดียวไม่เสียวหล่น
ปุ่มกด - ให้มาน้อยแต่ไม่น้อยจนเกินไป การปรับแต่งค่า ผมว่าง่ายกว่าเดิมในการเข้าถึงการปรับตั้งค่ามากกว่านะ
เมื่อก่อนต้องจำว่า ISO ปุ่มนี้นะ Apature ต้องหมุนตรงนี้นะ Speedshutter ต้องหมุนอีกที่
แต่ EOS R ใช้วิธีกดปุ่ม M-fn ใช้นิ้วโป้งเลื่อนเมนูว่าจะเลือกปรับค่าอะไร นิ้วชี้ใช้เลื่อนปรับค่า
แล้วทุกอย่างมองใน Viewfinder เลย
EVF - โหย......อันนี้ดีงามสำหรับผมมากมาย
1.ผมสายตายาว แต่ไม่ชอบใส่แว่น
70dตัวเดิม ปรับตัวหมุนข้างๆ Viewfinder ยังไงก็ไม่ชัด กด Focus เข้ารึเปล่าไม่รู้เพราะดูไม่ชัด
แต่ EOS R ปรับแล้วผมมองชัดได้
2.เวลาปรับค่าต่างๆ มันแสดงผลเลยเช่น ISO มันมึด - สว่าง ตามการปรับตั้งเลย ทำให้รู้ว่าปรับพอรึยัง , ปรับ รูรับแสง เห็นชัดลึกชัดตื้นเลย (หลายคนอาจจะบอกว่า DSLR ก็ดูได้ ไปกดปุ่มอะไรซักอย่างใต้เลนส์ซิ ที่มันเช็คได้นะ แต่ขอบิกว่ามันกดไม่ถนัดเลย และขี้เกียจกดด้วย)
3.ทุกสิ่งอย่างแสดงได้ใน Viewfinder
Focus -Autofocus นอกจาก AF , Facedetect , Eye detect แล้ว มาเจอนี่เลยครับ Drag Focus
ตอนแรกก็คิดว่า มันจะบ้าไปแล้ว ให้มาทำฮ่าอะไรต้อง ห้าพันกว่าจุด ตัวเลขการตลาดชัดๆ แล้วกรูจะไปกดยังไง ปุ่มเลือก Focus พังก่อนแน่นอน
แต่ขอบอกเลยครับว่า มัน มันส์ มาก
ลองนึกภาพตามว่า คุณยกกล้องขึ้นมา เอาตาส่องใน Viewfinder มือซ้ายถือเลนส์มือขวาจับกล้อง แล้วเอานิ้วโป้าข้างไหนก็ได้ที่ถนัด ถูเข้าไปที่จอ Touchscreen มันจะขี้นเป้าการ Focus ขึ้นมาใน viewfinder เหมือนเป้าเล็งปืนในเกมส์ ถูไปให้เจอสิ่งที่จะ Focus เท่านั้นจบ
สะดวกมากกกกกกกก จัดองค์ประกอบเสร็จค่อยเลือก Focus ไม่เหมือนวิธีเดิมๆ ที่ต้องเลือกจุดที่ใกล้สุดก่อน ล๊อคFocus แล้วค่อยจัดองค์ประกอบ ซึ่งบางทีก็หลุด Focus ไปเลย
Manual Focus - อันนี้ก็ดีงามแท้ๆ มันมีนี่เลยครับ Focus Guide พอเราเลือกจุดโฟกัส มันจะมีลูกศร 3 อัน ถ้าเราหมุน วงแหวนโฟกัสแล้วมันโพกัสเข้ามันจะเป็นสีเขียว อันนี้ผมว่าดีงามมากๆเลยสำหรับสายมาโคร
Hit rate การ Focus เป็นกล้องที่ผมใช้แล้ว Focus เข้าแทบจะทุกรูปเลยก็ว่าได้ ขนาดใช้กับ Sigma 50mm1.4 ตัวเก่าก่อนรุ่น Art ที่พอใส่กับ 70D จะโฟกัสวืดวาด วิ่งไปวิ่งมากว่าจะ Confirm Focus แต่พอมาใส่กับ EOS R กดทีเดียวเข้าเลย
ลองกับเลนส์ที่มีหลายๆตัว รู้สึกว่าเลนส์มันแม่นและเร็วขึ้น
วันแรกที่ใช้ เอาไปถ่ายที่สวนสนุกมา กดไปสามร้อยกว่ารูป Focus เข้าแบบที่ตั้งใจไว้ทั้งสามร้อยกว่ารูปเลย แม่มมมประทับใจมาก ข้อเสียคือรูปเลยกลายเป็นดีทุกรูปทำใจคัดทิ้งไม่ลงเลย
แสงน้อยยังถ่ายดี ดัน ISO ก็น๊อยน้อยน๊อย
DUAL SLOT - ข้อเสียที่ทุกคนพูดถึง - มันมีทางออกที่ผมว่าแก้ขัดได้ แต่ใจจริงผมว่ามันดีกว่าเลยแหละ
สิ่งนั้นคืออออออ App Canon Camera Connect ครับ แค่คุณเชื่อมกล้องไว้กับมือถือ มันจะ Sync ส่งรูป เข้ามือถือให้อัตโนมัติเลย
วันที่ไปเที่ยวนี่ ผมถ่ายไป Share รูปไปเลยครับ ถ่ายเสร็จเปิดมือถือ ส่งไลน์ให้ญาติดูเลย ไม่ต้องเอาการ์ดออกจากกล้องกันเลย ไม่ต้องเสียเวลาโหลด ผมว่า Workflow แบบนี้มันเข้ากับยุค Social มากมาย.............
วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับ ไว้เล่นเจออะไรใหม่ๆจะมาแชร์อีก
ปล.กำลังรอความดีงามของ Drop in Filter ที่จะมาปีหน้า จะได้เลิกพก Filter หลายๆอันสำหรับหลายๆเลนส์ซักที
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้