วิธีจัดการปัญหาของอี้และพีท

กระทู้สนทนา
วิธีการจัดการปัญหาของพีท

1. เปิดพินัยกรรมอากง ไม่เป็นธรรมกับภัสสร - มาคุยกับอี้ ว่าอยากจัดการให้ภัสสรสบายใจ
2. รู้ว่าพ่อตาย - ตั้งสติกลับมาไทย ยังไม่โวยวายว่าใครเป็นคนฆ่า ค่อยๆเก็บข้อมูลไป
3. รู้ว่าพ่อมีเมียน้อย + พ่อหย่ากับแม่นานแล้ว + บ้านเล็กจดทะเบียนสมรส
   - ตกใจ แต่ไม่ฟูมฟาย ไปถามความจริงจากแม่  แล้วค่อยๆไปหาความจริงจากฝั่งบ้านเล็กด้วยเหมือนกัน
4. รู้ว่าบ้านเล็กลำบาก - ช่วยเหลือบ้านเล็ก ไม่เข้าข้างแม่ที่เกลียดบ้านเล็ก เชื่อตามข้อมูลและสิ่งที่ไปสัมผัสเอง
5. เฮียอี้ที่เป็นพี่ที่ค่อนข้างสนิทใจ แต่แอบปีนเข้าบ้านมาเอาหลักฐานจัดการแม่ตัวเอง - คุยกับอี้ตรงๆในรถว่าเห็นอี้ปืนเข้าบ้าน เสียใจ หมดความเชื่อใจอี้  
6. เจอรูปเอาปืนไปขู่บ้านเล็ก ไม่ทันอี้ ซึ่งส่งหลักฐานให้ตำรวจแล้ว - คุยกับแม่ ให้แม่ไปให้การความจริงกับตำรวจ และซัดกลับด้วยการส่งหลักฐานเรื่องกางเกงในรายการสด
7. เปิดพินัยกรรมพ่อ - แย้งว่าพินัยกรรมแปลก เห็นใจบ้านเล็ก
8. รู้ว่าแม่ปลอมพินัยกรรม - ดัดหลังแม่ด้วยการเอามรดกที่ได้ ยกให้คนที่สมควรได้แต่แรก และดุแม่ตรงๆ ยิ้มอน ก็ไม่ตามกลับ
9. รู้จากเฮียอี้ว่าแม่อาจมีส่วนในการทำให้เมธฆ่า - ยังไม่เชื่อในทันที บอกอี้ว่าขอคุยกับแม่เอง ในซีนมีกดโทรหาแม่ แต่ยังติดต่อไม่ได้
(อาจเป็นไปได้ทั้งสองทาง ว่าพีทอาจเพิกเฉยอี้เพราะอยากช่วยแม่ตัวเอง และอีกทางที่เป็นไปได้ คือ อาจไม่ได้ตั้งใจเข้าข้างแม่ แต่เสต็ปการหาความจริงช้ากว่าอี้ไปหนึ่งเสต็ป)
10. รู้ว่าแม่วางยาให้พิมแท้ง - ผิดหวังกับแม่อีกรอบ บอกให้แม่ไม่ต้องกลับเมืองไทย ให้อยู่ฮ่องกงไปตลอด จะลงโทษแม่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว อาจเป็นการเว้นระยะคสพ.ระหว่างแม่ไปในตัวด้วย
11. อี้เอาหลักฐานมาผิดวิธี + หลักฐานกระทบแม่ตัวเอง - ซัดกับเฮียอี้ ปนตัดพ้อว่าไม่ใช่น้องเหรอ อาจเพราะเคยเป็นลูกพี่น้องที่รักกันมาก่อน แต่ก็ไม่ได้มองในมุมของเฮียอี้และบ้านภัสสรเท่าที่ควร
12. การดูแลบริษัท - ยกให้ภัสสรดูแล (อาจจะให้เพราะคิดว่าภัสสรที่จัดการบริษัทได้ หรือคิดว่าภัสสรเป็นคนที่สมควรได้มีส่วนเป็นเจ้าของในบริษัทจริงๆ)

ผลลัพธ์: ไม่ได้ตัวคนผิด แต่โดยส่วนใหญ่สามารถจัดการคนที่เกี่ยวข้องได้ค่อนข้างดีบนฐานของความถูกต้องและเมตตา

วิธีการจัดการปัญหาของเฮียอี้
1. แม่ตกเป็นผู้ต้องสงสัย - หาหลักฐานปีนเข้าบ้านพีท  ติดต่อนักสืบ เอารูปให้ตำรวจ
2. นักสืบเรียกเงินล้านค่ารูป - ทำทีจ่ายเงินก่อน แต่ดัดหลังด้วยการแจ้งตำรวจให้ไปดักจับนักสืบกลางทาง
3. แม่ไปออกรายการ แต่โดนซัดหลักฐานเรื่องกางเกง - เสียใจ หมดความเชื่อใจแม่ พ่อก็ยังบอกให้เลิกสืบอีก
4. เต้ยถูกจับเข้าคุก - ยังไม่เชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นในทันที เปิดใจฟังน้องก่อน เชื่อเซ้นส์ตัวเองและตามสืบบ้านเมธ ด้วยความที่ไม่ไว้วางใจแม่ตัวเองแล้ว และพ่อก็ไม่เห็นด้วยกับวิธีการของอี้ เลยพยายามจัดการสืบเองคนเดียวเพื่อช่วยน้อง
5. รู้แรงจูงใจฆาตรกร แต่ไม่มีหลักฐานช่วยน้อง - ปีนเข้าบ้านเมธ ฉะกับบ้านเมธ ไปหาความจริงบ้านอาม่า ถามตรงๆ ไปต่อที่บ้านพีท คริสไม่อยู่ พีทบอกขอคุยกับแม่ก่อน  กลับมาบ้านเมธ แต่ดันไปกันหมดแล้ว คนอื่นๆก็พึ่งอะไรไม่ได้ ไม่มีคนช่วยน้องได้
อี้ก็เลยไปฮ่องกงต่อไม่รอแล้วนะ จัดสถานการณ์ให้คริสเจอเมธ ส่งปืนให้เมธ แต่ก็เสียใจที่ทำแบบนี้กับเมธ

ผลลัพธ์: ได้รับผลเสียจากวิธีการที่เลือกใช้เช่น เสียความสัมพันธ์  เสียชื่อเสียง ทำให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยง
            แต่ก็ช่วยน้อง ช่วยครอบครัวได้ ได้คนผิดมารับโทษ


คิดถึงคำพูดของพี่อู๊ดแห่งเป็นต่อ คือ "ผมเป็นคนเทาๆครับ"  
ส่วนตัวคิดว่าทั้งอี้และพีท มีความเทาๆทั้งคู่  แต่ก็มีความเป็นคนเข้มข้นมากกว่าความจาง
เป็นพี่ใหญ่ในแบบของตัวเอง และเป็น change maker ทั้งคู่
แต่ทั้งสองคนมีวิธีการจัดการปัญหา มีความเชื่อเกี่ยวกับความถูกต้อง มีระดับความสุขุม ความมองรอบด้าน ความกล้าได้กล้าเสีย  วิธีการเข้าหาคนอื่น ที่แตกต่างกันออกไป


สุดท้ายแล้วดูละครแล้วก็กลับมานั่งคิดว่าถ้าตัวเราเองเป็นสองคนนี้ หรือเป็นคนอื่นๆในละคร
เราจะจัดการปัญหาแบบไหน ?
หลักการอะไรที่เราจะยึดถือไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ?
แล้วถ้าเราเลือกทำแบบใดหนึ่ง คุณค่า/หลักการที่เรายึดถือไว้เราอาจจะรักษาไว้ได้บางอย่าง แต่ก็ต้องสูญเสียบางอย่างไป เราจะทำอย่างไร ?
แล้วเราจะจัดการกับความเคารพนับถือตัวเองยังไงถ้าเราสูญเสียหลักการของตัวเองไป?
ทัศนคติ คุณสมบัติ และกลยุทธ์แบบไหนที่ควรมีในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของชีวิต?
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  เลือดข้นคนจาง (ละคร)
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่