คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 29
การทำงานให้รัฐบาลทหาร คือการสนับสนุนเผด็จการ หรือไม่
มันมีคนบางกลุ่ม คิดแบบสุดโต่ง คือ ไม่ว่ากรณีใด ๆ ห้ามยุ่งเกี่ยวใด ๆ กับรัฐบาลทหารในทางสนับสนุน ไม่งั้น คุณจะโดนข้อหาสนับสนุนเผด็จการ
ผมยกตัวอย่าง ตอนร่าง รธน.50 กับ 60 ก็จะมีคนมาวิจารณ์นักวิชาการที่เข้ามาช่วยร่างรัฐธรรมนูญ ว่าเป็นพวกสนับสนุนเผด็จการ โดยไม่ได้ดูเจตนาของนักวิชาการ(บางคน)ที่มาช่วยเลยว่า เขามาในฐานะใด ต้องการสิ่งใด และทำงานอย่างสุจริตใจหรือไม่
พวกที่คิดแบบสุดโต่ง จะบอกอยู่อย่างเดียวว่า ไอ้คนพวกนี้ สนับสนุนเผด็จการ แล้วก็ผลักไสคนพวกนี้เป็นฝ่ายขวา แล้วยกตัวเองเป็นเสรีชน
ผมยกตัวอย่าง ให้เห็นภาพอีกหน่อย เป็นกรณีสมมติคือ สถาบันวิจัยหนึ่ง มีภารกิจคือการวิจัยเชิงนโยบายให้แก่หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน
ถ้าวันนึง รัฐบาลทหาร จ้างสถาบันวิจัยนั้น ทำวิจัยเพื่อหาคำตอบในนโยบายที่จะทำเรื่องหนึ่ง คำถามคือ การที่สถาบันวิจัยนั้นบทำวิจัยดังกล่าว เป็นการสนับสนุนเผด็จการหรือไม่
สำหรับผมแล้ว ถ้าสถาบันวิจัยนั้นทำวิจัยอย่างตรงไปตรงมา ตามจรรยาบรรณวิชาชีพตนเอง ไม่ว่าผลลัพธ์ของงานวิจัยจะเป็นอย่างไร สถาบันวิจัยนั้นก็แค่ทำงานตามภารกิจตนเอง แล้วมันจะผิดตรงไหน
แต่ถ้าใช้ตรรกะเดียวกับที่คนบางกลุ่มด่าเฌอปราง แน่นอนว่า สถาบันวิจัยนั้นสนับสนุนเผด็จการ
แล้วสุดท้าย หากไม่มีการทำวิจัย เพราะสถาบันวิจัยนั้นกลัวโดนหาว่าสนับสนุนเผด็จการ แล้วรัฐบาลดึงดันทำนโยบายนั้น สุดท้ายประเทศชาติเสียหาย ทีนี้ใครจะรับผิดชอบหากสถาบันวิจัยนั้นโดนตำหนิว่าไม่เป็นมืออาชีพ หรือเป็นส่วนหนึ่งของความเสียหายที่เกิดขึ้น
ความเห็นของผม คือ การที่ใครคนหนึ่งไปกดดันให้อีกคนหนึ่งซึ่งมีหน้าที่ มีอาชีพต้องทำอะไรบางอย่าง ห้ามทำหน้าที่หรือทำตามอาชีพของตนในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลทหารไม่ว่าเป็นกรณีใดก็ตาม แบบนี้ต่างหากที่เรียกว่าเผด็จการ
กลับมาที่เฌอปราง ซึ่งเป็นไอดอล แล้วการที่ไอดอลจะถูกว่าจ้างหรือไหว้วานไปออกงาน มันผิดหรือแปลกตรงไหน??
กลับกันเลย การที่คุณไปห้ามเฌอปรางรับงานให้ใครคนใดคนหนึ่ง นั่นต่างหากที่เรียกว่าแปลก
กรณีนี้ เชื่อขนมกินได้เลย ถ้าข้อเท็จจริงเปลี่ยนไปว่า เฌอปรางไม่รับงานนี้ ก็จะถูกฝั่งตรงข้าม นำไปขยายผล ในทางดิสเครดิตรัฐบาล และคนที่จะเสียในท้ายที่สุด ก็คือเฌอปรางเอง ทั้งจะโดนหาว่าไม่เป็นมืออาชีพ เอาเรื่องการเมืองมาปนกับการทำงาน ฯลฯ
แล้วพอถึงตรงนั้น ไอ้พวกที่เย้ว ๆ ห้ามเฌอปรางรับงาน ถามว่ามีปัญญารับผิดชอบความเสียหายในทางอาชีพของเฌอปรางหรือไม่
มันน่าขำ คือปากอ้างประชาธิปไตย แต่ดันไปก้าวล่วงสิทธิเสรีภาพของคนอื่น ปากบอกเป็นเสรีชน แต่ดันไปบังคับคนอื่นให้เอาเรื่องการเมืองกับเรื่องอาชีพมาปนกัน
ก็ฝากไว้เท่านี้
มันมีคนบางกลุ่ม คิดแบบสุดโต่ง คือ ไม่ว่ากรณีใด ๆ ห้ามยุ่งเกี่ยวใด ๆ กับรัฐบาลทหารในทางสนับสนุน ไม่งั้น คุณจะโดนข้อหาสนับสนุนเผด็จการ
ผมยกตัวอย่าง ตอนร่าง รธน.50 กับ 60 ก็จะมีคนมาวิจารณ์นักวิชาการที่เข้ามาช่วยร่างรัฐธรรมนูญ ว่าเป็นพวกสนับสนุนเผด็จการ โดยไม่ได้ดูเจตนาของนักวิชาการ(บางคน)ที่มาช่วยเลยว่า เขามาในฐานะใด ต้องการสิ่งใด และทำงานอย่างสุจริตใจหรือไม่
พวกที่คิดแบบสุดโต่ง จะบอกอยู่อย่างเดียวว่า ไอ้คนพวกนี้ สนับสนุนเผด็จการ แล้วก็ผลักไสคนพวกนี้เป็นฝ่ายขวา แล้วยกตัวเองเป็นเสรีชน
ผมยกตัวอย่าง ให้เห็นภาพอีกหน่อย เป็นกรณีสมมติคือ สถาบันวิจัยหนึ่ง มีภารกิจคือการวิจัยเชิงนโยบายให้แก่หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน
ถ้าวันนึง รัฐบาลทหาร จ้างสถาบันวิจัยนั้น ทำวิจัยเพื่อหาคำตอบในนโยบายที่จะทำเรื่องหนึ่ง คำถามคือ การที่สถาบันวิจัยนั้นบทำวิจัยดังกล่าว เป็นการสนับสนุนเผด็จการหรือไม่
สำหรับผมแล้ว ถ้าสถาบันวิจัยนั้นทำวิจัยอย่างตรงไปตรงมา ตามจรรยาบรรณวิชาชีพตนเอง ไม่ว่าผลลัพธ์ของงานวิจัยจะเป็นอย่างไร สถาบันวิจัยนั้นก็แค่ทำงานตามภารกิจตนเอง แล้วมันจะผิดตรงไหน
แต่ถ้าใช้ตรรกะเดียวกับที่คนบางกลุ่มด่าเฌอปราง แน่นอนว่า สถาบันวิจัยนั้นสนับสนุนเผด็จการ
แล้วสุดท้าย หากไม่มีการทำวิจัย เพราะสถาบันวิจัยนั้นกลัวโดนหาว่าสนับสนุนเผด็จการ แล้วรัฐบาลดึงดันทำนโยบายนั้น สุดท้ายประเทศชาติเสียหาย ทีนี้ใครจะรับผิดชอบหากสถาบันวิจัยนั้นโดนตำหนิว่าไม่เป็นมืออาชีพ หรือเป็นส่วนหนึ่งของความเสียหายที่เกิดขึ้น
ความเห็นของผม คือ การที่ใครคนหนึ่งไปกดดันให้อีกคนหนึ่งซึ่งมีหน้าที่ มีอาชีพต้องทำอะไรบางอย่าง ห้ามทำหน้าที่หรือทำตามอาชีพของตนในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลทหารไม่ว่าเป็นกรณีใดก็ตาม แบบนี้ต่างหากที่เรียกว่าเผด็จการ
กลับมาที่เฌอปราง ซึ่งเป็นไอดอล แล้วการที่ไอดอลจะถูกว่าจ้างหรือไหว้วานไปออกงาน มันผิดหรือแปลกตรงไหน??
กลับกันเลย การที่คุณไปห้ามเฌอปรางรับงานให้ใครคนใดคนหนึ่ง นั่นต่างหากที่เรียกว่าแปลก
กรณีนี้ เชื่อขนมกินได้เลย ถ้าข้อเท็จจริงเปลี่ยนไปว่า เฌอปรางไม่รับงานนี้ ก็จะถูกฝั่งตรงข้าม นำไปขยายผล ในทางดิสเครดิตรัฐบาล และคนที่จะเสียในท้ายที่สุด ก็คือเฌอปรางเอง ทั้งจะโดนหาว่าไม่เป็นมืออาชีพ เอาเรื่องการเมืองมาปนกับการทำงาน ฯลฯ
แล้วพอถึงตรงนั้น ไอ้พวกที่เย้ว ๆ ห้ามเฌอปรางรับงาน ถามว่ามีปัญญารับผิดชอบความเสียหายในทางอาชีพของเฌอปรางหรือไม่
มันน่าขำ คือปากอ้างประชาธิปไตย แต่ดันไปก้าวล่วงสิทธิเสรีภาพของคนอื่น ปากบอกเป็นเสรีชน แต่ดันไปบังคับคนอื่นให้เอาเรื่องการเมืองกับเรื่องอาชีพมาปนกัน
ก็ฝากไว้เท่านี้
แสดงความคิดเห็น
@@@@@ชอบความเห็นนี้จัง นานๆ เจอแฟนคลับติติงอย่างมีเหตุผล@@@