ก่อนงานเดบิวของรุ่นที่ 1 ผมเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับ BNK มาบ้างจากที่เปิดทีวีผ่านๆเจอรายการ Senpai แต่ไม่ได้สนใจอะไร รู้ว่าเป็นกลุ่มไอดอลเพราะรู้จัก AKB จากเพื่อนที่ติดตาม ส่วนตัวค่อนข้างมีอคติด้วยซ้ำ แบบว่า
“วงอะไรมีตั้ง48คน”
แฟนอาร์ตช็อตในตำนานจากคุณ Lolita Majin
แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร จนหลังงานเดบิว ผมดูข่าวบันเทิงของช่อง Thaipbs เจอช็อตในตำนานของน้องมิวสิคที่เอาหัวไปขวางทางไมค์ ซึ่งมันทำให้ผมเริ่มสนใจวงนี้ ในตอนเช้าน้องๆไปออกรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทำให้ผมได้เจอ “
โอชิคนแรก” นั้นคือ แจน นั้นเองตอนนั้นแจนเรียกว่า โดดเด่นจากคนอื่นมากทั้งเรื่องรูปร่างหน้าตา บุคลิก การร้อง ทำให้ผมต้องไปไล่ดูเซมไป EP.ของแจนก็ยิ่งชอบไปใหญ่ เออไอดอลสายธรรมะก็ได้หรอ ดูใสๆ (แต่มาปรากฏภายหลังว่าเช่ไม่ได้ใสๆนะ)
ที่นี้จุดเปลี่ยนที่ไอดอลหรือคนทำคอนเทนต์อาจจะเก็บไว้เป็นบทเรียนคือ มีช่วงที่แจนเนี่ยไม่อัพเดตคอนเทนต์ทาง SNS ทำให้แฟนคลับไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับน้องๆ ปรากฏว่าช่วงนั้น ผมโดนเฌอปรางตกหนักมาก เมื่อผมเปิด SNS มักจะเจอเฌอปรางตลอด ประกอบกับการวางตัว การพูดจาเรียกว่า เฌอพูดไม่กี่ประโยคก็รู้เลยว่าน้องคนนี้
ของจริง ตรงนี้ก็แสดงให้เห็นว่าการอัพเดตคอนเทนต์ออนไลน์บ่อยๆก็สำคัญ
แน่นอนว่าการเปลี่ยนมาโอชิเฌอปรางก็ไม่อาจจะทำให้ใครผิดหวัง เฌอเป็นเฌอที่ไม่อาจหาใครมาแทนแม้ว่าจะเป็นแฟนคลับของเฌอหรือแฟนคลับเมมคนอื่นๆ การวางตัวการตอบคำถามเรียกว่าเพอเฟคแม้แต่ Hater ก็ไม่อาจจะสรรหาคำใดๆมาต่อว่าได้ เสมือนว่า มีสกิลระดับ Legendary ที่ทำให้เฌอต้านทานทุกสถานะปกติได้ แม้จะต้องยอมรับว่าเฌอไม่ได้ร้องดีกว่าใครเป็นพิเศษ หรือเต้นก็มีจังหวะหลุดบ่อยครั้ง แต่ stat บุคลิก 99+ ก็สามารถกลบข้อด้อยในจุดนี้ได้หมด
ในส่วนบทเรียนของเฌอ อาจจะกล่าวได้ว่าการร้อง การเต้นมันก็ต้องดีแหละถ้าจะยืนระยะวงต่อไปยาวๆ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ
“จุดเด่นของเมมเบอร์แต่ละคน” เฌอไม่ใช่คนที่ร้องหรือเต้นดี แต่บุคลิกการวางตัวเองเฌอสามารถกลบจุดอ่อนของตัวเองได้
แต่จุดเด่นที่สุดของเฌอบางครั้งก็กลายเป็นดาบสองคมเช่นกัน ความแข็งแกร่งของเฌอที่ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้าเมมเบอร์คนอื่นๆ เป็นกำแพงเหล็กสูงชัน กำแพงที่ดูเหมือนจะไม่มีวันแตก ทำให้เสน่ห์จากการที่เราได้เอาใจช่วยเมมเบอร์แข่งขันกันในวงหายไป เหมือนดั่งเราเชียร์บาซ่าช่วงพีคๆ ดั่งเชียร์บาเยิร์นช่วงรุ่งโรจน์ เหมือนปารีสยุคที่มีดาวดังเต็มทีม มันคงไม่สนุกเท่าดูพรีเมียลีคที่สูสีพลัดกันเป็นแชมป์
ในช่วงนั้นปรากฏว่าดาวเด่น ดาวหางฮัลเลย์ของวง นอกจากกลุ่มชราไลน์ ก็คือยูนิตฮาราจูกุ โมบายล์ ปูเป้ และไข่มุกนั้นเอง ซึ่งโดยส่วนตัวจะชอบโมบายล์กับปูเป้เป็นพิเศษ คู่นี้คืออันเดอร์ที่เพอเฟคจริงๆหากคุณดูไลฟ์ที่มีโมบายล์หรือปูเป้แล้วไม่ยิ้ม อาจจะต้องรับการปรึกษาจากจิตแพทย์เนื่องจากมีแนวโน้มเป็นโรคซึมเศร้า กาวของคู่นี้นั้นจัดว่าของจริงความเป็นกันเอง ความสดใส ความฮาแบบไม่ได้ตั้งใจก็ยังฮา เรียกว่าเด่นกว่าเซมบัตสึหลายๆคน
ในช่วงที่ผมหันมาหาความสนุกจากพัฒนาการของเด็กอันเดอร์ทำให้ผมตกหลุมรักโมบายล์จังๆ นอกจากคุณภาพการเอนเตอเทนที่ทำให้คุณท่องไปไกลในอวกาศด้วยจรวดของ SpaceX จุดเด่นของน้องอีกอย่างคือน้องเป็นเด็กมัธยมที่
คุยกับคนยุค 90s รู้เรื่อง!! มีไลฟ์ตู้ปลาไลฟ์หนึ่งน้องมากับกลุ่มชราไลน์ปรากฏว่าน้องสามารถคุยได้เหมือนน้องอายุ 20 การร้องเพลงก็ดี ความชอบของน้องก็ดีทำให้ผมเลือกจะโอชิน้องไปพร้อมๆกับปูเป้ และคิดแคท ซึ่งตอนนั้นมีความมั่นใจว่าซิงต่อไป โมบาย์กับปูเป้น่าจะติดและสามคนนี้น่าจะเป็นเสาหลักของวงต่อไปถัดจากกลุ่มชราไลน์
อย่างที่รู้กันเมื่อซิงเกิ้ลที่สอง คุกกี้เสี่ยงทาย ประกาศเซมฯ เรียกว่ามันเกินคาดจริงๆต่อให้เป็นโอชิก็เถอะก็ไม่ได้คิดว่าจะไปไกลขนาดได้เป็นเซนเตอร์ ความรู้สึกของการได้เชียร์มวยรองจนสามารถขึ้นไปถึงจุดนั้นมันเป็นอะไรที่ดีมาก จากนั้นเป็นช่วงที่ BNK เริ่มดังแต่มันกลับเป็นช่วงที่ผมเหินห่างจากการติดตามวง ด้วยการบริหารหลายๆอย่างของออฟฟิเชียลทำให้ผมถอยออกมาห่างๆในช่วง ซิงเกิ้ล 3 ถึงอัลบั้มริเวอร์
จนกระทั่งมีการออดิชั่นรุ่นที่สองเสร็จสิ้น ในวันเดบิวผมดูไลฟ์สดอยู่ที่บ้าน วันนั้นทำให้ผมรู้สึกกลับมาสนุกและสนใจในการติดตาม BNK อีกครั้งหนึ่ง น้องรุ่นที่สองทุกคนมีมาตรฐานที่สูงมาก จนไม่รู้ว่าจะเชียร์ใครดี
ความลำบากมาเยือนตรงโฟโต้เซตเดบิวรุ่นที่ 2 นี้เอง เนื่องจากประสบการณ์ปกเดบิวรุ่นที่ 1 ราคาแต่ละคนช่างสูงเหลือหลาย ยิ่งถ้าเมมเบอร์ที่เราโอชิหากตอนแรกเป็นม้านอกสายตา จะมียอดจองปกเซตเดบิวน้อย ความท้าทายของผมคือต้องหาโอชิตัวเองให้เจอก่อนที่จะหมดเวลาจอง
ซึ่งในตอนนั้นเป็นเรื่องยากมากที่จะเลือกใครคนหนึ่งจากรุ่นที่ 2 เนื่องจากรุ่นที่ 2 ไม่มีไลฟ์ VooV ให้คอยติดตามเหมือนรุ่น 1 แรกๆที่ทำให้ได้ฟังได้ดูน้องยาวๆ ซึ่งก็เหลือช่องทางเพียงแค่ไลฟ์ตู้ปลาก็ออกน้อยมากเทียบกับรุ่น 1 แรกๆเช่นกัน ทำให้การตัดสินใจหลักๆผมต้องพึ่งพาช่องทาง SNS
แต่สิ่งที่ทำให้ผมได้พบกับโอชินั้นไม่ได้เป็นเพราะ โพสของน้องแต่กลับเป็นเพจเล่นมุกชื่อดังเพจหนึ่งได้แชร์โพสของน้อง ซึ่งผมอ่านแล้วก็ขำ ผมแปลกใจที่คนเล่นมุกเป็นสมาชิกของ BNK นั้นทำให้ผมรู้จักกับน้องคนที่ผมมองข้ามไปในวันเดบิว น้องที่ท่องกลอนแคชเฟสยืดยาวคนนั้น
ผมเข้าไปอ่านไปกดไลท์ กดติดตาม ก็ยิ่งแปลกใจที่น้องคนนี้นอกจากเล่นมุกแล้วยังมีคอนเทนต์เกี่ยวกับฟุตบอลอีกด้วย แล้วไม่ใช่ว่ารู้แบบงูๆปลาๆ เหมือนเราฟังเฌอปรางพูดไม่กี่คำเราก็รู้ว่าเฌอปรางเก่งจริง เราฟังแนทเธอรีนพูดเรื่องบอลเราก็รู้เช่นกันว่าของจริงหรือของปลอม
อีกหนึ่งเรื่องที่เป็นจุดแข็งคือการมีปฎิสัมพันธ์กับแฟนคลับอย่างใกล้ชิด การชงมุก ตบมุกทั้งแฟนคลับและเพจดังๆทำให้สารเอนโดรฟินหลั่งทุกครั้งที่ได้อ่าน ทำให้ผมจัดน้องแนทเธอรีนไว้ในกลุ่มที่น่าสนใจในช่วงหนึ่งเดือนก่อนปิดจองเซทเดบิว
วันเวลาผ่านไปด้วยความสนุกสนานในการตามคอนเทนต์ต่างๆที่แนทโพสในช่วงนั้นถ้าวัดสถิติเมมเบอร์ในวง คนที่โพสจำนวนพอๆกับแนทเธอรีนคงมีแค่เฌอปรางที่ขึ้นชื่อว่าสายเนิร์ด ตามสถิติต่างๆเกี่ยวกับโซเชียลตลอด แต่ผมก็ยังไม่รีบซื้อเพราะอย่างที่บอกไป รุ่นที่สองมีดีทุกคนสิ่งที่ผมอยากเห็นเพื่อยืนยันความมั่นใจก็คือแนทเธอรีนตอนไลฟ์ตู้ปลา
มาถึงตอนแนทเธอรีนไลฟ์ตู้ปลา นั้นก็แทบจะหมดเวลาจองแล้วผมดีใจมากที่น้องได้ไลฟ์ทันเวลา ก็ถือว่าไม่แย่แต่ก็ไม่ได้ดีเลิศ น้องมีความพยายามเล่นมุกแต่อาจจะผิดจังหวะไปหน่อย บางทีก็ดันขำก่อนเล่นจบซะงั้น แต่จุดที่ตัดสินใจเด็ดขาดน่าจะเป็นช่วงที่น้องพูดถึงการมาเป็น BNK น้องพูดถึงความตั้งใจของตนเองที่เป็นคนมุ่งมั่น
มีแค่ทำหรือไม่ทำ หากจะทำอะไรที่จะทำจนสำเร็จ หากไม่ตั้งใจก็จะไม่ทำเลย และน้องก็พูดว่าจะมุ่งมั่นในการเป็นไอดอลแห่งความพยายาม
ณ วินาทีนั้นผมได้ตัดสินใจว่าจะสนับสนุนน้องแนทเธอรีนให้บรรลุเป้าหมายของน้อง ไม่ใช่ว่าแค่ประโยคนั้นที่ทำให้ตัดสินใจ แต่ตลอดหนึ่งเดือนที่ตามน้องมาทำให้เรามั่นใจ ว่าน้องเป็นของจริง จริงในจริง เป็นประกายดาวที่ต่างออกไป ที่ไม่เหมือนใคร ในวันนั้นได้ดูไลฟ์เพื่อยืนยันความเชื่อ และน้องใช้แอร์ไทม์แตกต่างจากเมมเบอร์อื่นเพื่อยืนยันความมุ่งมั่นของน้องด้วยตัวเอง ก็ไม่มีเหตุผลใดที่ทำให้ผมหลุดจากน้องคนนี้ไปได้เลย
วันเวลาล่วงเลยมาใกล้สิ้นปี น้องแนทเธอรีนคนนี้ยังไม่ได้ทำให้ผมผิดหวัง น้องทำได้อย่างที่พูด ทำเกินกว่าที่คาด ความสุขของการที่ได้เห็นพัฒนาการของคนที่เราเชียร์มันดีต่อใจจริงๆ ได้เห็นน้องออกรายการเดี่ยวครั้งแรก ได้เห็นน้องออกงานครั้งแรก ได้เห็นน้องขึ้นเธียเตอร์ครั้งแรก
การตามน้องแนทเธอรีนเมื่อเราได้รู้จักกับน้องก็ยิ่งทำให้เราทึ่งในความสามารถของเธอ การสัมภาษณ์น้องทำให้รู้ว่าการเชียร์บอลของเธอไม่ได้เลือกมั่วๆ หรือใช้ดวงใดๆ มันเป็นการศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับทีมที่แข่ง ฟอร์มการเล่น โมเมนตัมต่างๆประกอบกันกว่าจะเลือกเชียร์ทีมใดทีมหนึ่ง
เทียบง่ายๆหากเราเล่นหุ้นโดยไม่เข้าใจว่าหุ้นนั้นมีอะไรดีก็เหมือนแมงเม่า เหมือนเราเล่นหวยที่จิ้มๆไปหวังว่าดวงจะเข้าข้าง แต่หากเราศึกษาเราจะรู้มูลค่าของมัน รู้ว่ามันดียังไง รู้ว่าตอนไหนควรเข้า ควรออก มันไม่ใช่ว่าแนทจะทายผิดเสมอไป แต่สิ่งที่แนทเธอรีนทำเป็นการลดความเสี่ยงที่จะทายผลถูก ซึ่งผลที่ได้ก็คือสมญานาม
“ธิดาชาวสวน” นั้นเอง
เรื่องมุกแป้ก มุกเสี่ยวคงไม่ต้องพูดถึงที่เพิ่มเติมก็คือ วิดีโอคอนเท็น ซึ่งมีคนทำน้อยนักในวง ทั้งๆที่กระแสตอบรับก็ค่อนข้างดีตลอด การก้าวเข้ามาทำรายการ
“แนทเธอรีนแนทเธอลอง” ของแนทนั้นเรียกว่ารวดเร็วกว่าใคร แน่นอนว่ารายการแรกๆแนทเลือกรูปแบบที่เรียบง่าย แต่ได้ผล อย่างการรีแอคชั่น การเล่นมุกกับเมมเบอร์ มันง่ายแต่เวิร์ค การตัดต่อนั้นก็ถือว่าโอเคเลยทีเดียว ใครเคยตัดต่อวิดีโอเนี่ยจะรู้ว่าเดี๋ยวนี้ตัดมันไม่ยากหรอก แต่จะตัดให้สนุกเนี่ยต้องอาศัยความตั้งใจมากทีเดียว
นอกจากนี้ก่อนงานจับมือ น้องแนทเธอรีนยังทำผมช็อกไปเหมือนกัน เพราะเธอเล่นตัดต่อคลิปแนะนำตัวโปรโมทตัวเองเสร็จสรรพ เรียกว่าไม่เคยเห็นเมมคนไหนทำมาก่อน แฟนคลับก็ประทับใจกันไป เอากะน้องมันสิ เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว
นอกจากนี้หลังงานจับมือทุกงาน หลังเธียเตอร์ทุกครั้ง น้องจะกลับมารีวิวตนเองตลอด จุดนี้บางคนอาจจะว่าแปลก แต่นี้อาจจะเป็นจุดแข็งที่สุดจุดหนึ่งของแนทเธอรีนเลยก็ได้ นั้นก็คือกลับมา
“ทบทวนสิ่งที่ได้ทำลงไป”
หลายคนอาจจะมีนิสัยทำสิ่งที่ต้องทำให้จบๆไป แล้วก็ไปโฟกัสสิ่งใหม่ แต่สิ่งที่แนททำคือการ After Action Review: AAR หรือการทบทวนหลังทำงาน เพื่อหาจุดบกพร่อง จุดผิดพลาดของตนเอง เพื่อแก้ไขในวันต่อไป นั้นแปลว่าหากแนทสามารถพบต้นเหตุของปัญหาและแก้ไขได้ถูกจุด แนทจะยิ่งก้าวไปข้างหน้า ยิ่งสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ไม่หยุดนิ่งกับที่หรือทำงานให้จบไปวันๆ
การประกาศเซมฯซิงเกิ้ล 5 ที่ผ่านมา หรือออดิชั่นเพลง มาตะ อนาถา อโนโตะ โค้ยอะไรซักอย่างแน่นอนว่าแฟนคลับและแนทเธอรีนก็เสียใจเป็นธรรมดาแต่อีกด้านก็รู้สึกภูมิใจ เห็นน้องใส่เสื้อด้อมขึ้นไปร้องออดิชั่น เห็นการพัฒนาการร้องมันทำให้เราเชื่อได้ว่า น้องแค่รอวันที่จะได้ก้าวขึ้นไปติดเซมฯอย่างภาคภูมิใจเท่านั้น แค่ว่าวันนี้ยังมีคนที่เหมาะสมกว่าซึ่งแฟนคลับก็ยอมรับ
คนเรามีหลายแบบแบบที่เจอความผิดหวังแล้วท้อกับคนที่เจอความผิดหวังแล้วกลับมาสู้ใหม่ และโหดกว่าเดิมเหมือนการ์ตูนโชวเนน และแนทเธอรีนก็ทำให้เรามันใจว่าเธอจะดุกว่าที่ผ่านมา เดือดกว่าน้ำมันไก่ทอดหาดใหญ่
[BNK48] จากเดบิวรุ่นที่ 1 ก่อนจะมาจบที่ [Natherine]
แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร จนหลังงานเดบิว ผมดูข่าวบันเทิงของช่อง Thaipbs เจอช็อตในตำนานของน้องมิวสิคที่เอาหัวไปขวางทางไมค์ ซึ่งมันทำให้ผมเริ่มสนใจวงนี้ ในตอนเช้าน้องๆไปออกรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทำให้ผมได้เจอ “โอชิคนแรก” นั้นคือ แจน นั้นเองตอนนั้นแจนเรียกว่า โดดเด่นจากคนอื่นมากทั้งเรื่องรูปร่างหน้าตา บุคลิก การร้อง ทำให้ผมต้องไปไล่ดูเซมไป EP.ของแจนก็ยิ่งชอบไปใหญ่ เออไอดอลสายธรรมะก็ได้หรอ ดูใสๆ (แต่มาปรากฏภายหลังว่าเช่ไม่ได้ใสๆนะ)
ที่นี้จุดเปลี่ยนที่ไอดอลหรือคนทำคอนเทนต์อาจจะเก็บไว้เป็นบทเรียนคือ มีช่วงที่แจนเนี่ยไม่อัพเดตคอนเทนต์ทาง SNS ทำให้แฟนคลับไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับน้องๆ ปรากฏว่าช่วงนั้น ผมโดนเฌอปรางตกหนักมาก เมื่อผมเปิด SNS มักจะเจอเฌอปรางตลอด ประกอบกับการวางตัว การพูดจาเรียกว่า เฌอพูดไม่กี่ประโยคก็รู้เลยว่าน้องคนนี้ของจริง ตรงนี้ก็แสดงให้เห็นว่าการอัพเดตคอนเทนต์ออนไลน์บ่อยๆก็สำคัญ
แน่นอนว่าการเปลี่ยนมาโอชิเฌอปรางก็ไม่อาจจะทำให้ใครผิดหวัง เฌอเป็นเฌอที่ไม่อาจหาใครมาแทนแม้ว่าจะเป็นแฟนคลับของเฌอหรือแฟนคลับเมมคนอื่นๆ การวางตัวการตอบคำถามเรียกว่าเพอเฟคแม้แต่ Hater ก็ไม่อาจจะสรรหาคำใดๆมาต่อว่าได้ เสมือนว่า มีสกิลระดับ Legendary ที่ทำให้เฌอต้านทานทุกสถานะปกติได้ แม้จะต้องยอมรับว่าเฌอไม่ได้ร้องดีกว่าใครเป็นพิเศษ หรือเต้นก็มีจังหวะหลุดบ่อยครั้ง แต่ stat บุคลิก 99+ ก็สามารถกลบข้อด้อยในจุดนี้ได้หมด
ในส่วนบทเรียนของเฌอ อาจจะกล่าวได้ว่าการร้อง การเต้นมันก็ต้องดีแหละถ้าจะยืนระยะวงต่อไปยาวๆ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ “จุดเด่นของเมมเบอร์แต่ละคน” เฌอไม่ใช่คนที่ร้องหรือเต้นดี แต่บุคลิกการวางตัวเองเฌอสามารถกลบจุดอ่อนของตัวเองได้
แต่จุดเด่นที่สุดของเฌอบางครั้งก็กลายเป็นดาบสองคมเช่นกัน ความแข็งแกร่งของเฌอที่ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้าเมมเบอร์คนอื่นๆ เป็นกำแพงเหล็กสูงชัน กำแพงที่ดูเหมือนจะไม่มีวันแตก ทำให้เสน่ห์จากการที่เราได้เอาใจช่วยเมมเบอร์แข่งขันกันในวงหายไป เหมือนดั่งเราเชียร์บาซ่าช่วงพีคๆ ดั่งเชียร์บาเยิร์นช่วงรุ่งโรจน์ เหมือนปารีสยุคที่มีดาวดังเต็มทีม มันคงไม่สนุกเท่าดูพรีเมียลีคที่สูสีพลัดกันเป็นแชมป์
ในช่วงนั้นปรากฏว่าดาวเด่น ดาวหางฮัลเลย์ของวง นอกจากกลุ่มชราไลน์ ก็คือยูนิตฮาราจูกุ โมบายล์ ปูเป้ และไข่มุกนั้นเอง ซึ่งโดยส่วนตัวจะชอบโมบายล์กับปูเป้เป็นพิเศษ คู่นี้คืออันเดอร์ที่เพอเฟคจริงๆหากคุณดูไลฟ์ที่มีโมบายล์หรือปูเป้แล้วไม่ยิ้ม อาจจะต้องรับการปรึกษาจากจิตแพทย์เนื่องจากมีแนวโน้มเป็นโรคซึมเศร้า กาวของคู่นี้นั้นจัดว่าของจริงความเป็นกันเอง ความสดใส ความฮาแบบไม่ได้ตั้งใจก็ยังฮา เรียกว่าเด่นกว่าเซมบัตสึหลายๆคน
ในช่วงที่ผมหันมาหาความสนุกจากพัฒนาการของเด็กอันเดอร์ทำให้ผมตกหลุมรักโมบายล์จังๆ นอกจากคุณภาพการเอนเตอเทนที่ทำให้คุณท่องไปไกลในอวกาศด้วยจรวดของ SpaceX จุดเด่นของน้องอีกอย่างคือน้องเป็นเด็กมัธยมที่คุยกับคนยุค 90s รู้เรื่อง!! มีไลฟ์ตู้ปลาไลฟ์หนึ่งน้องมากับกลุ่มชราไลน์ปรากฏว่าน้องสามารถคุยได้เหมือนน้องอายุ 20 การร้องเพลงก็ดี ความชอบของน้องก็ดีทำให้ผมเลือกจะโอชิน้องไปพร้อมๆกับปูเป้ และคิดแคท ซึ่งตอนนั้นมีความมั่นใจว่าซิงต่อไป โมบาย์กับปูเป้น่าจะติดและสามคนนี้น่าจะเป็นเสาหลักของวงต่อไปถัดจากกลุ่มชราไลน์
อย่างที่รู้กันเมื่อซิงเกิ้ลที่สอง คุกกี้เสี่ยงทาย ประกาศเซมฯ เรียกว่ามันเกินคาดจริงๆต่อให้เป็นโอชิก็เถอะก็ไม่ได้คิดว่าจะไปไกลขนาดได้เป็นเซนเตอร์ ความรู้สึกของการได้เชียร์มวยรองจนสามารถขึ้นไปถึงจุดนั้นมันเป็นอะไรที่ดีมาก จากนั้นเป็นช่วงที่ BNK เริ่มดังแต่มันกลับเป็นช่วงที่ผมเหินห่างจากการติดตามวง ด้วยการบริหารหลายๆอย่างของออฟฟิเชียลทำให้ผมถอยออกมาห่างๆในช่วง ซิงเกิ้ล 3 ถึงอัลบั้มริเวอร์
จนกระทั่งมีการออดิชั่นรุ่นที่สองเสร็จสิ้น ในวันเดบิวผมดูไลฟ์สดอยู่ที่บ้าน วันนั้นทำให้ผมรู้สึกกลับมาสนุกและสนใจในการติดตาม BNK อีกครั้งหนึ่ง น้องรุ่นที่สองทุกคนมีมาตรฐานที่สูงมาก จนไม่รู้ว่าจะเชียร์ใครดี
ความลำบากมาเยือนตรงโฟโต้เซตเดบิวรุ่นที่ 2 นี้เอง เนื่องจากประสบการณ์ปกเดบิวรุ่นที่ 1 ราคาแต่ละคนช่างสูงเหลือหลาย ยิ่งถ้าเมมเบอร์ที่เราโอชิหากตอนแรกเป็นม้านอกสายตา จะมียอดจองปกเซตเดบิวน้อย ความท้าทายของผมคือต้องหาโอชิตัวเองให้เจอก่อนที่จะหมดเวลาจอง
ซึ่งในตอนนั้นเป็นเรื่องยากมากที่จะเลือกใครคนหนึ่งจากรุ่นที่ 2 เนื่องจากรุ่นที่ 2 ไม่มีไลฟ์ VooV ให้คอยติดตามเหมือนรุ่น 1 แรกๆที่ทำให้ได้ฟังได้ดูน้องยาวๆ ซึ่งก็เหลือช่องทางเพียงแค่ไลฟ์ตู้ปลาก็ออกน้อยมากเทียบกับรุ่น 1 แรกๆเช่นกัน ทำให้การตัดสินใจหลักๆผมต้องพึ่งพาช่องทาง SNS
แต่สิ่งที่ทำให้ผมได้พบกับโอชินั้นไม่ได้เป็นเพราะ โพสของน้องแต่กลับเป็นเพจเล่นมุกชื่อดังเพจหนึ่งได้แชร์โพสของน้อง ซึ่งผมอ่านแล้วก็ขำ ผมแปลกใจที่คนเล่นมุกเป็นสมาชิกของ BNK นั้นทำให้ผมรู้จักกับน้องคนที่ผมมองข้ามไปในวันเดบิว น้องที่ท่องกลอนแคชเฟสยืดยาวคนนั้น
ผมเข้าไปอ่านไปกดไลท์ กดติดตาม ก็ยิ่งแปลกใจที่น้องคนนี้นอกจากเล่นมุกแล้วยังมีคอนเทนต์เกี่ยวกับฟุตบอลอีกด้วย แล้วไม่ใช่ว่ารู้แบบงูๆปลาๆ เหมือนเราฟังเฌอปรางพูดไม่กี่คำเราก็รู้ว่าเฌอปรางเก่งจริง เราฟังแนทเธอรีนพูดเรื่องบอลเราก็รู้เช่นกันว่าของจริงหรือของปลอม
อีกหนึ่งเรื่องที่เป็นจุดแข็งคือการมีปฎิสัมพันธ์กับแฟนคลับอย่างใกล้ชิด การชงมุก ตบมุกทั้งแฟนคลับและเพจดังๆทำให้สารเอนโดรฟินหลั่งทุกครั้งที่ได้อ่าน ทำให้ผมจัดน้องแนทเธอรีนไว้ในกลุ่มที่น่าสนใจในช่วงหนึ่งเดือนก่อนปิดจองเซทเดบิว
วันเวลาผ่านไปด้วยความสนุกสนานในการตามคอนเทนต์ต่างๆที่แนทโพสในช่วงนั้นถ้าวัดสถิติเมมเบอร์ในวง คนที่โพสจำนวนพอๆกับแนทเธอรีนคงมีแค่เฌอปรางที่ขึ้นชื่อว่าสายเนิร์ด ตามสถิติต่างๆเกี่ยวกับโซเชียลตลอด แต่ผมก็ยังไม่รีบซื้อเพราะอย่างที่บอกไป รุ่นที่สองมีดีทุกคนสิ่งที่ผมอยากเห็นเพื่อยืนยันความมั่นใจก็คือแนทเธอรีนตอนไลฟ์ตู้ปลา
มาถึงตอนแนทเธอรีนไลฟ์ตู้ปลา นั้นก็แทบจะหมดเวลาจองแล้วผมดีใจมากที่น้องได้ไลฟ์ทันเวลา ก็ถือว่าไม่แย่แต่ก็ไม่ได้ดีเลิศ น้องมีความพยายามเล่นมุกแต่อาจจะผิดจังหวะไปหน่อย บางทีก็ดันขำก่อนเล่นจบซะงั้น แต่จุดที่ตัดสินใจเด็ดขาดน่าจะเป็นช่วงที่น้องพูดถึงการมาเป็น BNK น้องพูดถึงความตั้งใจของตนเองที่เป็นคนมุ่งมั่น มีแค่ทำหรือไม่ทำ หากจะทำอะไรที่จะทำจนสำเร็จ หากไม่ตั้งใจก็จะไม่ทำเลย และน้องก็พูดว่าจะมุ่งมั่นในการเป็นไอดอลแห่งความพยายาม
ณ วินาทีนั้นผมได้ตัดสินใจว่าจะสนับสนุนน้องแนทเธอรีนให้บรรลุเป้าหมายของน้อง ไม่ใช่ว่าแค่ประโยคนั้นที่ทำให้ตัดสินใจ แต่ตลอดหนึ่งเดือนที่ตามน้องมาทำให้เรามั่นใจ ว่าน้องเป็นของจริง จริงในจริง เป็นประกายดาวที่ต่างออกไป ที่ไม่เหมือนใคร ในวันนั้นได้ดูไลฟ์เพื่อยืนยันความเชื่อ และน้องใช้แอร์ไทม์แตกต่างจากเมมเบอร์อื่นเพื่อยืนยันความมุ่งมั่นของน้องด้วยตัวเอง ก็ไม่มีเหตุผลใดที่ทำให้ผมหลุดจากน้องคนนี้ไปได้เลย
วันเวลาล่วงเลยมาใกล้สิ้นปี น้องแนทเธอรีนคนนี้ยังไม่ได้ทำให้ผมผิดหวัง น้องทำได้อย่างที่พูด ทำเกินกว่าที่คาด ความสุขของการที่ได้เห็นพัฒนาการของคนที่เราเชียร์มันดีต่อใจจริงๆ ได้เห็นน้องออกรายการเดี่ยวครั้งแรก ได้เห็นน้องออกงานครั้งแรก ได้เห็นน้องขึ้นเธียเตอร์ครั้งแรก
การตามน้องแนทเธอรีนเมื่อเราได้รู้จักกับน้องก็ยิ่งทำให้เราทึ่งในความสามารถของเธอ การสัมภาษณ์น้องทำให้รู้ว่าการเชียร์บอลของเธอไม่ได้เลือกมั่วๆ หรือใช้ดวงใดๆ มันเป็นการศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับทีมที่แข่ง ฟอร์มการเล่น โมเมนตัมต่างๆประกอบกันกว่าจะเลือกเชียร์ทีมใดทีมหนึ่ง
เทียบง่ายๆหากเราเล่นหุ้นโดยไม่เข้าใจว่าหุ้นนั้นมีอะไรดีก็เหมือนแมงเม่า เหมือนเราเล่นหวยที่จิ้มๆไปหวังว่าดวงจะเข้าข้าง แต่หากเราศึกษาเราจะรู้มูลค่าของมัน รู้ว่ามันดียังไง รู้ว่าตอนไหนควรเข้า ควรออก มันไม่ใช่ว่าแนทจะทายผิดเสมอไป แต่สิ่งที่แนทเธอรีนทำเป็นการลดความเสี่ยงที่จะทายผลถูก ซึ่งผลที่ได้ก็คือสมญานาม “ธิดาชาวสวน” นั้นเอง
เรื่องมุกแป้ก มุกเสี่ยวคงไม่ต้องพูดถึงที่เพิ่มเติมก็คือ วิดีโอคอนเท็น ซึ่งมีคนทำน้อยนักในวง ทั้งๆที่กระแสตอบรับก็ค่อนข้างดีตลอด การก้าวเข้ามาทำรายการ “แนทเธอรีนแนทเธอลอง” ของแนทนั้นเรียกว่ารวดเร็วกว่าใคร แน่นอนว่ารายการแรกๆแนทเลือกรูปแบบที่เรียบง่าย แต่ได้ผล อย่างการรีแอคชั่น การเล่นมุกกับเมมเบอร์ มันง่ายแต่เวิร์ค การตัดต่อนั้นก็ถือว่าโอเคเลยทีเดียว ใครเคยตัดต่อวิดีโอเนี่ยจะรู้ว่าเดี๋ยวนี้ตัดมันไม่ยากหรอก แต่จะตัดให้สนุกเนี่ยต้องอาศัยความตั้งใจมากทีเดียว
นอกจากนี้ก่อนงานจับมือ น้องแนทเธอรีนยังทำผมช็อกไปเหมือนกัน เพราะเธอเล่นตัดต่อคลิปแนะนำตัวโปรโมทตัวเองเสร็จสรรพ เรียกว่าไม่เคยเห็นเมมคนไหนทำมาก่อน แฟนคลับก็ประทับใจกันไป เอากะน้องมันสิ เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว
นอกจากนี้หลังงานจับมือทุกงาน หลังเธียเตอร์ทุกครั้ง น้องจะกลับมารีวิวตนเองตลอด จุดนี้บางคนอาจจะว่าแปลก แต่นี้อาจจะเป็นจุดแข็งที่สุดจุดหนึ่งของแนทเธอรีนเลยก็ได้ นั้นก็คือกลับมา “ทบทวนสิ่งที่ได้ทำลงไป”
หลายคนอาจจะมีนิสัยทำสิ่งที่ต้องทำให้จบๆไป แล้วก็ไปโฟกัสสิ่งใหม่ แต่สิ่งที่แนททำคือการ After Action Review: AAR หรือการทบทวนหลังทำงาน เพื่อหาจุดบกพร่อง จุดผิดพลาดของตนเอง เพื่อแก้ไขในวันต่อไป นั้นแปลว่าหากแนทสามารถพบต้นเหตุของปัญหาและแก้ไขได้ถูกจุด แนทจะยิ่งก้าวไปข้างหน้า ยิ่งสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ไม่หยุดนิ่งกับที่หรือทำงานให้จบไปวันๆ
การประกาศเซมฯซิงเกิ้ล 5 ที่ผ่านมา หรือออดิชั่นเพลง มาตะ อนาถา อโนโตะ โค้ยอะไรซักอย่างแน่นอนว่าแฟนคลับและแนทเธอรีนก็เสียใจเป็นธรรมดาแต่อีกด้านก็รู้สึกภูมิใจ เห็นน้องใส่เสื้อด้อมขึ้นไปร้องออดิชั่น เห็นการพัฒนาการร้องมันทำให้เราเชื่อได้ว่า น้องแค่รอวันที่จะได้ก้าวขึ้นไปติดเซมฯอย่างภาคภูมิใจเท่านั้น แค่ว่าวันนี้ยังมีคนที่เหมาะสมกว่าซึ่งแฟนคลับก็ยอมรับ
คนเรามีหลายแบบแบบที่เจอความผิดหวังแล้วท้อกับคนที่เจอความผิดหวังแล้วกลับมาสู้ใหม่ และโหดกว่าเดิมเหมือนการ์ตูนโชวเนน และแนทเธอรีนก็ทำให้เรามันใจว่าเธอจะดุกว่าที่ผ่านมา เดือดกว่าน้ำมันไก่ทอดหาดใหญ่