[CR] เที่ยวฮ่องกง - มาเก๊า / Hongkong - Macao 4 วัน 3 คืน กินเที่ยวไม่ง้อทัวร์ งบไม่กี่พัน [2018]


✈ ฮ่องกง - มาเก๊า 2018 กิน เที่ยว ไม่ง้อทัวร์ งบไม่กี่พัน

📍ต่อจากทริปเมื่อปลายปีที่แล้วที่ไปกัวลาลัมเปอร์ 2017 ก็ต่อด้วยทริป ฮ่องกง-มาเก๊า 2018 กับตั๋วราคาโปรจาก
HK Express บินตรงไป-กลับ เชียงใหม่-ฮ่องกง รวมภาษีแล้ว 3500 บาท ถูกกว่าบินไปกลับภายไปประเทศเสียอีก
เลยกดจองกันแบบงงๆ ทริปนี้เราไปกัน 4 วัน 3 คืน โดยวันที่ 2 เรานั่งเรือ Ferry ไปยังมาเก๊าอีก 1 วัน
ถือว่าเที่ยวครั้งนี้มาเที่ยว 2 ประเทศกันเลยทีเดียวครับ ^^

📍[CR] เที่ยวมาเลเซีย Kuala Lumpur 4 วัน 3 คืน กินเที่ยวไม่ง้อทัวร์ งบไม่กี่พัน [2017]

✔ค่าใช้จ่ายหมดไปกับค่ากินชาไข่มุก ร้านมิชลินสตาร์ และขนมซะเป็นส่วนใหญ่ ><

รายละเอียดประมาณนี้ครับ ยังไม่รวมค่าของกิน-ขนม-ชาไข่มุก และของฝากต่างๆครับผม
✔ค่าเครื่องช่วงโปร HK Express ไปกลับ เชียงใหม่ - ฮ่องกง 3500 บาท (รวมภาษีทุกอย่างแล้ว)
✔ค่ากระเช้านองปิง คริสตัส 360 ไป-กลับ 950 บาท (ซื้อผ่าน KLOOK)
✔ค่าที่พัก AirBNB คืนละ 1500 x3 คืน = 4500 ใส่โค้ดลด 1200 เหลือ 3300 หาร 2 คน = 1650 บาท
✔ค่าเรือ Ferry ไป-กลับ Hongkong - Macao 1300 บาท (ซื้อผ่าน KLOOK) // ค่าเดินทางในมาเก๊าฟรี แนะนำขึ้นรถโรงแรมคาสิโนฟรีครับ
✔ค่าบัตร Octopus (ซื้อผ่าน KLOOK) และเติมเงินในบัตรเพื่อการเดินทางต่าง ๆ (MTR Bus) 1000 บาท
✔รวมประมาณ 8 พันกว่าๆ ครับ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

📷กล้อง :
Sony A7ll + FE 50/1.8
iPhoneX

[DAY1]
ก่อนออกเดินทางก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมพาสปอร์ตตั๋วเครื่องบิน

[DAY1]
วันนี้เราบินไฟล์ทดึกคนเยอะพอสมควรครับ

[DAY1]
การเดินทางในฮ่องกงนั้นเดินทางสะดวกสบายอยู่แล้วแต่หากมีบัตร Octupus ชีวิตจะดีย์ยิ่งขึ้น
คือ แค่เติมเงินไปในบัตรสามารถใช้ ขึ้นรถ ลงเรือ ขึ้น MTR จ่ายค่า 7-11 ได้หมดครับ

[DAY1]
หากเราซื้อตัว Octopus ผ่าน KLOOK จะราคาถูกกว่าซื้อหน้าเคาร์เตอร์ เพียงแต่กดซื้อผ่านแอฟ และนำมือถือไปแสกน QR Code ที่เคาร์เตอร์ A13 พนักงานก็จะให้บัตร Octopus และมีเงินพร้อมใช้ในบัตรอีก 50 HKD

ช่วงนี้ KLOOK แจกโค้ดลดเพิ่มอีก100บาท
โหลดแอฟได้ที่ http://bit.ly/klookth

[DAY1]
บรรยากาศภายในสนามบินกว้างขวางมีป้ายบอกทางตลอด แพลนแรกที่เราจะไปเที่ยวคือขึ้นกระเช้า
ไปหมู่บ้านนองปิงและไหว้พระใหญ่ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสนามบินเท่าไหร่ครับ

[DAY1]
เดินตามป้ายมาเรื่อยๆ เพื่อจะไปขึ้นรถบัสสาย S1 ไปลงป้าย Tung Chung ซึ่งอยู่ข้างๆกับสถานีกระเช้านองปิงครับ


[DAY1]
หากใครเคยมาก็จะทราบกันดีว่าการขึ้นกระเช้านั้นเป็นอะไรที่แถวยาวมากกกก คนเยอะมากกกก
แต่ด้วยการซื้อตั๋วผ่าน KLOOK นั้นเพียงสามารถเข้าแถวที่ช่อง VIP COUNTER ได้เลย
แทบไม่ต้องต่อแถวรอให้เสียเวลา แถมราคาถูกกว่าซื้อตั๋วหน้าเคาร์เตอร์

[DAY1]
นำมือถือยื่นให้พนักงานที่ VIP COUNTER แสกน QR ก็ได้บัตรเลย

[DAY1]
วิวสวย น้ำใส กระเช้าสูง

[DAY1]
กระเช้านองปิงจะมี 2 แบบ คือแบบธรรมดาพื้นทึบ และแบบพื้นใส
ครั้งนี้เราขึ้นแบบพื้นใสเกิดอาการหวิวๆ อยู่เหมือนกันนะ

[DAY1]
แผนที่บนหมู่บ้านนองปิงหากเราจะไว้พระใหญ่เราต้องเดินขึ้นไปอีกพอสมควร

[DAY1]
อากาศที่นี่แดดค่อนข้างร้อนแต่มีลมพัดเย็นตลอดเวลาครับ
ไม่ร้อนอบอ้าว ถ้ามาหน้าหนาวอากาศน่าจะเย็นสบายกว่านี้

[DAY1]
มีป้ายภาษาไทยไปอีก




[DAY1]
พระท่านองค์ใหญ่และสวยงามจริงๆ


[DAY1]
หลังจากไว้พระใหญ่เสร็จก็เดินลงมาที่หมู่บ้าน ซึ่งหมู่บ้านนั้นเป็นเหมือนกับ
Shopping mall ย่อมๆ มีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ร้านกาแฟ ต่างๆ
ก่อนกลับแวะพักเติมพลังกันก่อน

[DAY1]
นั่งกระเช้าขากลับเจ้าหน้าที่จะเปิดให้นั่งกระเช้าแบบกรุ๊ปเดียวกันซึ่ง
ครั้งนี้เราเดินทางสองคน เจ้าหน้าที่ให้ขึ้นกระเช้าขากลับสองคน
ทำให้ได้ถ่ายรูปบรรยากาศได้เต็มที่เลยทีเดียว

[DAY1]
เรานั่งรถบัสสาย S1 เพื่อกลับไปยังสนามบินอีกครั้งเพื่อต่อรถบัสสาย A22
เดินทางไปยังฝั่งเกาลูนเพื่อเช็คอินที่พักย่านถนน Jordan ครับ

[DAY1]
นั่งรถบัสสาย A22 ซักพักก็ถึงย่านถนน Jordan แล้วเดินขึ้นที่พักได้เลย
ห้องพักครั้งนั้นเราจองผ่าน AirBNB ซึ่งที่พักตั้งอยู่ย่านใจกลางเมืองทำเลดีมากๆ
ซึ่งเดินลงมาไม่ไกลก็เป็น MTR สถานี Jordan และ Temple Street ที่พักตกคืนละพันกว่า
ซึ่งราคาถูกกว่าโรงแรมมากๆ (โดยปกติโรงแรมย่านนี้คืนละ 3-4 พัน)
หรือหากเป็นโฮสเทลห้องก็จะเล็กมากๆและไม่สะอาด โดยรวม AirBNB ที่นี่ดีมากๆ
อ่อมี Wifi ฟรี และปลั๊กแปลงให้ด้วยนะ

ช่วงนี้ AIRBNB แจกโค้ดลดเพิ่มอีก 1,200 บาทหากสมัครสมาชิกใหม่ ลิงค์นี้เลย
👉🏻https://th.airbnb.com/c/airbnbthailandt
ประหยัดค่าที่พักไปได้อีกเยอะ

[DAY1]
ห้องน้ำมีให้พร้อม สบู่ แชมพู ยาสีฟัน แปรงสีพัน ผ้าเช็ดตัว ทิชชู โดยรวมดีมากๆ

[DAY1]
มาถึงวิวของห้องมองลงไปจะเป็นถนน Jordan และมีร้าน SASA อยู่ด้านล่าง
ขากลับก็ขึ้นรถสาย A22 กลับสนามบินด้านล่างฝั่งขวาได้เลย สะดวกสุดๆ

[DAY1]
เมื่อเช็คอินห้องพักเสร็จสิ่งแรกคือยังไม่กินอะไรกันเลย ที่แรกที่ไปจัดคือ
ร้าน One Dim Sum ร้านติ่มซำรางวัลมิชลินสตาร์ ที่ใครไปฮ่องกงก็ต้องไปลิ้มลอง
แต่ก็เผื่อเวลาดีๆนะเพราะต้องนั่งรอคิวอยู่ซักพักใหญ่เลยทีเดียว
การเดินทางจากที่พักขึ้น MTR สถานี Jordan ไปลง สถานี Prince Edward
ทางออก A และเดินไปอีกนิดก็จะถึงร้านครับ

[DAY1]
ระหว่างนั่งรอ พนง ก็จะนำเมนูและลิสรายการมาให้
เมนูจะมีรูปภาพและหมายเลขมีภาษาไทยด้วยนะ
เวลาสั่งก็แค่เขียนตัวเลขว่าสั่งกี่จาน สั่งง่ายไม่ยุ่งยากครับ

[DAY1]
ขนมจีบกุ้ง ฉ่ำกุ้ง ฉ่ำกุ้ง และก็ฉ่ำกุ้ง ต้องสั่ง กุ้งกรอบเด้ง

[DAY1]
ขนมจีบใส้ผัก

[DAY1]
โจ๊กไข่เยี่ยวม้า

[DAY1]
เกี้ยวกุ้งทอด แป้งกรอบอร่อยมาก กัดไปแป้งแตกดังแกร๊ปๆๆ

[DAY1]
ตีนไก่ตุ๋นในน้ำซอส ออกหวานๆเค็ม อร่อยๆ

[DAY1]
ฟองเต้าหู้ทอดยัดไส้

[DAY1]
เมื่อกินอิ่มก็มาเดินย่อยอาหารกัน ที่ Fa Yuen Street

[DAY1]
และเดินต่อไปยัง Lady Market




[DAY1]
เดินมาเรื่อยๆก็มาเจอกับไอศครีมในตำนาน Mobile Softee ที่ลุงแกจะขับรถวนไปเรื่อยๆย่านนั้น
รสชาติหอม หวาน ละมุน เค็มนิดๆ 10/10 #อร่อยบอกต่อ

[DAY1]
ต่อไปคือขึ้น MTR มาลงสถานี Tsim sha Tsui เพื่อไปตำชาไข่มุกเจ้าดังมากในไต้หวัน
ร้าน The Alley ซึ่งมาเปิดสาขาที่ฮ่องกง ตามคาดคือคิวยาวมาก แต่ก็รอ....

[DAY1]
จัดไป 2 แก้ว แก้วซ้าย No.9 Royal อะไรซักอย่าง
แก้วขวาเป็น Brown Sugar นมสด อร่อยคนละแบบครับ

[DAY1]
กินเสร็จก็เดินมามาชม Symphony of lights ที่ Avenue Of Star ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก

[DAY1]
การแสดงเริ่มเวลา 20.00 เป็นการแสดงแสงสีจากตึกฝั่งฮ่องกงครับ

[DAY1]
ชมการแสดงเสร็จก็กลับที่พักแต่นึกขึ้นได้ว่า ข้างๆที่พักมีร้านวาฟเฟิลฮ่องกง
รางวัลมิชลินสตาร์ 3 ปีซ้อนอยู่ร้านนึง มาฮ่องกงไม่กินวาฟเฟิลฮ่องกงได้ไง
ร้านนี้ชื่อว่า ร้าน Mammy Pancake ตั้งอยู่ Temple Street
หากเดินๆไปได้กลิ่นวาฟเฟิลหอมๆ คนเยอะๆเดาได้เลยร้านนี้แน่นอน

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่