ธนาคารกรุงศรี

ดิฉันเริ่มเข้าทำงานที่ ธนาคารกรุงศรี วันที่1/6/2561...สังกัด M206 มีโปรฯ4เดือน ก่อนมาเริ่มงานทางภาคและผอ.มาแจ้งกับดิฉันว่าให้ช่วยดันตัวเลขผู้ช่วยที่สาขาให้ทีเพราะค้องการให้ขึ้นคำแหน่งผู้จัดการสาขา ก่อนเซ็นต์สัญญาทางฝ่ายบุคคลแจ้งว่าจะได้ค่าคอม8%หากมีผู้ช่วย ถ้าไม่มีผู้ช่วยได้16% ก็ไม่เคยได้สักบาทจนฝ่ายบุคคลมาขอโทษที่สาขาพร้อมแจ้งว่าสื่อสารผิดพลาดซึ่งตรงนี้ดิฉันเสียใจมากเพราะได้ปฏิเสธอีกธนาคารนึงไปแล้ว และก่อนที่จะมาทำที่สีเหลืองทางผอ.ได้แจ้งว่าจะให้ดิฉันลงสาขาในห้างเพราะดิฉันไม่เคยปฏิบัติงานสาขานอกห้าง แต่ให้รอสาขาใหม่เปิด จึงให้ดิฉันไปลงสาขาปกติไปก่อนช่วงระหว่างที่ทดลองงานดิฉันทำตัวเลขได้ในระดับนึง  ทำคะแนนสาขาผ่านทุกเดือนค่ะ แต่ตลอดเวลาทางผู้จัดการภาคมักจะมาบอกกับดิฉันเสมอว่าถ้าน้องไม่มีประกันจะมีปัญหาในการปลดทดลอง พอทำประกันได้ ก็มาบอกว่าถ้าไม่มีสินเชื่อธุรกิจจะมีปัญหาในการปลดทดลอง ดิฉันก็ทำตัวเลขมาได้ พอผ่านพ้น4เดือนตามกฎหมายแรงงาน ทางผู้จัดการภาคก็เรียกดิฉันเข้าพบแล้วให้เซ็นต์เอกสารและบอกว่าพี่ปลดทดลองให้เรียบร้อยแล้ว ดิฉันก็คิดว่าจบแล้ว พอวันรุ่งขึ้นผู้จัดการภาคโทรเรียกดิฉันไปพบด่วนดิฉันรีบไป เขาให้เซ็นต์ใหม่อีกรอบเพราะมีการเปลี่ยนแปลงตัวเลข  แต่ไม่มีคำอธิบายใดๆจากทางภาคแม้แต่คำเดียว  ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ที่องค์กรนี้ สุดท้ายคือทางผอ.มาบอกว่าตัวเลขไม่ได้ทางผู้ช่วยกรรมการฯคุณปู กนกวรรณต้องให้ดิฉันไปหาเงินฝากมาเพิ่ม ไม่เข่นนั้นทางผู้ช่วยกรรมการคุณปู กนกวรรณจะไม่เซ็นต์ปลดทดลองให้ทั้งๆที่เงินฝากสาขาได้ตามเกณฑ์คือผ่านแล้ว  มาตอนหลังที่ทางธนาคารระดมเงินฝากจึงเกิดเป้าเฉพาะกิจขึ้นอีก 60 ล้านบาท ดิฉันงงกับการทำงานของธนาคารกรุงศรีมาก ตั้งแต่เข้าไปทำงานเรียกประชุมบ่อยมากตั้งแต่บ่ายโมงยันสองทุ่ม และเรียกปลีกย่อยอีกมากมาย เสาร์อาทิตย์ให้เดินตลาด เลยไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงกินเวลาของพนักงานได้มากมายขนาดนี้ ดิฉันนัดลูกค้าซึ่งไปตรงกับวันที่ทางภาคเรียกประชุมดิฉันโดนต่อว่าว่าทำไมไม่เลื่อนลูกค้า อ้าววว...ลูกค้ากว่าจะนัดได้ และรายนี้เขาให้ยอดเราแน่ๆดิฉันเลยขออยู่รอลูกค้าและในที่สุดก็สำเร็จได้ยอดมา แต่ดิฉัน ก่อนที่ดิฉันจะเข้าทำงานที่กรุงศรีได้อ่านวิสัยทัศน์ของธนาคารแล้วก็รู้สึกพอใจว่าลูกค้าเป็นคนสำคัญแต่พอเอาเข้าจริงๆมันไม่ใช่เลยดิฉันโดนตำหนิ ลูกค้าไม่มีเราเขายังมีคนอื่นคอยดูแล แต่ถ้านายไม่เอาเราเราจะไม่มีที่ทำงาน สโลแกนที่พี่ๆที่เขาอยุ่มาก่อนแอบมากระซิบบอกดิฉัน อึ้งค่ะ สรุปคือก็โดนบีบให้ลาออก ยอดสาขาติดลบเงินฝากสองร้อยกว่าล้าน มันต้องใช้เวลาค่ะ ในที่สุดก็จบลงที่ลาออก มันคือฝันร้ายที่งงมาก และเสียใจมาก เพราะดิฉันทุ่มเทกับที่นี่มาก ผิดหวังที่สุด  ผิดหวังกับการบริหารของทางภาคมาก ให้เรียนรู้งานกับทางผู้ช่วยบริการและตลาดทั้งๆที่พนักงานดังกล่าวทำผิด Market Conduct เยอะมาก และมิหนำซ้ำยังให้ดิฉันช่วยดันตัวเลขผู้ช่วย ABM เพื่อขึ้นตำแหน่งดิฉันจึงโทรไปปรึกษาทางคุณพงษ์อนันต์เลขารับเรื่องแต่ไม่คืบหน้า ก็ไม่เป็นไรค่ะแค่ก้าวออกมาเท่านั้น เพื่อไปในทางที่ดีกว่า...อีกเรื่องคือทางธนาคารมีการจัดงานเอนเกท มีเอกสารให้พนักงานทุกคนเซ็นต์เพื่อทางภาคจะนำไปเบิกสนง.ญ..แต่ที่สงสัยคือทางภาคมาเก็บเงินค่างหากกับผู้จัดการสาขาอีกคนละ3,000.-ดิฉันก็งงๆแต่เพราะดิฉันมาทีหลังเลยไม่มีปากเสียงก็ยอมจ่ายๆไปเพราะไม่อยากมีปัญหาค่ะ...เงินเท่านี้ไม่มีปัญหาค่ะแต่แค่คาใจค่ะ.ดิฉันออกมาเพราะไม่ชอบใจการบริหารออกมาแบบคาใจมากซึ่งไม่มีคำตอบให้ดิฉันว่าทำไมต้องให้เซ็นต์เอกสารสองรอบ ทำไมไม่มีคำอธิบายใดๆจากภาคว่าทำไมถึงเปลี่ยนคัวเลข ทำไมจึงต้องเรียกประชุมมากมายจนไม่มีเวลาไปพบลูกค้า ทำไมลูกค้าถึงไม่เป็นคนสำคัญตามแบบวิสัยทัศน์ที่ทางกรุงศรีกล่าวไว้ ออกมามีแต่คำถามค่ะ..รบกวนผู้ทราบช่วยตอบทีค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่