ปลายฝนต้นหนาว ดูดาวนอนอุ่น 7 จุดกางเต็นท์ ไม่ไกลเมืองกรุง !!! EP1 ขี่ YAMAHA LEXI 125 VVA ขึ้น “ห้วยคอกหมู” ราชบุรี


ปลายฝนต้นหนาว ดูดาวนอนอุ่น 7 จุดกางเต็นท์ ไม่ไกลเมืองกรุง !!!
EP1 “ห้วยคอกหมู” ราชบุรี

ค่าเดินทางสำหรับมากางเต็นท์  น้ำมันรถไปกลับ  300 บาท ค่ากางเต็นท์ ฟรี ใส่ตู้บริจาค 40 บาท อาหารนำมาเอง 100 บาท  


เริ่มออกเดินทาง !!!
ลมหนาวพัดโชยมาแล้ว หลังฝนสุดท้ายที่เพิ่งหมดไปหมาดๆ  มันเหมือนเสียงระฆังที่ดังลั่นบอกเวลา ฤดูออกทริปของเรามาแล้ว สำหรับทริปแรกของฤดูเราก็เอาแบบชิลๆ ไปสะดวก กลับสบาย นอนพักนั่งเล่นสักคืน ไม่ไกลเมืองกรุงแล้วกัน วันนี้ผมจะพาเพื่อนๆไปเที่ยวจังหวัดราชบุรี อำเภอสวนผึ้ง ณ จุดชมวิว “ห้วยคอกหมู” สุดเขตชายแดนไทย-พม่า เดินทางกันด้วยรถมอเตอร์ไซค์สบายๆ เลี้ยวง่ายจอดง่าย แถมยังประหยัดตังค์ในกระเป๋าด้วย !!!


เส้นทางที่ใช้ก็ไม่ยาก วิ่งออกเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 338 ถนนบรมราชชนนี มุ่งหน้านครชัยศรี มองป้ายนครปฐม กับป้ายราชบุรีเอาไว้ จนถึงแยกห้วยไผ่ จากนั้นมองป้ายสวนผึ้งเอาไว้ วิ่งตรงไปทางเขากระโจม แล้วมองหาป้ายบ้านบ่อหวี ทางขึ้นห้วยคอกหมู จะเลยน้ำตกบ่อหวีไปประมาณ 1 กิโลเมตร


แวะชมศิลปะร่วมสมัย !!!

ระหว่างทางริมน้ำที่ผมเข้ามาหาร้านคอฟฟี่ช๊อฟ ตรงตลาดเก่าโคยกี๊ ราชบุรี ก็ได้เห็นมุมกำแพงมุมหนึ่ง ถูกลงสีวาดลวดลายกราฟิตี้เอาไว้อย่างสวยงาม มันเป็นกำแพงตึกแถวโบรานราวๆ 10 คูหาเห็นจะได้ บนกำแพงมีภาพวาดคล้ายๆกับผลงานศิลปะของเด็กชั้นประถม ไม่ได้หมายถึงว่าฝีมือแบบเด็กประถมนะ คือผมก็เรียกไม่ถูกว่ามันเรียกว่าอะไร แต่มองดูแล้วมันรู้สึกมีชีวิตชีวา สดใสดี เลยขอแวะแอบถ่ายรูปมาให้เพื่อนๆดูสักหน่อย แล้วค่อยเดินทางต่อ แต่ทว่าพอเลี้ยวรถออกมาจากมุมนั้นเพียงนิดเดียว ก็มาเจอะกับรูปปั้นขนาดมหึมา เป็นรูปปั้นคนกำลังนั่งกอดเข้า หันหน้าออกไปทางแม่น้ำแม่กลอง  แน่นอนว่าก็ไม่พ้นที่จะต้องจอดรถแวะถ่ายภาพกันอีกครั้ง และจะบอกว่าตลอดริมน้ำเราจะได้เจอะกับศิลปะอีกหลายชิ้นที่ตั้งเอาไว้เป็นจุดๆตลอดทาง รวมไปถึงร้านค้ามากมายทั้งแบบที่เป็นแนวโมเดิล และแบบออริจินัล







เราวิ่งตรงมาเรื่อยๆจนเลยใต้สะพานทางรถไฟ ผมสะดุดตากับร้านกาแฟร้านหนึ่ง ที่หน้าร้านเต็มไปด้วยต้นไม้แขวนลอยลงมาจากหลังคา ร้านนี้มีชื่อว่า “Cafe Society ราชบุรี” เอาหละผมเลือกร้านนี้ ภายในร้านจัดโตะเอาไว้หลายแบบ มีทั้งโซฟา เก้าอี้ไม้ และเค้าท์เตอร์ที่หันหน้าออกหน้าร้าน ภายในร้านประดับด้วยตุ๊กตาโมเดลเล็กๆ บรรยากาศแบบสบายๆ ร้านนี้มีทั้งกาแฟสดหอมๆ และอาหารกลางวันบริการ ด้วยเวลาที่เข้ามาเป็นเวลาใกล้เที่ยง จะมีพนักงานบริษัทแวะเวียนเข้ามาทานอาหารอยู่ตลอด







เข้าสู่สวนผึ้ง !!!

    จากตัวเมืองราชบุรีก็อีกไม่ไกลแล้วสำหรับ อำเภอสวนผึ้ง เราวิ่งออกมาสู่ถนนสาย 4 ทางเดิม วิ่งตรงไปอีกทางเข้าทางแยกห้วยไผ่ เส้น 3208  จากตรงนี้มีป้ายบอกทางไปสวนผึ้งชัดเจน  จากนั้นเราวิ่งตรงไปอีกสักพักผ่านร้านอาหารและสถานที่ท่องเที่ยวมากมายแต่ผมมาสะดุดตาอีกรอบก็ตรงรั้วสังกะสีเก่าๆ ที่เปิดอยู่มองเข้าไปด้านในดูเหมือนปั๊มน้ำมันโบรานในยุค70’s-80’s  ลองวนเข้าไปดูสักหน่อย ภายในนี้มีของเก่ามากมายก่ายกองวางอยู่อย่าเป็นระเบียบ ทั้งรถมอเตอร์ไซค์รุ่นเก่า หมวกกันน็อคชื่อดังมากมาย และป้ายต่างๆอีกเพียบ เงยหน้ามองขึ้นไปเห็นป้ายชื่อร้าน 3208 Garage มันคือร้านอาหารสไตล์วินเทจในแบบฉบับโลกของสองล้อ แน่นอนว่าผมแวะทานอาหารกลางวันที่นี่









จากนั้นก็เดินทางต่ออีกหน่อยราวๆ 11 กิโลเมตรไปทางจุดชมวิวเขากระโจม มาถึงตรงนี้มีป้ายบอกแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ไม่ต้องกลัวหลง ผมแวะเติมน้ำมันอีกครั้งเพื่อความชัวร์ ถึงแม้ว่าน้ำมันยังไม่หมดก็ตาม ในที่สุดเราก็มาถึง ทางขึ้นจุดชมวิวเขากระโจม แต่ตรงนี้ไม่ใช้จุดหมายของเรา อีก 14 กิโลเมตร เราต้องวิ่งต่อไปตามป้าย บ้านบ่อหวี เลยทางขึ้นน้ำตกบ่อหวีไปไม่ถึงกิโลเมตร เราก็มาถึงป้ายทางขึ้นจุดชมวิว “ห้วยคอกหมู”  

ถึงเวลาแอดเวนเจอร์ !!!

ระยะทางเพียง 6 กิโลเมตร สำหรับทางขึ้น “ห้วยคอกหมู” จากตรงนี้จะเป็นทางดินทั้งหมด ช่วงแรกค่อนข้างจะสาหัสสักหน่อย เพราะว่าเป็นทางดินปนกับโขดหินผสมกัน แต่สำหรับรถออโตเมติกผมว่ามันขึ้นง่ายกว่ารถเกียร์นะ เพราะรอบมันไม่จัดจ้านเท่า ก็ไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ จนพ้นช่วงแรกมาก็จะเป็นทางลูกรังมีร่องรอยของรถออฟโรดวิ่งเป็นร่องทางยาว เพิ่มความยากในการขึ้นนอกจากแค่ความชัน แต่สุดท้ายเราก็ขึ้นมาถึงจนได้ และต้องตกใจเพราะว่าวันที่ผมมาถึงนั้น ไม่มีนักท่องเที่ยวอยู่บนนี้เลยสักคน ทางด้านซ้ายมือจะเป็นจุดชมวิวถ่ายภาพฝั่งเมืองพม่า และด้านขวามือจะเป็นเนินเฮลิคอปเตอร์ และตรงนั้นคือจุดที่เราจะมากางเต็นท์นอนกัน  








สายลมหนาวเคล้ารุ้งกินน้ำ !!!
แสงแดดสีทองจากทิศตะวันตก สาดส่องกระทบกับสายฝนอีกด้านของภูเขาก่อให้เกิดเป็นรุ่งกินน้ำแสนสวยงามให้เราได้ชมผสมกับลมหนาว นับว่าเป็นอะไรที่คุ้มค่ากับช่วงเวลาที่สุด  จะต้องเดินทางมากี่รอบเราถึงจะได้เห็นความสวยงามแบบนี้สักครั้ง !!!  ด้านบนนี้มีเจ้าหน้าที่ ตชด. คอบดูแดความเรียบร้อย พร้อมกับห้องน้ำบริการ ด้านหน้าจะมีตู้บริจาคอยู่เราก็ช่วยกันตามอัธยาศัย ผมเตรียมจัดแจงแต่งเต็นท์และอาบน้ำอย่างรวดเร็วก่อนที่ความหนาวของจริงจะมาถึงหลังพระอาทิตย์ตก  บนนี้ไม่มีร้านค้าหลังการสอบถามคือเขากำลังทำการปรับปรุงพื้นที่ร้านค้าใหม่อยู่ ทำให้สำหรับใครที่จะขึ้นมาบนนี้ต้องเตรียมตัวเรื่องอาหารการกินมาให้พร้อม ส่วนของผมไม่ต้องถาม !!! บะหมี่แน่นอน





ดาวขึ้นหมอกลง !!!

พระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า แสงไฟในตัวเมืองส่องสว่างมากขึ้น ผมนำกล้องขึ้นมาเพื่อรอถ่ายถาพ ระหว่างรอกลุ่มดาวมารวมตัวกันจนครบ ผมก็เก็บภาพไปพลางๆ อากาศก็เริ่มเย็นลงพร้อมกับความชื่นที่เยอะขึ้น มองไปบนของเต็นท์ผมเห็นไอน้ำก่อตัวกันชุดใหญ่ และเมื่อเงยหน้ามองท้องฟ้าอีกรอบ สิ่งที่ผมเห็นคือสายหมอกที่กำลังลอยลงต่ำมาหาเรา แต่นี่เพิ่งจะสามทุ่มเองนะ !!! ผมตัดสินใจเก็บของเข้าในเต็นท์ และรอลุ้นว่าคืนนี้เราจะได้ถ่ายดวงดาวกันหรือไม่ รอจนเผลอหลับไป ตื่นมาอีกที่ก็ตี 5 โผล่หน้าออกมามองนอกเต็นท์ ไม่เห็นอะไรเลย รอบตัวผมมีแต่หมอกหนาจัด มีเพียงแสงแดดยามเช้าที่พอทำให้รู้ทิศทางเท่านั้น  อากาศตอนนี้กำลังดีเย็นสบายไม่หนาวจนถึงกระดูก ผมออกมานั่งดื่มกาแฟที่เตรียมมาและนั่งปล่อยอารมณ์ให้ล่องลอยปะปนสายหมอก ราว ๆ 10 โมงหมอกบนนี้ถึงจะจางลง ผมไม่รีบร้อนอะไรเพราะเวลามีเหลือมากมายสำหรับเดินทางกลับ ที่ด้านบนหลังบ้านพัก ตชด. ยังมีจุดชมวิวฝั่งเมืองพม่าที่สามารถมองได้ถึง 180 องศา













หลังจากเราเสพธรรมชาติกันจนอิ่ม ก็ต้องขอลาจาก “ห้วยคอกหมู” แต่ก่อนจะกลับผมแวะไปทักทายพี่ๆ ตชด.เพราะเมื่อคืนผมอาศัยไฟฟ้าในการชาร์ทแบตโทรศัพท์ พี่ๆทุกคนใจดีมากและเป็นกันเองที่สุด บอกเลยว่ามันคุ้มค่ามากกับการมาในครั้งนี้

ค่าเดินทางสำหรับมากางเต็นท์  น้ำมันรถไปกลับ  300 บาท ค่ากางเต็นท์ ฟรี ใส่ตู้บริจาค 40 บาท อาหารนำมาเอง 100 บาท  











ขอบคุณที่รับชมมาถึงตรงนี้ครับ มือใหม่หัดเที่ยว หากขาดตกบกพร่องตรงไหนแนะนำได้เลยครับ รอบหน้ารับรองสนุกไม่แพ้กันครับกับ EP 2 เร็วๆนี้
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่