Bohemian Rhapsody 2018


สำหรับข้าพเจ้า Freddie Mercury เป็นตำนานที่ยังมีชีวิต โลดแล่นอยู่ในความทรงจำ เสมอมา และตลอดไป

หลังจากได้ดู trailer "Bohemian Rhapsody" บอกตามตรงว่ามีความรู้สึกกล้าๆกลัวๆ ไม่อยากรู้อะไรมากไปกว่าที่รู้จัก Freddie อยู่แล้ว เกรงว่านักแสดงนำ Rami Malek ที่โดนจับมาแต่งหน้า + ใส่ฟันปลอมจนคล้าย Freddie จะทำให้หงุดหงิด เพราะจะว่าไป Malek ก็แค่คล้าย ไม่ได้เหมือน Freddie เท่าไหร่
แต่ฉากแรกที่ปรากฏบนจอ กล้องถ่าย long take ไปจากด้านหลัง เป็นฉากที่ Freddie วอร์มอัพตัวเอง ก่อนขึ้นคอนเสิร์ท Live Aid ในปี 1975 ท่าทาง การเดิน อิริยาบถต่างๆ ได้ถูก Rami Malek จำลองออกมาจนเหมือน Freddie อย่างน่าขนลุก
... นับเป็นฉากเปิดเรื่องที่ดีมากๆฉากหนึ่ง

ข้าพเจ้าเริ่มฟัง Queen ในช่วงมัธยมปลาย และฟังมาแล้วแทบจะทุกอัลบั้ม
ในยุคนั้น เราจะหาอ่านเรื่องราวต่างๆของนักร้อง/วงดนตรีที่ชอบได้ก็เฉพาะจากใน หนังสือพิมพ์ หรือนิตยสาร ความทรงจำในเรื่องราวส่วนตัวต่างๆของนักร้องนักดนตรี จึงมีลักษณะของการปะติดปะต่อ โน่นนิด นี่หน่อย ไม่ได้ลงลึกไปถึงเรื่องส่วนตัวอะไรมากมาย จำได้แค่ว่า กำลังดังๆ อยู่ดีๆ Freddie Mercury ก็มาออก Solo Album - Mr. Bad Guy กับค่าย CBS หลังจากนั้นก็ทราบว่า พี่แกเป็นเอดส์ แล้วก็มาขึ้นเวที Live Aid ในปี 1985 ซึ่งประสบความสำเร็จแบบสุดๆ จนนำไปสู่ Queen : Live at Wembley อันลือลั่นในปี 1986
ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้เลยว่า สองคอนเสิร์ทนี้เป็นโชว์ที่อมตะของ Queen
หลังจากนั้น พี่แกก็ค่อยๆผอมลงๆ ในไม่กี่อัลบั้มหลังๆ จนเสียชีวิตในปี คศ. 1991

Bohemian Rhapsody เล่าเรื่องราวชีวประวัติของ Freddie Mercury อย่างละเอียด ตั้งแต่ช่วงที่ยังไม่มีใครรู้จัก ครอบครัว ภูมิหลัง ชื่อสกุลเดิม จากวงดนตรีเล็กๆจนพบความโด่งดัง รุ่งโรจน์ มิตรภาพ รักแรกพบ การค้นพบตัวเอง เซ็กส์ ปาร์ตี้ เหล้า และยาเสพย์ติด ความอ่อนไหวที่มีอยู่ร่วมกับความมั่นใจที่ล้นเกินในศักยภาพของตัวเอง ความลุ่มหลงลำพองในชื่อเสียง จนนำมาซึ่งก้าวย่างที่ผิดพลาด การสำนึกผิด และโอกาสในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ที่มาพร้อมกับมัจจุราชที่ชื่อ Aids

ด้วยสไตล์การเล่าเรื่องที่ตรงไปตรงมา ไม่ประนีประนอม ทั้งขาว ดำ เทา ก็เลยทำให้คนดูสามารถมองเห็น และทำความเข้าใจ Freddie Mercury ในแง่มุมที่อาจจะไม่เคยได้รู้มาก่อน

หนังเดินเรื่องเป็นเส้นตรงไปข้างหน้าด้วยจังหวะที่น่าสนใจ เป็นหนังอัตชีวประวัติที่ดูไม่น่าเบื่อ ฉากเบื้องหลังการแต่งเพลง Bohemian Rhapsody ถูกนำมาตีแผ่ให้ได้เห็นกันอย่างละเอียด และสนุกสนานเอามากๆ (ชอบจริงๆ)
การเลือกใช้เพลงต่างๆในคลังของ Queen ก็ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ (แน่นอน - ข้าพเจ้าย่อมร้องได้+กระทืบเท้าตามเพลงไปด้วย 5 5 5)

และที่ชอบมากๆ คือ บทสนทนาทั้งหลายทั้งปวงในเรื่อง ที่สะท้อนบุคลิคของตัวละครทั้ง 4 ในห้วงเวลาต่างๆได้อย่างมีเสน่ห์ โดยเฉพาะมิตรภาพที่แนบแน่นเอามากๆ จนอดนํ้าตาซึมตามไปด้วยไม่ได้ในฉากท้ายๆ

นอกจากนั้น คนดูยังสามารถรู้สึกถึงความรักที่ Freddie มีให้กับ Mary Austin ที่เป็นรักแรกของเขา ในขณะเดียวกับที่ในไม่กี่ฉากหลังจากนั้น ก็เชื่อได้ว่า Freddie เป็นเกย์ที่ยังคงรัก Mary และมีเธอเป็นคนพิเศษเสมอมา แม้จะเหลือเพียงความเป็นเพื่อนรัก

ที่ต้องชมอีกเรื่อง คือ การ cast นักแสดงอีก 3 คนที่มารับบท Brian May (ลีดส์กีตาร์) Roger Tayler (กลอง) John Deacon (เบส) ทั้ง 3 คนนี้คล้ายตัวจริงมากกว่า Rami Malek คล้าย Mercury ซะอีก โดยเฉพาะ Gwilym Lee ที่เล่นเป็น Brian May - เหมือนมากๆ เหมือนจนขนลุก - นึกว่าป๋า Brian May มาเล่นเอง - ทั้ง 3 คนนี้เล่นได้เข้าขากันดีมาก เล่นดีอย่างไร ต้องไปดูกันเอง

บรรยายย้วยมาซะยืดยาวปานนี้ คงไม่มีค่าอะไร หากอ่านแล้วไม่ได้ดูหนัง เพราะฉะนั้น ขอยืนยันสั้นๆว่า นี่คือหนังที่คนที่รัก Queen ต้องดู

และที่สำคัญ ภาพยนตร์ Bohemian Rhapsody ปิดท้ายด้วยเพลงที่ข้าพเจ้าชอบมากที่สุดของ Queen เล่นเอาน้ำตาไหล อยากรู้ว่าเป็นเพลงอะไรต้องไปดูในโรงหนัง

เอาไปเลย 5 หัวใจ ♥♥♥♥♥


ปล. 1 ถ้าจะให้ดี ควรดูคลิป Live Aid ในปี 1985 มาดูก่อนเดินเข้าโรงหนัง จะฟินมากครับ (y)
ปล. 2 สำหรับ น้องๆ หลานๆ ที่ยังไม่รู้จัก Queen และ Freddie Mecury ภาพยนตร์เรื่องนี้คงเป็น introduction ที่ดี ที่จะนำไปสู่การได้ลองฟังเพลงของ Queen วงดนตรีที่ไม่มีใครเหมือน ไม่เหมือนใคร
หลายเพลงของ Queen มีความเป็นอมตะ ข้ามผ่านกาลเวลา ยังมีความทันสมัยอยู่เสมอ ได้ฟังกี่ครั้งก็ยังชอบ