"ปรับปรุงโครงสร้างหนี้" มันเลวร้ายมากเลยเหรอครับ

ผมทำงานรับราชการซึ่งหน่วยงานที่ผมทำงานมีการจัดทำ MOU กับธนาคารกรุงไทยเพื่อให้ข้าราชการมีสิทธิในการขอสินเชื่อสำหรับข้าราชการเพื่อเป็นสวัสดิการของหน่วยงาน โดยใช้ข้าราชการที่ทำงานในหน่วยงานเดียวกันเป็นผู้ค้ำประกัน ซึ่งให้วงเงินสินเชื่อสูงสุดไม่เกินสองล้านบาท กรณีขอสินเชื่อสองล้านบาทผู้ขอสินเชื่อต้องมีเงินเดือนไม่น้อยกว่า 25,000 บาทต่อเดือน (ผมได้รับเงินเดือนเดือนละ 27,560 บาท)  และต้องมีคนค้ำประกัน 2 คน (ซึ่งผมก็ให้เพื่อนค้ำให้เพราะผมค้ำประกันสินเชื่อให้เพื่อนไว้ทั้งสองคนเพียงแต่ตอนนั้นผมยังไม่ได้ยื่นขอสินเชื่อ) โดยการชำระคืนเงินกู้ หน่วยงานต้นสังกัดจะหักจากบัญชีเงินเดือนของผู้กู้จ่ายให้ธนาคารกรุงไทยก่อน เงินที่เหลือจากยอดชำระเงินกู้จึงจะเข้าบัญชีเงินเดือนของข้าราชการผู้นั้น (ผมได้สอบถามยอดที่ต้องชำระคร่าวๆจาก จนท.ฝ่ายสินเชื่อ โดยยอดชำระต่อเดือนประมาณ 18,000 - 19,000 บาท ต่อเดือน ระยะเวลาการชำระสินเชื่อ 20 ปี) ผมจะมีเงินเหลือเข้าบัญชีเงินเดือนประมาณ 9,000 - 10,000 บาท (ที่ผมขอยอดเงินกู้สองล้านบาทเพราะยอดนี้จะปิดหนี้ทั้งหมดที่ผมมีอยู่โดยที่ทางธนาคากรุงไทยจะเป็นผู้ดำเนินการหรือตรวจสอบการปิดหนี้อื่นๆของผู้กู้ซึ่งตอนยื่นขอกู้ผมต้องทำหนังสือให้ธนาคารดำเนินการชำระหนี้อื่นๆของผมที่มีอยู่ให้หมด) เท่ากับว่าผมจะเป็นลูกหนี้ธนาคารกรุงไทยเพียงที่เดียว ธนาคารก็ไม่มีความเสี่ยงเกี่ยวกับการชำระหนี้เพราะหน่วยงานที่ผมทำงานจะหักจากเงินเดือนเพื่อส่งให้กรุงไทยก่อนที่เงินเดือนที่เหลือจะเข้าบัญชีของผม ผมเคย "ปรับปรุงโครงสร้างหนี้" ครับ ของธนาคารออมสินเมื่อประมาณเดือน พ.ย.2558 (ผมทำหนังสือขอให้ธนาคารกรุงไทยปิดยอดบัญชีของธนาคารออมสินยอดนี้ด้วยครับ) แต่ปัจจุบันชำระเป็นปกติ ผมยื่นกู้สินเชื่อสวัสดิการของธนาคารกรุงไทยไปแล้ว 3 รอบ กู้รอบแรกผลคือไม่อนุมัติต้องรออีก 6 เดือนถึงจะยื่นขอกู้ได้อีก ยื่นไปครั้งที่สองก็ไม่อนุมัติเหมือนเดิมครับก็ต้องรออีก 6 เดือน เพื่อขอกู้ใหม่ ผลเหมือนเดิมคือไม่อนุมัติ ระยะเวลาปีครึ่งกับการขอกู้สามครั้ง ผมลองถามเหตุผลจาก จนท. จนท.แจ้งว่าคงเพราะติดแบล็คลิสต์ ผมเข้าใจนะครับว่าธนาคารก็ต้องบริหารความเสี่ยง โดยเฉพาะกับผู้กู้ที่มีประวัติในการติดแบล็คลิสต์ แต่ตั้งแต่ก่อนผมขอยื่นกู้ครั้งแรก ช่วงกลางปี 2560 จนถึง ณ ขณะนี้ ประวัติการชำระหนี้ในเครดิตบูโรของผมสถานะ ปกติ มาตลอดแม้แต่หนี้ของธนาคารออมสินที่ผมเคยปรับปรุงโครงสร้างหนี้ก็แสดงสถานะ 10 - ปกติ เพียงแต่มีการแสดงวันที่ที่เคยปรับปรุงโครงสร้างหนี้ไว้ (แต่ผมจ่ายแบบปกติ คือ ไม่ขอปรับปรับโครงสร้างหนี้มาตั้งแต่ก่อนขอกู้กรุงไทยครั้งแรก) และการกู้แบบนี้ช่วยลดความเสี่ยงของธนาคารไปได้มาก เนื่องจากต้องปิดหนี้อื่นทั้งหมด การชำระเงินกู้ก็ให้หน่วยงานต้นสังกัดหักยอดที่ต้องชำระไปก่อนที่เงินเดือนจะเข้าบัญชี เพื่อนผมที่ได้รับอนุมัติเงินกู้ทางธนาคารก็ให้ทำประกันเอาไว้เพื่อคุ้มครองวงเงินนี้ในกรณีผู้กู้เป็นอะไรไป ซึ่งผมมองว่าดีเพราะหากเราเป็นอะไรไป คนค้ำ ครอบครัว ญาติพี่น้องก็ไม่ต้องรับภาระนี้ ผมอาจจะมีมุมมองคิดเข้าข้างตัวเองนะครับ แต่ผมมองว่าธนาคารกรุงไทยไม่มีความเสี่ยงกับการชำระคืนเงินกู้เพราะหักไปก่อนเงินเดือนจะเข้าบัญชี หากกรณีที่ผมเป็นอะไรไปก็มีเงินประกันที่ผมทำไว้เพื่อคุ้มครองเงินกู้ก้อนนี้ ตกลงผมควรจะยื่นขอกู้อีกมั้ยครับ??????? (ครั้งที่ 4) หรือมีใครพอจะทราบถึงวิธีการพิจารณาการขอสินเชื่อพอจะแนะนำว่าผมไม่ต้องขอกู้อีกแล้ว (เพราะยังไงก็ไม่อนุมัติ)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่