นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหการ บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู้ดแอนก์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายสาหร่ายแปรรูปภายใต้แบนเถ้าแก่น้อย เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดร้านในรูปแบบใหม่ภายใต้ เถ้าแก่น้อยแลนด์พลัส ขนาดพื้นที่ 150 ตร.ม. งบลงทุน 5-10 ล้านบาท โดยสาขาแรก ที่ศูนย์การค้าเซ็นเตอร์พอย์ ออฟ สยามสแควร์ ซึ่งถือเป็นสาขาต้นแบบ และถือเป็นการเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่จากเดิมเน้นลูกค้าคนไทย เป็นเน้นลูกค้าต่างชาติมากขึ้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ได้หลากหลายประเภท เป็นของดีที่ขึ้นชื่อของไทยที่เหมาะแก่การเป็นของฝากได้ครบจบในทีเดียว
ทั้งนี้ รูปแบบร้าน นอกจากจะมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทขนมที่เป็นหนึ่งในจุดขายหลักของร้านเถ้าแก่น้อยแลนด์สาขาปัจจุบันแล้ว ยังมีสินค้าของฝากของที่ระลึกต่างๆเพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว
โดยมีสินค้ามากกว่า 2,000 รายการ จากเดิมมีประมาณ 1,000 รายการ ซึ่งสินค้าหลัก 60% จะเป็นกลุ่มอาหาร โดยในจำนวนนี้ 20% จะเป็นสินค้าแบรนด์เถ้าแก่น้อยและเฮ้าส์แบรนด์ของร้าน ส่วนอีก 40% จะเป็นสินค้าอื่นๆ ซึ่งจะประกอบไปด้วยสินค้าในกลุ่มสุขภาพ สปา บำรุงผิว กลุ่มสมุนไพร เช่น ยาดม ยาหม่อง ซึ่งเป็นกลุ่มที่ขายดีที่สุดในแง่ของปริมาณ ตลอดจนยังมีของฝาก ของที่ระลึกต่างๆ อาทิ สิ่งทอ พวงกุญแจ หรือที่นอนยางพารา เป็นต้น ส่วนราคาก็จับต้องได้ด้วยเช่นกัน
พร้อมกันนี้ บริษัทได้เปิดตัว เบลล่า-ราณี แคมเปน นักแสดงสาวชื่อดังมาเป็นพรีเซนเตอร์เถ้าแก่น้อยแลนด์ด้วย โดยใช้งบประมาณ 20 ล้านบาท เนื่องจากมีความเป็นไทย และมีชื่อเสียงในต่างประเทศทั้งเอเชีย และจีน ซึ่งจะทำให้เถ้าแก่น้อยแลนด์ได้เป็นที่รู้จักในเอเชียมากขึ้น และน่าจะเติมเต็มความน่าเชื่อถือมากขึ้น
“ขณะเดียวกันเราต้องการให้ลูกค้าอยู่ในร้านนานและใช้จ่ายเพิ่มขึ้น อย่างร้านเถ้าแก่น้อยแลนด์รูปแบบเดิม ลูกค้าจะใช้เวลาเฉลี่ย 20 นาที มียอดใช้จ่ายต่อบิล 400-500 บาท แต่หลังจากทดลองเปิดเถ้าแก่น้อยแลนด์พลัสได้ 2 เดือน ยอดใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 600 บาท ซึ่งบริษัทมีเป้าหมายที่ใหญ่กว่านั้น คือ ให้ลูกค้าใช้เวลาในร้าน 30-60 นาที และ มียอดใช้จ่ายต่อบิล 800-1,000 บาท โดยในอนาคตวางแผนที่จะทำเพิ่ม คีออสขายอาหารปรุงสดในร้าน ซึ่งจะเป็นอาหารไทย บางเมนูจะใช้สาหร่ายมาเป็นส่วนประกอบด้วย ส่วนจำนวนโต๊ะภายในร้านจะเป็นโต๊ะประมาณ 10-15 ที่นั่ง”
นายอิทธิพัทธ์ กล่าวว่า บริษัทวางแผนขยายร้านเถ้าแก่น้อยแลนด์ภายใน 4 ปีนี้ อีก 100 สาขา ใช้งบลงทุนทั้งหมด 150-200 ล้านบาท แบ่งเป็นร้านมินิกับขนาดปกติ 60 สาขา ที่เหลือ 40 สาขาจะเป็นเถ้าแก่น้อยพลัส โดยจะไปในทำเลที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลัก ทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองท่องที่ยว เป็นหลัก
https://www.khaosod.co.th/economics/news_1763287 
ผุดเถ้าแก่น้อยแลนด์พลัส ปั้นโมเดลร้านขายของฝากทัวริสต์ พร้อมคว้า ‘เบลล่า’ เป็นพรีเซ็นเตอร์
ทั้งนี้ รูปแบบร้าน นอกจากจะมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทขนมที่เป็นหนึ่งในจุดขายหลักของร้านเถ้าแก่น้อยแลนด์สาขาปัจจุบันแล้ว ยังมีสินค้าของฝากของที่ระลึกต่างๆเพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว
โดยมีสินค้ามากกว่า 2,000 รายการ จากเดิมมีประมาณ 1,000 รายการ ซึ่งสินค้าหลัก 60% จะเป็นกลุ่มอาหาร โดยในจำนวนนี้ 20% จะเป็นสินค้าแบรนด์เถ้าแก่น้อยและเฮ้าส์แบรนด์ของร้าน ส่วนอีก 40% จะเป็นสินค้าอื่นๆ ซึ่งจะประกอบไปด้วยสินค้าในกลุ่มสุขภาพ สปา บำรุงผิว กลุ่มสมุนไพร เช่น ยาดม ยาหม่อง ซึ่งเป็นกลุ่มที่ขายดีที่สุดในแง่ของปริมาณ ตลอดจนยังมีของฝาก ของที่ระลึกต่างๆ อาทิ สิ่งทอ พวงกุญแจ หรือที่นอนยางพารา เป็นต้น ส่วนราคาก็จับต้องได้ด้วยเช่นกัน
พร้อมกันนี้ บริษัทได้เปิดตัว เบลล่า-ราณี แคมเปน นักแสดงสาวชื่อดังมาเป็นพรีเซนเตอร์เถ้าแก่น้อยแลนด์ด้วย โดยใช้งบประมาณ 20 ล้านบาท เนื่องจากมีความเป็นไทย และมีชื่อเสียงในต่างประเทศทั้งเอเชีย และจีน ซึ่งจะทำให้เถ้าแก่น้อยแลนด์ได้เป็นที่รู้จักในเอเชียมากขึ้น และน่าจะเติมเต็มความน่าเชื่อถือมากขึ้น
“ขณะเดียวกันเราต้องการให้ลูกค้าอยู่ในร้านนานและใช้จ่ายเพิ่มขึ้น อย่างร้านเถ้าแก่น้อยแลนด์รูปแบบเดิม ลูกค้าจะใช้เวลาเฉลี่ย 20 นาที มียอดใช้จ่ายต่อบิล 400-500 บาท แต่หลังจากทดลองเปิดเถ้าแก่น้อยแลนด์พลัสได้ 2 เดือน ยอดใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 600 บาท ซึ่งบริษัทมีเป้าหมายที่ใหญ่กว่านั้น คือ ให้ลูกค้าใช้เวลาในร้าน 30-60 นาที และ มียอดใช้จ่ายต่อบิล 800-1,000 บาท โดยในอนาคตวางแผนที่จะทำเพิ่ม คีออสขายอาหารปรุงสดในร้าน ซึ่งจะเป็นอาหารไทย บางเมนูจะใช้สาหร่ายมาเป็นส่วนประกอบด้วย ส่วนจำนวนโต๊ะภายในร้านจะเป็นโต๊ะประมาณ 10-15 ที่นั่ง”
นายอิทธิพัทธ์ กล่าวว่า บริษัทวางแผนขยายร้านเถ้าแก่น้อยแลนด์ภายใน 4 ปีนี้ อีก 100 สาขา ใช้งบลงทุนทั้งหมด 150-200 ล้านบาท แบ่งเป็นร้านมินิกับขนาดปกติ 60 สาขา ที่เหลือ 40 สาขาจะเป็นเถ้าแก่น้อยพลัส โดยจะไปในทำเลที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลัก ทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองท่องที่ยว เป็นหลัก
https://www.khaosod.co.th/economics/news_1763287