สวนปาล์มโวย ทหารคุมเข้ม ชี้รัฐแก้ปัญหาไม่ถูกจุด
http://www.thansettakij.com/content/341112
นาย
สิทธิพร จริยพงศ์ รองประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ คนที่ 2 และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) เปิดเผยกับ
“ฐานเศรษฐกิจ” ว่าวันนี้ (วันที่ 1 พ.ย.61) จากมติที่ประชุมเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2561 ระหว่างแม่ทัพภาคที่ 4 และผู้ว่าราชการจังหวัดปาล์มที่ลานเทรับซื้อแล้วนำไปขายที่โรงงานคุณภาพไม่ถึง 18% ทางโรงงานจะคัดและยึดไว้ เพราะฉะนั้นเกษตรกรที่จะตัดปาล์มมาขายจะต้องให้สุกทุกทะลาย เป็นโครงการนำร่องของจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยจะให้ราคาที่ 3.40 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ราคาปาล์มผลปาล์มเมื่อวาน เปอร์เซ็นต์น้ำมันปาล์มเกษตรกรขายได้อยู่ที่ 3.20 บาทต่อกิโลกรัม
“ผลการประชุม กนป. ที่ประชุมได้สรุปมติ 4 ข้อ ได้แก่
1. ให้กระทรวงพลังงาน นำน้ำมันปาล์มในการผลิตกระแสไฟฟ้า จำนวน 1.6 แสนตันเพื่อลดปริมาณน้ำมันในสต็อก
2. ชดเชยให้การไฟฟ้า เนื่องจากต้นทุนการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยปาล์มราคาจะสูงกว่า
3.ให้คณะกรรมการจังหวัดว่าด้วยสินค้าและบริการ (กจร.)พิจารณาความเหมาะสมของราคาขั้นต่ำในการรับซื้อผลปาล์มดิบจากเกษตรกร
และ 4.แต่งตั้งอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามมติที่ประชุม”
ขณะด้านนาย
ชโยดม สุวรรณวัฒนะ ประธานชมรมคนปลูกปาล์มน้ำมัน จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ไม่จริงราคาน้ำมันปาล์ม เมื่อวาน 17% วันนี้บังคับให้ขาย 18% ก็ราคาเดียวกันก็คือ 3.30 บาทต่อกิโลกรัม แล้วการที่มีทหารเข้ามาคุม ดูแล ถามว่ามีความรู้ไหม แล้วมาสร้างความวุ่นวายด้วยการยึดปาล์มจากเกษตรกรราคาที่ขายได้ก็ไม่แตกต่างกัน การใช้อำนาจที่คัดและมายึดปาล์ม ใช้กฎหมายข้อไหนแล้วทราบได้อย่างไร ว่าผลปาล์มคุณภาพไม่ถึง 18% อยู่ทะลายไหน เพราะส่วนใหญ่ปาล์มที่ขายเป็นขายคละ แล้วกรณีที่ปาล์มเปอร์เซ็นต์มากกว่า 18% อาจจะได้ 19 หรือ 20% ขึ้นไปก็ไม่มีแม้แต่จะปรับราคาให้ แล้วอย่างนี้จะมีบีบคั้นและกดขี่เกษตรกรทำไม ราคาก็ไม่ได้ปรับขึ้น ขายได้เท่ากับราคาน้ำมันปาล์ม 17% ตั้งคำถามว่าช่วยนายทุนหรือเกษตรกร เกษตรกรเรียกร้อง
“ราคา” แต่กลายเป็นให้
“ทหาร” มาแทน มองดูว่าเป็นการกดขี่ไม่ถูกต้อง ผมถามว่ารัฐบาลทหารทำได้แค่นี้หรือ ถามว่าเกษตรกรจะอยู่ได้อย่างไร ยุติธรรมหรือไม่
ประกอบกับผลผลิตในช่วงนี้ยังไม่มาก เพราะราคาตกต่ำเป็นปีแล้ว ชาวสวนรายย่อยไม่มีเงินไปซื้อปุ๋ยบำรุง จนทำให้ร้านปุ๋ยเคมีภาคใต้ได้รับผลกระทบไปด้วย ยอดขายต่ำสุดในรอบ 30 ปี เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำมันปาล์มขวด 1 ลิตรในโมเดิร์นเทรดขายที่ขวดละ 42 บาท ทำไมผู้บริโภคถึงบริโภคน้ำมันปาล์มแพง ขณะที่ซื้อจากเกษตรกรขายขาดทุน ไม่สอดคล้องกัน พอเรียกร้องรัฐบาลไปเพื่อขอความเป็นธรรม กลับกลายเป็นว่ารัฐบาลส่งทหารมาคุมโรงงาน ใช้อำนาจเกินขอบเขตหรือไม่ สนับสนุนกลุ่มทุน แล้วจะอยู่กันอย่างไร
JJNY : สวนปาล์มโวย ทหารคุมเข้ม ชี้รัฐแก้ปัญหาไม่ถูกจุด / พิษปลากัดทำรมว.เกษตรฯฉุน เหตุถูกจวก'งมหอย-งมปู'
http://www.thansettakij.com/content/341112
นายสิทธิพร จริยพงศ์ รองประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ คนที่ 2 และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าวันนี้ (วันที่ 1 พ.ย.61) จากมติที่ประชุมเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2561 ระหว่างแม่ทัพภาคที่ 4 และผู้ว่าราชการจังหวัดปาล์มที่ลานเทรับซื้อแล้วนำไปขายที่โรงงานคุณภาพไม่ถึง 18% ทางโรงงานจะคัดและยึดไว้ เพราะฉะนั้นเกษตรกรที่จะตัดปาล์มมาขายจะต้องให้สุกทุกทะลาย เป็นโครงการนำร่องของจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยจะให้ราคาที่ 3.40 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ราคาปาล์มผลปาล์มเมื่อวาน เปอร์เซ็นต์น้ำมันปาล์มเกษตรกรขายได้อยู่ที่ 3.20 บาทต่อกิโลกรัม
“ผลการประชุม กนป. ที่ประชุมได้สรุปมติ 4 ข้อ ได้แก่
1. ให้กระทรวงพลังงาน นำน้ำมันปาล์มในการผลิตกระแสไฟฟ้า จำนวน 1.6 แสนตันเพื่อลดปริมาณน้ำมันในสต็อก
2. ชดเชยให้การไฟฟ้า เนื่องจากต้นทุนการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยปาล์มราคาจะสูงกว่า
3.ให้คณะกรรมการจังหวัดว่าด้วยสินค้าและบริการ (กจร.)พิจารณาความเหมาะสมของราคาขั้นต่ำในการรับซื้อผลปาล์มดิบจากเกษตรกร
และ 4.แต่งตั้งอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามมติที่ประชุม”
ขณะด้านนายชโยดม สุวรรณวัฒนะ ประธานชมรมคนปลูกปาล์มน้ำมัน จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ไม่จริงราคาน้ำมันปาล์ม เมื่อวาน 17% วันนี้บังคับให้ขาย 18% ก็ราคาเดียวกันก็คือ 3.30 บาทต่อกิโลกรัม แล้วการที่มีทหารเข้ามาคุม ดูแล ถามว่ามีความรู้ไหม แล้วมาสร้างความวุ่นวายด้วยการยึดปาล์มจากเกษตรกรราคาที่ขายได้ก็ไม่แตกต่างกัน การใช้อำนาจที่คัดและมายึดปาล์ม ใช้กฎหมายข้อไหนแล้วทราบได้อย่างไร ว่าผลปาล์มคุณภาพไม่ถึง 18% อยู่ทะลายไหน เพราะส่วนใหญ่ปาล์มที่ขายเป็นขายคละ แล้วกรณีที่ปาล์มเปอร์เซ็นต์มากกว่า 18% อาจจะได้ 19 หรือ 20% ขึ้นไปก็ไม่มีแม้แต่จะปรับราคาให้ แล้วอย่างนี้จะมีบีบคั้นและกดขี่เกษตรกรทำไม ราคาก็ไม่ได้ปรับขึ้น ขายได้เท่ากับราคาน้ำมันปาล์ม 17% ตั้งคำถามว่าช่วยนายทุนหรือเกษตรกร เกษตรกรเรียกร้อง “ราคา” แต่กลายเป็นให้ “ทหาร” มาแทน มองดูว่าเป็นการกดขี่ไม่ถูกต้อง ผมถามว่ารัฐบาลทหารทำได้แค่นี้หรือ ถามว่าเกษตรกรจะอยู่ได้อย่างไร ยุติธรรมหรือไม่
ประกอบกับผลผลิตในช่วงนี้ยังไม่มาก เพราะราคาตกต่ำเป็นปีแล้ว ชาวสวนรายย่อยไม่มีเงินไปซื้อปุ๋ยบำรุง จนทำให้ร้านปุ๋ยเคมีภาคใต้ได้รับผลกระทบไปด้วย ยอดขายต่ำสุดในรอบ 30 ปี เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำมันปาล์มขวด 1 ลิตรในโมเดิร์นเทรดขายที่ขวดละ 42 บาท ทำไมผู้บริโภคถึงบริโภคน้ำมันปาล์มแพง ขณะที่ซื้อจากเกษตรกรขายขาดทุน ไม่สอดคล้องกัน พอเรียกร้องรัฐบาลไปเพื่อขอความเป็นธรรม กลับกลายเป็นว่ารัฐบาลส่งทหารมาคุมโรงงาน ใช้อำนาจเกินขอบเขตหรือไม่ สนับสนุนกลุ่มทุน แล้วจะอยู่กันอย่างไร