ภาพยนตร์ Suspiria เป็นภาพยนตร์สยองขวัญที่มาจากไตรภาคของสามตำนานแม่มด The Three Mothers ได้แก่
ภาค 1 - Suspiria (1977)
ภาค 2 - Inferno (1980)
ภาค 3 - The Mother of Tears (2007)
ซึ่งถ้าถามว่าจำเป็นมั้ยที่จะต้องดูให้ครบทั้ง 3 ภาค มันก็ไม่จำเป็นเพราะแต่ละภาคมันจบในเรื่องเลย เพียงแต่ภาคอื่นๆ จะมีการกล่าวถึงแม่มดตนอื่นๆ และมีจุดเชื่อมโยงหากันบางส่วน
Suspiria (1977)

เป็นภาคแรกที่ถูกสร้างขึ้น โดยเป็นเรื่องราวของซูซี่ แบนเนี่ยน ได้เดินทางมาเพื่อเรียนบัลเล่ต์ยังสถาบันแห่งหนึ่ง แล้วไปพบเจอกับเรื่องแปลกประหลาดหลายอย่างภายในสถาบันแห่งนั้น โดยภาคนี้ เป็นภาคที่เด่นมากในเรื่องของภาพ การจัดแสงที่ดูโดดเด่น รวมไปถึงฉากต่าง ๆ ที่สร้างออกมาได้สวยงามมากในยุคนนั้น ส่วนฉากสยองขวัญก็ทำออกมาได้น่ากลัว เพียงแต่หากมาดูยุคนี้มันอาจจะดูปลอม แต่มันเป็นความปลอมที่ดูแล้วสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นเลือดที่ใช้ประกอบในฉากที่ดูคล้ายเหมือนน้ำเย็นตาโฟ หรือแม้แต่ฉากที่มีความรุนแรงมันก็ดูออกแบบชัดเลยว่านี่มันของปลอม เป็นต้น ในส่วนของเนื้อเรื่อง ดูง่ายไม่ซับซ้อน
Inferno (1980)

เป็นภาคสองของไตรภาค โดยเป็นเรื่องราวของโรส ที่ได้ไปเจอหนังสือ The Three Mothers และเธอก็ค้นพบว่าที่ที่เธออาศัยอยู่ เป็นบ้านของแม่มดตนหนึ่ง เธอจีงให้พี่ชายของเธอมาช่วยแต่แล้วเมื่อพี่ชายของเธอมาถึงก็พบว่าน้องสาวของตนได้หายตัวไป พี่ชายของโรสจึงต้องค้นหาความจริง พร้อมกับเผชิญหน้ากับบางสิ่งบางอย่างที่น่ากลัว โดยในภาคสองนี้จะให้ความรู้สึกต่างจากภาคแรกในเรื่องของบรรยากาศ สถานที่ แต่ในภาคนี้จะไม่ได้เด่นในเรื่องของงานภาพเท่ากับภาคแรกแต่ก็ยังคงความสวยงามไว้อยู่ เนื้อเรื่องดูง่ายไม่ซับซ้อน
The Mother of Tears (2007)

เป็นภาคสุดท้ายของไตรภาค โดยเป็นเรื่องของการขุดค้นพบหีบโบราณที่ฝังอยู่ใต้สุสาน แล้ววันนึงก็ได้มีคนมาเปิดหีบโบราณนั้น ซึ่งได้ปลดปล่อยแม่มดตนสุดท้ายออกมา ซึ่งในภาค 3 เป็นภาคที่ทำห่างจากสองภาคแรกพอสมควร งานภาพ องค์ประกอบต่างๆ เลยให้อารมณ์ไม่ต่างจากหนังสยองขวัญชวนแหว่ะในยุคปัจจุบัน ซึ่งภาคนี้เป็นภาคเดียวที่มีเนื้อหารุนแรง มีฉากโป๊ ตัวหนังดูง่าย แต่ถ้าจากความรู้สึก มันเป็นภาคที่ชอบน้อยที่สุดในไตรภาค
Suspiria (2018) ***เวอร์ชั่นรีเมค

เป็นการนำกลับมาสร้างใหม่ เดี๋ยวจะสรุปให้อ่านเป็นข้อๆ
- เนื้อเรื่อง+ดำเนินเรื่องเหมือนต้นฉบับแค่ 10% รายละเอียดปลีกย่อยที่เพิ่มมา รวมถึงอื่นๆ เป็นสิ่งที่ถูกตีความและเล่าใหม่หมดเลย แม้กระทั่งตอนจบของเรื่อง
- ฉากเด่นๆ รวมไปถึงตัวละครที่มีจากเวอร์ชั่นต้นฉบับจะไม่มีในเวอร์ชั่นรีเมค (มีกลับมาเฉพาะส่วนหลักๆ เท่านั้น) ซึ่งแน่นอนว่าจะไม่ได้เห็น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ฉากหมากัด ฉากหนอนหล่นในตำนาน พระเอก ตัวละครอื่นอย่างเด็ก หมาดำ คนตาบอด
- ในส่วนของงานภาพ ถึงแม้จะไม่ได้เล่นแสง สีแบบต้นฉบับ แต่ภาพในเวอร์ชั่นรีเมคนี้ถ่ายออกมาได้สวยงามมาก(ออกไปในทางอาร์ทๆ)
- ดนตรีประกอบ เด่นทั้งสองเวอร์ชั่น
- การดำเนินเรื่องหนัง จะแบ่งเป็นองค์ต่างๆ(แบ่งเป็นบท)
- ต้องอาศัยการตีความในการดูบางฉาก ถามว่าดูยากมั้ย ขอตอบเลยว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สุดๆ แต่คิดว่าถ้าได้ดูอีกรอบคงจะเข้าใจมากขึ้น
- ฉากตอนจบเป็นอะไรที่สยองสุดๆ เลือด หนองโผ จิมิโกะ จูมิโกะ ความรุนแรง มาเต็ม (เป็นฉากที่ดีสุดๆ แล้วก็หลอนสุดๆ)
- ตัวหนังสองชั่วโมงกว่า ซึ่งยาวพอสมควร แนะนำเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยและพักให้เต็มที่ เพราะบางช่วงอาจจะทำให้เกิดอาการง่วงได้
- มี End Credit 1 ตัว
แก้ไข /แก้คำผิด วรรคใหม่
[ย้อนรอย+รีวิวหนัง] Suspiria ปี 1977 และ ปี 2018 (ฉบับย่อ อ่านง่าย)
ภาค 1 - Suspiria (1977)
ภาค 2 - Inferno (1980)
ภาค 3 - The Mother of Tears (2007)
ซึ่งถ้าถามว่าจำเป็นมั้ยที่จะต้องดูให้ครบทั้ง 3 ภาค มันก็ไม่จำเป็นเพราะแต่ละภาคมันจบในเรื่องเลย เพียงแต่ภาคอื่นๆ จะมีการกล่าวถึงแม่มดตนอื่นๆ และมีจุดเชื่อมโยงหากันบางส่วน
Suspiria (1977)
เป็นภาคแรกที่ถูกสร้างขึ้น โดยเป็นเรื่องราวของซูซี่ แบนเนี่ยน ได้เดินทางมาเพื่อเรียนบัลเล่ต์ยังสถาบันแห่งหนึ่ง แล้วไปพบเจอกับเรื่องแปลกประหลาดหลายอย่างภายในสถาบันแห่งนั้น โดยภาคนี้ เป็นภาคที่เด่นมากในเรื่องของภาพ การจัดแสงที่ดูโดดเด่น รวมไปถึงฉากต่าง ๆ ที่สร้างออกมาได้สวยงามมากในยุคนนั้น ส่วนฉากสยองขวัญก็ทำออกมาได้น่ากลัว เพียงแต่หากมาดูยุคนี้มันอาจจะดูปลอม แต่มันเป็นความปลอมที่ดูแล้วสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นเลือดที่ใช้ประกอบในฉากที่ดูคล้ายเหมือนน้ำเย็นตาโฟ หรือแม้แต่ฉากที่มีความรุนแรงมันก็ดูออกแบบชัดเลยว่านี่มันของปลอม เป็นต้น ในส่วนของเนื้อเรื่อง ดูง่ายไม่ซับซ้อน
Inferno (1980)
เป็นภาคสองของไตรภาค โดยเป็นเรื่องราวของโรส ที่ได้ไปเจอหนังสือ The Three Mothers และเธอก็ค้นพบว่าที่ที่เธออาศัยอยู่ เป็นบ้านของแม่มดตนหนึ่ง เธอจีงให้พี่ชายของเธอมาช่วยแต่แล้วเมื่อพี่ชายของเธอมาถึงก็พบว่าน้องสาวของตนได้หายตัวไป พี่ชายของโรสจึงต้องค้นหาความจริง พร้อมกับเผชิญหน้ากับบางสิ่งบางอย่างที่น่ากลัว โดยในภาคสองนี้จะให้ความรู้สึกต่างจากภาคแรกในเรื่องของบรรยากาศ สถานที่ แต่ในภาคนี้จะไม่ได้เด่นในเรื่องของงานภาพเท่ากับภาคแรกแต่ก็ยังคงความสวยงามไว้อยู่ เนื้อเรื่องดูง่ายไม่ซับซ้อน
The Mother of Tears (2007)
เป็นภาคสุดท้ายของไตรภาค โดยเป็นเรื่องของการขุดค้นพบหีบโบราณที่ฝังอยู่ใต้สุสาน แล้ววันนึงก็ได้มีคนมาเปิดหีบโบราณนั้น ซึ่งได้ปลดปล่อยแม่มดตนสุดท้ายออกมา ซึ่งในภาค 3 เป็นภาคที่ทำห่างจากสองภาคแรกพอสมควร งานภาพ องค์ประกอบต่างๆ เลยให้อารมณ์ไม่ต่างจากหนังสยองขวัญชวนแหว่ะในยุคปัจจุบัน ซึ่งภาคนี้เป็นภาคเดียวที่มีเนื้อหารุนแรง มีฉากโป๊ ตัวหนังดูง่าย แต่ถ้าจากความรู้สึก มันเป็นภาคที่ชอบน้อยที่สุดในไตรภาค
Suspiria (2018) ***เวอร์ชั่นรีเมค
เป็นการนำกลับมาสร้างใหม่ เดี๋ยวจะสรุปให้อ่านเป็นข้อๆ
- เนื้อเรื่อง+ดำเนินเรื่องเหมือนต้นฉบับแค่ 10% รายละเอียดปลีกย่อยที่เพิ่มมา รวมถึงอื่นๆ เป็นสิ่งที่ถูกตีความและเล่าใหม่หมดเลย แม้กระทั่งตอนจบของเรื่อง
- ฉากเด่นๆ รวมไปถึงตัวละครที่มีจากเวอร์ชั่นต้นฉบับจะไม่มีในเวอร์ชั่นรีเมค (มีกลับมาเฉพาะส่วนหลักๆ เท่านั้น) ซึ่งแน่นอนว่าจะไม่ได้เห็น [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- ในส่วนของงานภาพ ถึงแม้จะไม่ได้เล่นแสง สีแบบต้นฉบับ แต่ภาพในเวอร์ชั่นรีเมคนี้ถ่ายออกมาได้สวยงามมาก(ออกไปในทางอาร์ทๆ)
- ดนตรีประกอบ เด่นทั้งสองเวอร์ชั่น
- การดำเนินเรื่องหนัง จะแบ่งเป็นองค์ต่างๆ(แบ่งเป็นบท)
- ต้องอาศัยการตีความในการดูบางฉาก ถามว่าดูยากมั้ย ขอตอบเลยว่า [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- ฉากตอนจบเป็นอะไรที่สยองสุดๆ เลือด หนองโผ จิมิโกะ จูมิโกะ ความรุนแรง มาเต็ม (เป็นฉากที่ดีสุดๆ แล้วก็หลอนสุดๆ)
- ตัวหนังสองชั่วโมงกว่า ซึ่งยาวพอสมควร แนะนำเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยและพักให้เต็มที่ เพราะบางช่วงอาจจะทำให้เกิดอาการง่วงได้
- มี End Credit 1 ตัว
แก้ไข /แก้คำผิด วรรคใหม่