ในแวดวงการสื่อสารไทย หลังจากที่ทั้ง AIS - True - dtac กลับเข้าสู่ช่วงการแข่งขันกันอย่างเท่าเทียมอีกครั้ง ที่ทั้ง 3 บริษัทเอกชนรายใหญ่ มีคลื่นในมือใกล้เคียงกัน

ก็มีข่าวออกมาสวนกระแส เหมือนกับเป็นคลื่นเล็กๆ ที่ออกมาต่อต้านการเกิด 5G ในประเทศไทยในเร็วๆ วันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคนจะตกงานเยอะขึ้น หรือการฟ้องร้องของ TOT ต่อเอกชนทั้ง 3 ราย

ทำให้ผมรู้สึกว่าการออกมาต้านจากรัฐวิสาหกิจในครั้งนี้คล้ายกับตอนที่ออกมาต่อต้านการเกิด 3G ในประเทศไทยครั้งก่อนนู้นหรือเปล่า[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ตำนาน 3G

เพราะถ้าหาก 5G ไม่เกิดขึ้นภายใน 5-10 ปีนี้ แผนที่รัฐบาลวาดฝันไว้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง EEC สมาร์ทซิตี้ ไทยแลนด์ 4.0 ก็คงได้แต่เพียงฝัน เหมือนเดิม

---

ฟ้องเพื่ออยู่รอด.!? [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้พอทำให้นักลงทุน “โล่งอก..ยกออก” ได้ไม่น้อย.!โดยเฉพาะ “ทรู เอฟซี” เมื่อศาลปกครองกลาง รับคำร้องบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ที่ขอให้เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการกรณีข้อพิพาทกับบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เรื่อง การใช้งานโครงข่าย ADSL ด้วยหลักฐานที่หนักแน่น และเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย เพื่อศาลจะพิจารณาคำร้อง TRUE ที่โต้แย้งไว้อย่างน่าเชื่อถือ..ถึงการเรียกร้องค่าชดเชยแบบ “เว่อร์วังอลังการ” กว่า 97,000 ล้านบาท

พอทำให้นักลงทุน “โล่งอก..ยกออก” ได้ไม่น้อย.! โดยเฉพาะ “ทรู เอฟซี” เมื่อศาลปกครองกลาง รับคำร้องบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ  TRUE ที่ขอให้เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการกรณีข้อพิพาทกับบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เรื่องการใช้งานโครงข่าย ADSL ด้วยหลักฐานที่หนักแน่น และเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย เพื่อศาลจะพิจารณาคำร้อง TRUE ที่โต้แย้งไว้อย่างน่าเชื่อถือ..ถึงการเรียกร้องค่าชดเชยแบบ “เว่อร์วังอลังการ” กว่า 97,000 ล้านบาท

แม้ไม่ได้จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่ทว่า “ทีโอที” (จากอดีตเคยเป็นรัฐวิสาหกิจชั้นดีชื่อว่าองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย) สร้างกระแสเขย่าขวัญความเชื่อมั่นนักลงทุนและผู้มีส่วนร่วมในตลาด (Market Participants) มาโดยตลอด

เป็นน่ากังขาว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเกิด มาจากวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่ต้องการ “ทำมาค้าความมากกว่าทำมาค้าขาย”หรือไม่.!? โดยทีโอที ที่เคยรุ่งเรืองจากการผูกขาดและหารายได้ อย่างเป็นกอบเป็นกำ ..!!

แต่เมื่อนโยบายเปลี่ยนรายได้ที่เคยได้จากคู่สัญญาสัมปทานอย่างต่อเนื่อง แบบ Passive Income หรือ “รายได้ที่ไม่ต้องทำงาน” ในอดีต ตอนนี้ไปอยู่ในมือกสทช. ทำให้ทีโอที ไม่ต่างอะไรกับ “เสือโหย” จำต้องดิ้นรนหารายได้ด้วยตัวเอง แต่มิวายประสบภาวะขาดทุนมาโดยตลอด

ทางรอดเบ็ดเสร็จเพียงอย่างเดียวของทีโอที ที่คิดกันได้อย่างน่าประหลาดใจคือ การฟ้องร้องภาคเอกชน ที่เรียกได้ว่า แต่ละเจ้าโดนฟ้องกันเป็นหลักแสนล้าน และหากดูรายงานงบการเงิน (56-1) แต่ละบริษัท จะเห็นว่าเอกชนโดนคดีฟ้องรวม ๆ กันมูลค่ามหาศาลเลยทีเดียว

เริ่มจากพี่ใหญ่บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ตัวเลขรวมกว่า 140,000 ล้านบาท ตามมาด้วยบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC โดนฟ้องร้องเกือบ 240,000 ล้านบาท ส่วนบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE โดนฟ้องรวมกว่า 150,000 ล้านบาท

ขณะที่มูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) ADVANC อยู่ที่ 573,000 ล้านบาท TRUE อยู่ที่ 193,000 ล้านบาท และ DTAC อยู่ที่ 105,000 ล้านบาท หากเทียบตัวเลขที่เอกชนแต่ละรายโดนฟ้องกับมูลค่าตลาดแต่ละบริษัทแล้วหากชนะอย่างที่หวังสูงเอาไว้

นั่นทำให้ทีโอทีสามารถถือครองภาคอุตสาหกรรมสื่อสารไทยเกือบทั้งหมด โดยไม่ต้องออกแรงทำอะไรหรือเรียกได้ว่ากลับสู่ระบบสัมปทานแบบผูกขาดโดยรัฐได้สบาย ๆ เพราะนี่เป็น “วิธีการหารายได้แบบไม่ต้องลงทุนลงแรงใด ๆ” เสมือนชาตินี้ไม่ต้องทำอะไรแล้ว นอกจาก “หากินกับฟ้องเอกชน” อะไรประมาณนั้น..!??

ในแง่ของหุ้นที่เกี่ยวข้อง แม้ปัจจัยแน่นเปรี๊ยะเพียงใด พอมีข่าวฟ้องเป็นหลัก 100,000 ล้านบาท แต่ละครั้ง.! ตลาดหุ้นปั่นป่วน..!? เกิดปรากฏการณ์ “ตื่นตระหนกขายหุ้น” มาอย่างต่อเนื่อง.!

แต่ดูจากตัวเลขฟ้องร้องสูงเว่อร์..ต้องพิสูจน์อีกนาน แต่ละคดีหรือแต่ละข้อพิพาทคำนวณตัวเลขกันแบบสุดโต่ง ไม่สะท้อนความจริง..หรือไม่.!? แน่นอนทั้ง ADVANC-TRUE-DTAC ต้องสู้กันสุดลิ่มทิ่มประตู..กินเวลานานเป็น  10 ปี เท่ากับกว่าแบบนี้ต้องตามดูกันยาว ๆ ไป ลูกพี่..!!??