คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
คืองี้น้า
เป็นแบบนี้ทุกคนแหละที่พลัดพรากจากคนที่รัก ไม่สมหวังกับคนที่รัก
คุณก็จะโหยหาแต่วันคืนเก่าๆกับคนที่คุณรัก ทั้งที่คนที่คุณอยู่ด้วยอาจดีกว่าและไม่บกพร่องอะไร
ในความเป็นจริง ถ้าคุณสมหวังกับคนที่คุณรักซะแต่ตอนนั้น
ตอนนี้อาจเกลียดกันไปแล้วก็ได้
อารมณ์รักมันไม่จีรัง
แต่ความพลัดพรากทำให้มันเสมือนมันจริงอยู่ตลอด
ด้วยเหตุที่ความทรงจำมันมีแค่นั้น
มองไปข้างหน้า มองความจริง ณ ปัจจุบันไว้
ชีวิตจะสมดุล
เป็นแบบนี้ทุกคนแหละที่พลัดพรากจากคนที่รัก ไม่สมหวังกับคนที่รัก
คุณก็จะโหยหาแต่วันคืนเก่าๆกับคนที่คุณรัก ทั้งที่คนที่คุณอยู่ด้วยอาจดีกว่าและไม่บกพร่องอะไร
ในความเป็นจริง ถ้าคุณสมหวังกับคนที่คุณรักซะแต่ตอนนั้น
ตอนนี้อาจเกลียดกันไปแล้วก็ได้
อารมณ์รักมันไม่จีรัง
แต่ความพลัดพรากทำให้มันเสมือนมันจริงอยู่ตลอด
ด้วยเหตุที่ความทรงจำมันมีแค่นั้น
มองไปข้างหน้า มองความจริง ณ ปัจจุบันไว้
ชีวิตจะสมดุล
ความคิดเห็นที่ 33
คำถามนี้ทำให้เรานึกย้อนไปตอนตัดสินใจเลือกแฟน
มีผู้ชายมาจีบช่วงอายุ18-19 อยู่ 3 คน เราเลือกแฟนคนนี้โดยไม่ลังเล ตั้งแต่จุดเริ่มต้น เราแยกควาทรู้สึกวาบหวามในใจออกจากเหตุผล เราคิดทบทวนอย่างดี
เราอยากมีแฟนที่จะช่วยให้ขีวิต 'มีปัญหา' น้อยลง นั่นคือ เราเลือก คนเรียนเก่งที่สุดในบรรดาคนที่มาจีบ ทั้งๆ ที่คนคนนี้ ปากไม่หวาน เอาใจไม่เก่ง ไม่ใช่สายเปย์ ไม่ได้เป็นเดือนเป็นดาวเด่น เขามีข้อดีข้อเดียวคือ เขาเก่งและพยายามพัฒนาตัวเองให้ก้าวหน้าตลอดเวลา
หลังจากตัดสินใจเลือกจะคบหาแล้วเราก็ค่อยๆ สร้างความรัก ความผูกพันให้ก้าวหน้าไปพร้อมๆกัน ค่อยๆเรียนรู้นิสัยที่โคตรแตกต่าง เรียนรู้พร้อมกับขัดแย้งบ้างแต่ก็หาจุดลงตัว เรียนรู้ที่จะให้อภัยและยอมรับข้อบกพร่องของกันและกัน
เราตัดสินใจแต่งงานกันอีก12ปีให้หลัง มีความสุขปานกลาง มีปัญหาตามกลไกชีวิต แต่ ... เราไม่ได้รู้สึกว่าคิดผิด เราไม่ได้ต้องการความโรแมนติกเหมือนในละครตอนจบรักนิรันดร์ เราไม่ได้ต้องการพระเอกสุดหล่อ รูปงามปานเทพบุตรให้ตกหลุมรักจนยากจะถอนใจ
ถามว่าเรารักสามีหรือไม่...ตอบเลยว่า ไม่ได้รักแบบเทกายถวายชีวิต ขาดไม่ได้ หรือต้องตายตามกัน แต่เป็นความเข้าใจ ความรู้บทบาทหน้าที่ เวลาใดควรแสดงความรัก เวลาใดควรใช้สติปัญญาในการพูดคุยกัน
มันอาจดูไร้สีสัน กรณีที่คุณต้องการคนที่คุณรักมากๆ แต่อย่าลืมว่าปัญหาชีวิตพร้อมบั่นทอนความรักของคุณได้เสมอ หากมันไม่มั่นคงจากทั้งสองฝั่งมากพอ แต่ถ้าคุณใช้สติพิจารณาร่วมกันในการสร้างครอบครัว วันที่มันพัง คุณจะมีสติมากพอที่ตั้งหลักและไปต่อได้
ถ้าคุณต้อง ต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก เขาต้องมีข้อดีมากพอจะให้คุณใช้ชีวิตร่วมกันได้ด้วยนะ ไม่ใช่ไม่รักแล้วยังไปเจอคนที่เข้ามาสร้างปัญหาอย่างเดียวอีก
มีผู้ชายมาจีบช่วงอายุ18-19 อยู่ 3 คน เราเลือกแฟนคนนี้โดยไม่ลังเล ตั้งแต่จุดเริ่มต้น เราแยกควาทรู้สึกวาบหวามในใจออกจากเหตุผล เราคิดทบทวนอย่างดี
เราอยากมีแฟนที่จะช่วยให้ขีวิต 'มีปัญหา' น้อยลง นั่นคือ เราเลือก คนเรียนเก่งที่สุดในบรรดาคนที่มาจีบ ทั้งๆ ที่คนคนนี้ ปากไม่หวาน เอาใจไม่เก่ง ไม่ใช่สายเปย์ ไม่ได้เป็นเดือนเป็นดาวเด่น เขามีข้อดีข้อเดียวคือ เขาเก่งและพยายามพัฒนาตัวเองให้ก้าวหน้าตลอดเวลา
หลังจากตัดสินใจเลือกจะคบหาแล้วเราก็ค่อยๆ สร้างความรัก ความผูกพันให้ก้าวหน้าไปพร้อมๆกัน ค่อยๆเรียนรู้นิสัยที่โคตรแตกต่าง เรียนรู้พร้อมกับขัดแย้งบ้างแต่ก็หาจุดลงตัว เรียนรู้ที่จะให้อภัยและยอมรับข้อบกพร่องของกันและกัน
เราตัดสินใจแต่งงานกันอีก12ปีให้หลัง มีความสุขปานกลาง มีปัญหาตามกลไกชีวิต แต่ ... เราไม่ได้รู้สึกว่าคิดผิด เราไม่ได้ต้องการความโรแมนติกเหมือนในละครตอนจบรักนิรันดร์ เราไม่ได้ต้องการพระเอกสุดหล่อ รูปงามปานเทพบุตรให้ตกหลุมรักจนยากจะถอนใจ
ถามว่าเรารักสามีหรือไม่...ตอบเลยว่า ไม่ได้รักแบบเทกายถวายชีวิต ขาดไม่ได้ หรือต้องตายตามกัน แต่เป็นความเข้าใจ ความรู้บทบาทหน้าที่ เวลาใดควรแสดงความรัก เวลาใดควรใช้สติปัญญาในการพูดคุยกัน
มันอาจดูไร้สีสัน กรณีที่คุณต้องการคนที่คุณรักมากๆ แต่อย่าลืมว่าปัญหาชีวิตพร้อมบั่นทอนความรักของคุณได้เสมอ หากมันไม่มั่นคงจากทั้งสองฝั่งมากพอ แต่ถ้าคุณใช้สติพิจารณาร่วมกันในการสร้างครอบครัว วันที่มันพัง คุณจะมีสติมากพอที่ตั้งหลักและไปต่อได้
ถ้าคุณต้อง ต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก เขาต้องมีข้อดีมากพอจะให้คุณใช้ชีวิตร่วมกันได้ด้วยนะ ไม่ใช่ไม่รักแล้วยังไปเจอคนที่เข้ามาสร้างปัญหาอย่างเดียวอีก
ความคิดเห็นที่ 49
ผมเคยแต่งงานกับคนที่ผมรักผมทุ่มเททุกอย่าง ตอนเริ่มต้นผมมีเค้าเป็นกำลังใจทำให้ผมรู้สึกมีเป้าหมายในชีวต
นั้นคือขอแค่เค้ามีความสุขก็พอ ผมเริ่มต้นโดยการทิ้งงานที่ดีเพียรเพื่อจะได้ยุกับเค้า ผมต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่
ผมนั้นแทบไม่มีสมบัติไรเลย แรกๆผมต้องเดินไปทำงานผ่าน4แยกไฟแดง2ไฟแดงได้ถ้าจำไม่ผิด ทุกๆวัน
ที่ผมเดินจะมีเค้าโทรคอลมาทุกวันจนถึงที่ทำงานทุกวันเพราะตอนนั้นผมไม่อยากเห็นเค้าลำบากเลยต้อง
ทำทุกอย่างเพื่อให้ดีขึ้นพอเค้ามา อยู่ด้วยก็อยู่ตัวพอดี จากห้องเช่าเล็กๆจนอยู่อพาตเม้ท จากเดินทำงานมีรถไปทำงาน
ทุกวันเค้ามีหน้าที่คอยเป็นกำลังใจให้ผมผ่านความลำบากยากเย็น เพื่อให้เราได้ยุสบาย พอได้อยู่ด้วยกัน
ผมก็ทำทุกอย่างที่ผมจะทำได้ให้เค้าด้วยความจริงใจ เพราะเค้าบอกชีวิตเค้าไม่เคยลำบากเลย ผมซักผ้า ผมล้างจาน
แทบทุกอย่างในบ้านผมแทบไม่เคยให้เค้าจับต้องอะไรเลย ผมเป็นคนจัดหาอาหารมาทุกวัน แม้บางครั้งผมต้องติดงานเข้าสังคมกับเพื่อน ผมก็จะกลับมาจัดแจงเรื่องการกินให้เรียบร้อยก่อนถึงผมจะไปสังคมหรือถ้าหลีกได้ผมก็เลือกที่จะอยู่กับเค้า เงินเดือนทุกเดือนผมจะให้เค้าเป็นคนเก็บผมจะพาเงินไปทำงานวัน100บ.คือถ้าเพื่อนเค้ามีอะไรเค้าก็ต้องมีเหมือนคนอื่น ผมทำงานฝากเงินไปด้วยพายระยะเวลา2ปี ผมก็สามารถหาเงินมาแต่งานกับเค้าจนได้ ถึงจะแต่งงานผมก็ยังคงประติบัติกับเค้าเช่นเมื่อก่อน แม้กระทั้งวันนั้นของเดือนของเค้าผมก็จะรู้ทันที เพราะผมใส่ใจเค้ามาก แม้แต่ผ้าอนามัยของเค้าผมก็จะเป็นคนจัดการซื้อมาให้ทุกเดือน พอเวลากลางคืนผมจะเป็นคนนอนดึกสักหน่อย ผมรู้ว่าเค้าส้นท้าวแตกผมก็จะแอบทาคีมที่ท้าวให้เค้าทุกคืนโดยที่เค้าไม่เคยรับรู้เลย ผมทำแบบนี้มาโดยตลอด ถ้ามีปันหาถึงขั้นทะเลาะกันผมก็เลือกที่จะเดินหนีไปโดยบางครั้งผมแทบไม่มีเงินติดตัวสักบาท ทุกครั้งเค้าจะไม่ยอมผมเลยไม่ว่าจะถูกหรือผิด สุดท้ายผมก็ต้องขอโทษเค้าทุกครั้งไป มีครั้งนึงเค้าทำร้ายผมถึงขั้นเลือดออก แต่สุดท้ายผมก็ขอโทษเค้าเช่นเคย บางครั้งผมน้อยใจผมแค่อยากได้ยินคำว่าขอโทษจากเค้าบ้างเมื่อเค้าทำผิดแต่ก็ไม่เคย ผมก็ได้แต่คิดว่า ทำไงได้เมื่อเราเลือกไปแล้วจะใช้ชีวิตกับคนๆนี้จะรักคนๆนี้ แต่เมื่อพอเวลาผ่านไป6ปี ผมรู้สึกน้อยใจมากขึ้นเรื่อยๆจากการไม่ใส่ใจจากเค้า แต่ผมก็ไม่เคยคิดจะมีคนอื่นเลยสักครั้ง บางครั้งผมรู้สึกเหนื่อยมากอยาได้ยินแค่คำว่า เหนื่อยไหมจากเค้าแต่ก็ไม่เคยได้ยินเลย บางครั้งผมแค่อยากได้ยินคำว่ากินข้าวยังก็ไม่เคยมี ผมสะสมความน้อยใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในใจ จนถึงวันนึงมีเหตุการณ์ที่ทำให้เราทะเลาะกัน แต่ครั้งนี้ด้วยความที่มันสะสมมานานผมกับไม่เลือกที่จะทำอย่างเคย โดยการขอโทษเค้า แต่ครั้งนี้ผมแค่อยากได้ยินจากเค้าสักครั้งนึงบ้างที่เค้าจะขอโทษ และรู้สึกผิดกับผมบ้าง แต่เค้ากับไม่ทำเช่นนันเค้ากับเลือกที่จะเฉยผมก็เฉยเป็นการตอบโต้ จนสุดท้ายเค้าเลือกที่จะมีคนใหม่โดยทิ้งผมไว้ข้างหลัง
ผมยอมรับว่าผม เสียใจมาก แต่สิ่งที่เค้าทำนั้นทำให้ผมยอมรับได้ที่จะไปอยู่ในจุดๆที่เราเคยมีให้กันหรือเพราะผมยังรักเค้าไม่มากพอที่จะให้อภัยกับสิ่งที่เค้าทำ ตอนนี้เวลาได้ผ่านมา2ปีแล้วแต่ผมก็ยังไม่คิดจะเอาใครเข้ามาในชีวิต
ผมไม่แน่ใจอาจเพราะผมยังรักเค้าอยู่หรือผมยังไม่ถึงเวลาที่จะรู้สึกแบบนี้กับใครอีกครั้ง สิ่งที่ทำได้ทุกวัน ผมคอยบอกกับตัวเองว่าอย่างน้อยที่สุดก็ขอให้ผมกลับมารักตัวเองให้ได้เท่าที่รักเค้าสักครึ่งก็พอ ผมคิดว่าถ้าเลือกที่จะอยู่กกับคนที่เรารักก็อาจจะเป็นแบบผมได้ในอนาคต แต่ผมก็ไม่สามารถการันตีได้ว่าถ้าอยู่กับคนที่เค้ารักเราสักวันนึงเค้าจะไม่ทิ้งเรา ผมว่าสิ่งสำคัญที่สุดก่อนที่จะเลือกว่าเราควรรักคนที่เรารักหรือคนที่เค้ารักเรานั้นไม่สำคัญเท่าวันนี้คุณรักตัวเองได้แค่ไหนแล้ว เพราะคนที่จะอยู่กับเราได้ไม่ว่าจะสุขหรือช่วงเวลาผิดหวังไปได้นั้นคือตัวเรา ที่สำคัญเราอยู่กับใครสิ่งไหนกันแน่ที่ตัวเราเป็นสุขเราก็ควรเลือกอยู่กับสิ่งนั้น ถึงคนที่เค้ารักเราก็ไม่แน่ว่าสักวันเราเองอาจจะปล่อยมือไปจากเค้าเองก็เป็นได้ หรือคนที่เรารักก็ไม่แน่ว่าสักวันเรารู้สึกเหนื่อยเราก็อาจจะเป็นคนปล่อยมือไปจากเค้าอีกเหมือนกัน ไม่ว่าคนจะเลือกแบบไหนผมว่าในเรื่องราวแบบนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ปลายทางจะจบแบบไหน แต่สิ่งที่ควรทำและน่าจดจำมันอยู่ที่ระหว่างทางที่คน2คนเลือกที่จะเดินด้วยกันมากกว่า
นั้นคือขอแค่เค้ามีความสุขก็พอ ผมเริ่มต้นโดยการทิ้งงานที่ดีเพียรเพื่อจะได้ยุกับเค้า ผมต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่
ผมนั้นแทบไม่มีสมบัติไรเลย แรกๆผมต้องเดินไปทำงานผ่าน4แยกไฟแดง2ไฟแดงได้ถ้าจำไม่ผิด ทุกๆวัน
ที่ผมเดินจะมีเค้าโทรคอลมาทุกวันจนถึงที่ทำงานทุกวันเพราะตอนนั้นผมไม่อยากเห็นเค้าลำบากเลยต้อง
ทำทุกอย่างเพื่อให้ดีขึ้นพอเค้ามา อยู่ด้วยก็อยู่ตัวพอดี จากห้องเช่าเล็กๆจนอยู่อพาตเม้ท จากเดินทำงานมีรถไปทำงาน
ทุกวันเค้ามีหน้าที่คอยเป็นกำลังใจให้ผมผ่านความลำบากยากเย็น เพื่อให้เราได้ยุสบาย พอได้อยู่ด้วยกัน
ผมก็ทำทุกอย่างที่ผมจะทำได้ให้เค้าด้วยความจริงใจ เพราะเค้าบอกชีวิตเค้าไม่เคยลำบากเลย ผมซักผ้า ผมล้างจาน
แทบทุกอย่างในบ้านผมแทบไม่เคยให้เค้าจับต้องอะไรเลย ผมเป็นคนจัดหาอาหารมาทุกวัน แม้บางครั้งผมต้องติดงานเข้าสังคมกับเพื่อน ผมก็จะกลับมาจัดแจงเรื่องการกินให้เรียบร้อยก่อนถึงผมจะไปสังคมหรือถ้าหลีกได้ผมก็เลือกที่จะอยู่กับเค้า เงินเดือนทุกเดือนผมจะให้เค้าเป็นคนเก็บผมจะพาเงินไปทำงานวัน100บ.คือถ้าเพื่อนเค้ามีอะไรเค้าก็ต้องมีเหมือนคนอื่น ผมทำงานฝากเงินไปด้วยพายระยะเวลา2ปี ผมก็สามารถหาเงินมาแต่งานกับเค้าจนได้ ถึงจะแต่งงานผมก็ยังคงประติบัติกับเค้าเช่นเมื่อก่อน แม้กระทั้งวันนั้นของเดือนของเค้าผมก็จะรู้ทันที เพราะผมใส่ใจเค้ามาก แม้แต่ผ้าอนามัยของเค้าผมก็จะเป็นคนจัดการซื้อมาให้ทุกเดือน พอเวลากลางคืนผมจะเป็นคนนอนดึกสักหน่อย ผมรู้ว่าเค้าส้นท้าวแตกผมก็จะแอบทาคีมที่ท้าวให้เค้าทุกคืนโดยที่เค้าไม่เคยรับรู้เลย ผมทำแบบนี้มาโดยตลอด ถ้ามีปันหาถึงขั้นทะเลาะกันผมก็เลือกที่จะเดินหนีไปโดยบางครั้งผมแทบไม่มีเงินติดตัวสักบาท ทุกครั้งเค้าจะไม่ยอมผมเลยไม่ว่าจะถูกหรือผิด สุดท้ายผมก็ต้องขอโทษเค้าทุกครั้งไป มีครั้งนึงเค้าทำร้ายผมถึงขั้นเลือดออก แต่สุดท้ายผมก็ขอโทษเค้าเช่นเคย บางครั้งผมน้อยใจผมแค่อยากได้ยินคำว่าขอโทษจากเค้าบ้างเมื่อเค้าทำผิดแต่ก็ไม่เคย ผมก็ได้แต่คิดว่า ทำไงได้เมื่อเราเลือกไปแล้วจะใช้ชีวิตกับคนๆนี้จะรักคนๆนี้ แต่เมื่อพอเวลาผ่านไป6ปี ผมรู้สึกน้อยใจมากขึ้นเรื่อยๆจากการไม่ใส่ใจจากเค้า แต่ผมก็ไม่เคยคิดจะมีคนอื่นเลยสักครั้ง บางครั้งผมรู้สึกเหนื่อยมากอยาได้ยินแค่คำว่า เหนื่อยไหมจากเค้าแต่ก็ไม่เคยได้ยินเลย บางครั้งผมแค่อยากได้ยินคำว่ากินข้าวยังก็ไม่เคยมี ผมสะสมความน้อยใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในใจ จนถึงวันนึงมีเหตุการณ์ที่ทำให้เราทะเลาะกัน แต่ครั้งนี้ด้วยความที่มันสะสมมานานผมกับไม่เลือกที่จะทำอย่างเคย โดยการขอโทษเค้า แต่ครั้งนี้ผมแค่อยากได้ยินจากเค้าสักครั้งนึงบ้างที่เค้าจะขอโทษ และรู้สึกผิดกับผมบ้าง แต่เค้ากับไม่ทำเช่นนันเค้ากับเลือกที่จะเฉยผมก็เฉยเป็นการตอบโต้ จนสุดท้ายเค้าเลือกที่จะมีคนใหม่โดยทิ้งผมไว้ข้างหลัง
ผมยอมรับว่าผม เสียใจมาก แต่สิ่งที่เค้าทำนั้นทำให้ผมยอมรับได้ที่จะไปอยู่ในจุดๆที่เราเคยมีให้กันหรือเพราะผมยังรักเค้าไม่มากพอที่จะให้อภัยกับสิ่งที่เค้าทำ ตอนนี้เวลาได้ผ่านมา2ปีแล้วแต่ผมก็ยังไม่คิดจะเอาใครเข้ามาในชีวิต
ผมไม่แน่ใจอาจเพราะผมยังรักเค้าอยู่หรือผมยังไม่ถึงเวลาที่จะรู้สึกแบบนี้กับใครอีกครั้ง สิ่งที่ทำได้ทุกวัน ผมคอยบอกกับตัวเองว่าอย่างน้อยที่สุดก็ขอให้ผมกลับมารักตัวเองให้ได้เท่าที่รักเค้าสักครึ่งก็พอ ผมคิดว่าถ้าเลือกที่จะอยู่กกับคนที่เรารักก็อาจจะเป็นแบบผมได้ในอนาคต แต่ผมก็ไม่สามารถการันตีได้ว่าถ้าอยู่กับคนที่เค้ารักเราสักวันนึงเค้าจะไม่ทิ้งเรา ผมว่าสิ่งสำคัญที่สุดก่อนที่จะเลือกว่าเราควรรักคนที่เรารักหรือคนที่เค้ารักเรานั้นไม่สำคัญเท่าวันนี้คุณรักตัวเองได้แค่ไหนแล้ว เพราะคนที่จะอยู่กับเราได้ไม่ว่าจะสุขหรือช่วงเวลาผิดหวังไปได้นั้นคือตัวเรา ที่สำคัญเราอยู่กับใครสิ่งไหนกันแน่ที่ตัวเราเป็นสุขเราก็ควรเลือกอยู่กับสิ่งนั้น ถึงคนที่เค้ารักเราก็ไม่แน่ว่าสักวันเราเองอาจจะปล่อยมือไปจากเค้าเองก็เป็นได้ หรือคนที่เรารักก็ไม่แน่ว่าสักวันเรารู้สึกเหนื่อยเราก็อาจจะเป็นคนปล่อยมือไปจากเค้าอีกเหมือนกัน ไม่ว่าคนจะเลือกแบบไหนผมว่าในเรื่องราวแบบนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ปลายทางจะจบแบบไหน แต่สิ่งที่ควรทำและน่าจดจำมันอยู่ที่ระหว่างทางที่คน2คนเลือกที่จะเดินด้วยกันมากกว่า
ความคิดเห็นที่ 31
ของเราตรงกันข้ามอ่ะค่ะ เล่าได้ไหมอ่า คือเราเคยผ่านช่วงที่ไม่มีใครเข้ามาเลย นาน นานมากๆ จนเผลอคิดว่าตัวเองผิดปกติรึเปล่า? ไม่สวยหรือไม่ดีตรงไหน? และลองคบกับผู้ชายที่ดีทุกอย่าง เสียอย่างเดียวคือ เราไม่ได้รัก เขาไม่ใช่สเป็คเราเลย เขาดีกับเรามาก แต่พอได้อยู่ใกล้เรากลับรู้สึกอึดอัด โชคดี(หรือเปล่าไม่รู้?) เราไปบังเอิญอ่านเจอทฤษฎีนึงกล่าวไว้ว่า คู่ที่จะคบกันได้อย่างยั่งยืนต้องประกอบไปด้วยสามสิ่ง
1. ความเป็นเพื่อน หรือ การที่เราสามารถคุยกัน ปรึกษากัน เป็นเพื่อนคู่คิดให้กันได้ หรือที่บางคนอาจจะบอกว่า
ปัญญาเสมอกัน ไม่ใช่คุยแล้วทะเลาะ หรือความสนใจไปคนละทาง ไม่มีจุดร่วม
2. อนาคต หรือ การที่เรามีเป้าหมายร่วมกัน กล้าที่จะลุยไปด้วยกันได้ อย่างเราเอง
ถ้าเลือกแต่งกับคนที่รัก แต่เขาไม่ขยัน ดูแล้วอนาคตมืดมนมาเลย ก็ไม่เอาค่ะ
3. เสน่หา ที่ทำให้เรารู้สึกดีเวลาได้อยู่ใกล้ บ้างก็ว่า คือ กลิ่น คือ ฟีโรโมน (อันนี้เกิดกับเรา และเรารู้สึกได้)
แฟนคนปัจจุบัน ตัวหอม น่ากอด ตั้งแต่วันแรกที่ได้อยู่ใกล้เลยค่ะ หน้าตาบุคลิกก็ตรงสเป็ค อยากจะตื่นมาเห็นหน้าเขาทุกวัน
เอารวมๆคือ ต้องมีทั้งด้านอารมณ์และเหตุผลผสมกัน อย่างตอนที่คบคนก่อนหน้า มันขาดเสน่หาไป เรารู้สึกได้เลยว่า ถ้าตอบรับแต่งงานกะเขาไป อนาคตเราต้องมองหาผู้ชายอื่นหรือแอบมีชู้แน่ เลยเลือกเลิกออกมา และก็โชคดีที่ได้เจอคนที่มีครบทั้งสามปัจจัย (หรือเกือบครบดีล่ะ? เพราะตอนนี้ยังไม่แต่ง) ซึ่ง.. ก็แอบขอบคุณตัวเองที่ตัดสินใจรอ ทั้งที่ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะเจอหรือไม่เจอเค้าคนนี้อ่ะนะ
1. ความเป็นเพื่อน หรือ การที่เราสามารถคุยกัน ปรึกษากัน เป็นเพื่อนคู่คิดให้กันได้ หรือที่บางคนอาจจะบอกว่า
ปัญญาเสมอกัน ไม่ใช่คุยแล้วทะเลาะ หรือความสนใจไปคนละทาง ไม่มีจุดร่วม
2. อนาคต หรือ การที่เรามีเป้าหมายร่วมกัน กล้าที่จะลุยไปด้วยกันได้ อย่างเราเอง
ถ้าเลือกแต่งกับคนที่รัก แต่เขาไม่ขยัน ดูแล้วอนาคตมืดมนมาเลย ก็ไม่เอาค่ะ
3. เสน่หา ที่ทำให้เรารู้สึกดีเวลาได้อยู่ใกล้ บ้างก็ว่า คือ กลิ่น คือ ฟีโรโมน (อันนี้เกิดกับเรา และเรารู้สึกได้)
แฟนคนปัจจุบัน ตัวหอม น่ากอด ตั้งแต่วันแรกที่ได้อยู่ใกล้เลยค่ะ หน้าตาบุคลิกก็ตรงสเป็ค อยากจะตื่นมาเห็นหน้าเขาทุกวัน
เอารวมๆคือ ต้องมีทั้งด้านอารมณ์และเหตุผลผสมกัน อย่างตอนที่คบคนก่อนหน้า มันขาดเสน่หาไป เรารู้สึกได้เลยว่า ถ้าตอบรับแต่งงานกะเขาไป อนาคตเราต้องมองหาผู้ชายอื่นหรือแอบมีชู้แน่ เลยเลือกเลิกออกมา และก็โชคดีที่ได้เจอคนที่มีครบทั้งสามปัจจัย (หรือเกือบครบดีล่ะ? เพราะตอนนี้ยังไม่แต่ง) ซึ่ง.. ก็แอบขอบคุณตัวเองที่ตัดสินใจรอ ทั้งที่ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะเจอหรือไม่เจอเค้าคนนี้อ่ะนะ
แสดงความคิดเห็น
มีใครในที่นี้เลือกแต่งงานกับคนดีที่ไม่ได้รักบ้างคะ แล้วชีวิตคู่มีความสุขไหม
ใครโชคดีคงตอบว่า เลือกคนที่เรารัก ที่เค้ารักเรา หรือเลือกคนที่เค้ารักเรา จนทำให้เรารัก
แต่หลายครั้งเราพบว่า ต่อให้บางคนรักเราแค่ไหน เราก็ไม่สามารถรักเค้าได้
ได้แต่รู้สึกขอบคุณความรักที่มีให้
ส่วนบางคนไม่ต้องพยายามอะไรเลย เรากลับเทใจไปให้ซะอย่างนั้น
เคยคิดเหมือนกันค่ะ ว่า ถ้าเลือกแต่งงานกับคนที่เค้ารักเรามากๆ แม้ว่าเราจะไม่ได้รักเค้าเท่าไหร่
อยู่ๆกันไปจะมีความสุขไหม เราจะรักเขาหลังจากนี้ไหมคะ
จริงๆถ้าเลือกคนที่รักเรามันง่าย เราไม่ต้องพยายามอะไรเลย น่าจะดีนะคะ ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องทุกข์
เพราะเค้าจะรักเราเสมอ
ใครมีประสบการณ์ด้านนี้บ้างคะ เล่าสู่กันฟัง แนะนำ ชี้แนะทีค่ะ