สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 18
ชีวิต จขกท คล้ายคุณแม่ผมนะ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังเป็นแบบไหน และวิธีแก้ทำอย่างไร
คุณแม่ผม เลิกกับคุณพ่อผมตั้งแต่ผมยังเด็ก และได้ไปทำธุรกิจอยู่ต่างประเทศ และพ่อแม่ก็ต่างคนต่างมีครอบครัวใหม่
ซึ่งถ้าถามรายได้ต่อเดือน คุณแม่หาได้เยอะมาก คิดเป็นเงินไทยราวๆ 500000+ ต่อเดือน แต่ด้วยคุณแม่เป็นคนชอบช่วยเหลือคน
และตั้งแต่เล็กคุณแม่ทำงานเอาเงินให้ที่บ้านเค้ามาโดยตลอด ประกอบไปด้วย บรรดา พี่น้องของแม่ และ ตายาย จนเก็บเงินซื้อที่ดิน
ที่ตอนนี้มีมูลค่าหลายล้านบาท คุณแม่จุนเจือ บรรดาพี่น้องมาโดยตลอด ให้เงินรายเดือน ยังไม่พอ บรรดา น้ากับป้าผม ก็เล่นการพนัน
กู้หนี้ หลายแสน แม่ผมก็ต้องมาคอยจ่ายหนี้ ปลดหนี้ให้ ย้าย ไปจังหวัดอื่นก็ไปกู้มันทุกที่ (กู้นอกระบบ) บ้านที่แม่ผมซื้อไว้ให้ผม ที่ จ.ชลบุรี
น้าก็ยึดเงินดาวน์ ราวๆ 50 เปอร์เซ็นต์ ของราคาบ้านขณะนั้น (10 กว่าปีที่แล้ว บ้านที่ชล แม่ผมดาวน์ไป 3แสน ราคาเต็มก็ 6 แสน และกะว่าจะผ่อนต่อ น้าก็มาขออาศัยเขาขอผ่อนต่อเอง แล้วเงินดาวน์จะให้ที่หลัง ไปๆมาๆ ไม่ผ่อนบ้าน จนบ้านยึด เงินดาวน์ก็ไม่ให้แม่ผม
บ้านหลังนั้นก็ไม่ได้เป็นของผมโดยปริยาย ซึ่งปัจจุบัน ขายได้ 2ล้าน อัพ)
และฟางเส้นสุดท้ายแม่ผม ไม่ทน คือ ป้ากับน้า สองคนนี้ไปอยู่บ้านอีกหลังนึง ที่แม่ผมจ่ายหมดแล้ว
เป็นอีกหลังนึงในหมู่บ้านข้างบนที่ชลบุรี (คนละซอย) ก็ไปกู้หนี้อีก หลายแสน และหลายคน
พวกนอกระบบมาทุบบ้าน ทุบกระจก พอดีมันมีหมา ที่เลี้ยงไว้ มันกัด พวกคนทวงนี้ จนมันต้องแตกกระเจิงไป พวกมันมาหลายคน ถือไม้มา
ทำลายทรัพย์สินที่บ้าน แต่เข้ามาบ้านไม่ได้ เพราะหมาผมมันกัด พันธ์ผสมไทย ตัวใหญ่
หลังจากนั้นแม่ผมต้องขายบ้านหลังนั้น เพราะ น้ากับป้าไปก่อปัญหา แม่ผมเลย บอกว่า ต่อจากนี้จะไม่ช่วยแล้ว
พอจบ หมดเงินให้สองคนนี้ หลายล้านตั้งแต่อายุยังน้อยจนโต ตอนนี้แม่ผมแก่แล้ว ไม่ดิ้นรนอะไรเพราะสังขารไม่อำนวย..
สิ่งที่ผมจะบอกคือ บรรดาญาติคุณเคยตัว คุณช่วยเค้ามาโดยตลอด เค้าก็คงคิดจะทำงานทำไมเมื่อมีเงินมาจากคุณ
คุณต้องใจแข็งไม่ช่วยอะไรทั้งสิ้น ให้เค้าดิ้นรนเอง ส่วนพ่อแม่หาทางลดรายจ่าย น้องชายก็ให้บทเรียนแก่เค้า ให้เค้าได้รู้ว่าสิ่งที่เค้าทำมันผิด
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะครับ...
ลองเก็บไปคิดดูดีๆนะ
คุณแม่ผม เลิกกับคุณพ่อผมตั้งแต่ผมยังเด็ก และได้ไปทำธุรกิจอยู่ต่างประเทศ และพ่อแม่ก็ต่างคนต่างมีครอบครัวใหม่
ซึ่งถ้าถามรายได้ต่อเดือน คุณแม่หาได้เยอะมาก คิดเป็นเงินไทยราวๆ 500000+ ต่อเดือน แต่ด้วยคุณแม่เป็นคนชอบช่วยเหลือคน
และตั้งแต่เล็กคุณแม่ทำงานเอาเงินให้ที่บ้านเค้ามาโดยตลอด ประกอบไปด้วย บรรดา พี่น้องของแม่ และ ตายาย จนเก็บเงินซื้อที่ดิน
ที่ตอนนี้มีมูลค่าหลายล้านบาท คุณแม่จุนเจือ บรรดาพี่น้องมาโดยตลอด ให้เงินรายเดือน ยังไม่พอ บรรดา น้ากับป้าผม ก็เล่นการพนัน
กู้หนี้ หลายแสน แม่ผมก็ต้องมาคอยจ่ายหนี้ ปลดหนี้ให้ ย้าย ไปจังหวัดอื่นก็ไปกู้มันทุกที่ (กู้นอกระบบ) บ้านที่แม่ผมซื้อไว้ให้ผม ที่ จ.ชลบุรี
น้าก็ยึดเงินดาวน์ ราวๆ 50 เปอร์เซ็นต์ ของราคาบ้านขณะนั้น (10 กว่าปีที่แล้ว บ้านที่ชล แม่ผมดาวน์ไป 3แสน ราคาเต็มก็ 6 แสน และกะว่าจะผ่อนต่อ น้าก็มาขออาศัยเขาขอผ่อนต่อเอง แล้วเงินดาวน์จะให้ที่หลัง ไปๆมาๆ ไม่ผ่อนบ้าน จนบ้านยึด เงินดาวน์ก็ไม่ให้แม่ผม
บ้านหลังนั้นก็ไม่ได้เป็นของผมโดยปริยาย ซึ่งปัจจุบัน ขายได้ 2ล้าน อัพ)
และฟางเส้นสุดท้ายแม่ผม ไม่ทน คือ ป้ากับน้า สองคนนี้ไปอยู่บ้านอีกหลังนึง ที่แม่ผมจ่ายหมดแล้ว
เป็นอีกหลังนึงในหมู่บ้านข้างบนที่ชลบุรี (คนละซอย) ก็ไปกู้หนี้อีก หลายแสน และหลายคน
พวกนอกระบบมาทุบบ้าน ทุบกระจก พอดีมันมีหมา ที่เลี้ยงไว้ มันกัด พวกคนทวงนี้ จนมันต้องแตกกระเจิงไป พวกมันมาหลายคน ถือไม้มา
ทำลายทรัพย์สินที่บ้าน แต่เข้ามาบ้านไม่ได้ เพราะหมาผมมันกัด พันธ์ผสมไทย ตัวใหญ่
หลังจากนั้นแม่ผมต้องขายบ้านหลังนั้น เพราะ น้ากับป้าไปก่อปัญหา แม่ผมเลย บอกว่า ต่อจากนี้จะไม่ช่วยแล้ว
พอจบ หมดเงินให้สองคนนี้ หลายล้านตั้งแต่อายุยังน้อยจนโต ตอนนี้แม่ผมแก่แล้ว ไม่ดิ้นรนอะไรเพราะสังขารไม่อำนวย..
สิ่งที่ผมจะบอกคือ บรรดาญาติคุณเคยตัว คุณช่วยเค้ามาโดยตลอด เค้าก็คงคิดจะทำงานทำไมเมื่อมีเงินมาจากคุณ
คุณต้องใจแข็งไม่ช่วยอะไรทั้งสิ้น ให้เค้าดิ้นรนเอง ส่วนพ่อแม่หาทางลดรายจ่าย น้องชายก็ให้บทเรียนแก่เค้า ให้เค้าได้รู้ว่าสิ่งที่เค้าทำมันผิด
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะครับ...
ลองเก็บไปคิดดูดีๆนะ
ความคิดเห็นที่ 25
ก่อนอื่นคุณต้องตั้งสติก่อน และ เปิดใจให้กว้างยอมฟังความคิดเห็นทั้งแง่ดีและแง่ลบ หลังจากฟังแล้วนำมาคิดให้ตกผลึกนะคะ
เราไม่สามารถแนะนำคุณได้ว่าควรให้พ่อแม่ไปอยู่ที่ไหน แต่เราขอแนะนำให้คุณแก้ปัญหาสะสมที่คุณเป็นคนช่วยบ่มเพาะมา
1.บอกพ่อแม่ ว่าตอนนี้การเงินของคุณไม่ดี ไม่สามารถให้ท่านได้ทุกอย่างแบบเมื่อก่อนอีกแล้ว ท่านจะฟังหรือไม่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่คุณต้องทำการตัดเงินช่วยเหลือทุกอย่างออกไปให้หมดด้วยความใจแข็ง คุณไม่ต้องกลัวว่าพ่อแม่คุณจะอด สถานดูแลเค้ารับเงินคุณ เค้าไม่ปล่อยให้พ่อแม่คุณตายอยู่แล้วค่ะ
2.บอกสถานดูแลให้ชัดเจน ว่าให้ดูแลพ่อแม่คุณตามกฎของสถาน เวลาที่พวกท่านขออะไรพิเศษอย่าให้ เพราะคุณจะไม่จ่ายส่วนนี้
3.หยุดส่งเงินให้น้อง ไม่ต้องติดต่อน้องอีก อย่าได้หวังพึ่งพาอะไรใด ๆ จากน้องคุณอีก เพราะจากที่เล่ามาน้องคุณไม่มีสำนึกความเป็นคนแล้วค่ะ
4.อย่าให้ครอบครัวเดิมที่ไทย ทำให้ชีวิตครอบครัวใหม่ของคุณต้องพังพินาศนะคะ อย่าลาออกจากงานที่นั่นเด็ดขาดเลยนะคะ ไม่งั้นชีวิตคุณพังแน่ๆ
5.ค่อยๆเสริช google ค่ะ หาดูว่ามีสถานดูแลที่ไหนบ้าง ไม่จำเป็นต้องเป็น กทม ก็ได้นะคะ หาให้ทั่วไทย เมื่อครู่เราเสริชดูเจอหลายที่เลยค่ะ ค่อยๆโทรถามทีละที่ เจอที่ๆราคาคุณจ่ายไหว การดูแลพอรับได้ คุณก็เลือกค่ะ
6.ที่ผ่านมาคุณอาจจะดูแลพวกท่านดีเกินไปในแง่ของการใช้จ่าย ตอนนี้คุณต้องลดระดับลงนะคะ อย่ารู้สึกผิด เพราะพ่อแม่คุณยอมให้น้องขายสมบัติทุกชิ้นเอง ท่านก็ต้องได้รับผลการกระทำบ้าง
เราไม่สามารถแนะนำคุณได้ว่าควรให้พ่อแม่ไปอยู่ที่ไหน แต่เราขอแนะนำให้คุณแก้ปัญหาสะสมที่คุณเป็นคนช่วยบ่มเพาะมา
1.บอกพ่อแม่ ว่าตอนนี้การเงินของคุณไม่ดี ไม่สามารถให้ท่านได้ทุกอย่างแบบเมื่อก่อนอีกแล้ว ท่านจะฟังหรือไม่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่คุณต้องทำการตัดเงินช่วยเหลือทุกอย่างออกไปให้หมดด้วยความใจแข็ง คุณไม่ต้องกลัวว่าพ่อแม่คุณจะอด สถานดูแลเค้ารับเงินคุณ เค้าไม่ปล่อยให้พ่อแม่คุณตายอยู่แล้วค่ะ
2.บอกสถานดูแลให้ชัดเจน ว่าให้ดูแลพ่อแม่คุณตามกฎของสถาน เวลาที่พวกท่านขออะไรพิเศษอย่าให้ เพราะคุณจะไม่จ่ายส่วนนี้
3.หยุดส่งเงินให้น้อง ไม่ต้องติดต่อน้องอีก อย่าได้หวังพึ่งพาอะไรใด ๆ จากน้องคุณอีก เพราะจากที่เล่ามาน้องคุณไม่มีสำนึกความเป็นคนแล้วค่ะ
4.อย่าให้ครอบครัวเดิมที่ไทย ทำให้ชีวิตครอบครัวใหม่ของคุณต้องพังพินาศนะคะ อย่าลาออกจากงานที่นั่นเด็ดขาดเลยนะคะ ไม่งั้นชีวิตคุณพังแน่ๆ
5.ค่อยๆเสริช google ค่ะ หาดูว่ามีสถานดูแลที่ไหนบ้าง ไม่จำเป็นต้องเป็น กทม ก็ได้นะคะ หาให้ทั่วไทย เมื่อครู่เราเสริชดูเจอหลายที่เลยค่ะ ค่อยๆโทรถามทีละที่ เจอที่ๆราคาคุณจ่ายไหว การดูแลพอรับได้ คุณก็เลือกค่ะ
6.ที่ผ่านมาคุณอาจจะดูแลพวกท่านดีเกินไปในแง่ของการใช้จ่าย ตอนนี้คุณต้องลดระดับลงนะคะ อย่ารู้สึกผิด เพราะพ่อแม่คุณยอมให้น้องขายสมบัติทุกชิ้นเอง ท่านก็ต้องได้รับผลการกระทำบ้าง
ความคิดเห็นที่ 24
สมมตินะ ว่าวันนี้คุณล้มป่วย ส่งเงินให้ใครเลยไม่ได้สักบาท
พนันได้เลยว่า พวกคนที่คุณส่งเสีย ไม่มีใครตายไปกับคุณแน่นอนค่ะ
ปลดพันธนาการของคุณออกไป น้อง ตัดทิ้งไปเลย
พ่อแม่ ส่งต่อให้มีที่พักและที่รักษาตัว แต่ค่าอาหารเสริม ตัดทิ้ง ไม่ใช่ค่ายา ไม่จำเป็น อาจจะมีค่าขนมให้ ท่านละ 3000 บาท ก็พอแล้ว มีน้อย ท่านก็ใช้น้อย ถ้ายังคุยรู้เรื่องก็ต้องบอกพ่อแม่แล้วล่ะค่ะว่าคุณกำลังแย่ขั้นสุด ถ้าพ่อแม่หลงลืมไปแล้วยิ่งดีเลย ท่านคงไม่มาโวยวายกับคุณ
จัดบ้านพักให้ท่านระดับราคาที่คุณบอก ก็หรูหราพอได้นะ ยังอยู่ที่เดิมถ้ายังไหวก็จ่ายต่อ ถ้าไม่ไหว พาท่านไปบ้านพักเอกชนที่ต่างจังหวัด มีดีๆอยู่นะลองหาดูค่ะ
พนันได้เลยว่า พวกคนที่คุณส่งเสีย ไม่มีใครตายไปกับคุณแน่นอนค่ะ
ปลดพันธนาการของคุณออกไป น้อง ตัดทิ้งไปเลย
พ่อแม่ ส่งต่อให้มีที่พักและที่รักษาตัว แต่ค่าอาหารเสริม ตัดทิ้ง ไม่ใช่ค่ายา ไม่จำเป็น อาจจะมีค่าขนมให้ ท่านละ 3000 บาท ก็พอแล้ว มีน้อย ท่านก็ใช้น้อย ถ้ายังคุยรู้เรื่องก็ต้องบอกพ่อแม่แล้วล่ะค่ะว่าคุณกำลังแย่ขั้นสุด ถ้าพ่อแม่หลงลืมไปแล้วยิ่งดีเลย ท่านคงไม่มาโวยวายกับคุณ
จัดบ้านพักให้ท่านระดับราคาที่คุณบอก ก็หรูหราพอได้นะ ยังอยู่ที่เดิมถ้ายังไหวก็จ่ายต่อ ถ้าไม่ไหว พาท่านไปบ้านพักเอกชนที่ต่างจังหวัด มีดีๆอยู่นะลองหาดูค่ะ
ความคิดเห็นที่ 10
ถ้าบอกว่าเป็นเพราะคุณสปอยล์พวกเค้ามาตั้งแต่แรกจะโกรธมั้ย ?
คุณหยิบยื่นให้เค้าจนเค้าคิดว่าสบายละไม่ต้องทำงานก็มีกิน อยู่เมืองนอกต้องรวยแน่ๆทั้งที่จริงแล้วเงิน 80,000 พอแปลงเป็นเงินหน่วยของประเทศคุณแล้วไม่ได้เยอะเลย แค่พออยู่รอด ยิ่งถ้ามีครอบครัวด้วยแล้ว ยังดีที่หลายประเทศเด็กยังไม่เป็นภาระมาก แต่ก็ยังต้องกินต้องใช้อยู่ดี ยิ่งถ้าสามีก็ลำบากด้วยแล้วล่ะก็
คุณไม่ต้องกลับมาหรอก ไม่ใช่แค่คุณมีครอบครัวที่โน่นแต่เพราะมาที่นี่ไม่ได้การันตีว่าคุณจะได้เงินเรทนั้น เว้นแต่คุณเป็น specialist จริงๆซึ่งถ้าอย่างนั้นคุณคงทำงานได้เงินมากกว่านี้ไปแล้วที่โน่น ไม่รวมความเครียดจากการต้องมาดูแลคนป่วยถึง 2 คน จริงๆค่าดูแล 4-50,000 ต่อคนป่วย 2 คนไม่ถือว่าแพงเพราะค่ารักษาสมัยนี้ก็เรทนี้ เว้นแต่คุณจะเปลี่ยนไปรักษา 30 บาทแล้วลากน้องคุณมาช่วยดูแล แต่เค้าคงไม่ทำเพราะชินกับความสบายไปแล้ว คงรับความลำบากขนาดนี้ไม่ได้ แต่ก็เป็นทางเดียวที่จะทำให้ทุกคนรอด ลองเอาไปคิดดู
คุณหยิบยื่นให้เค้าจนเค้าคิดว่าสบายละไม่ต้องทำงานก็มีกิน อยู่เมืองนอกต้องรวยแน่ๆทั้งที่จริงแล้วเงิน 80,000 พอแปลงเป็นเงินหน่วยของประเทศคุณแล้วไม่ได้เยอะเลย แค่พออยู่รอด ยิ่งถ้ามีครอบครัวด้วยแล้ว ยังดีที่หลายประเทศเด็กยังไม่เป็นภาระมาก แต่ก็ยังต้องกินต้องใช้อยู่ดี ยิ่งถ้าสามีก็ลำบากด้วยแล้วล่ะก็
คุณไม่ต้องกลับมาหรอก ไม่ใช่แค่คุณมีครอบครัวที่โน่นแต่เพราะมาที่นี่ไม่ได้การันตีว่าคุณจะได้เงินเรทนั้น เว้นแต่คุณเป็น specialist จริงๆซึ่งถ้าอย่างนั้นคุณคงทำงานได้เงินมากกว่านี้ไปแล้วที่โน่น ไม่รวมความเครียดจากการต้องมาดูแลคนป่วยถึง 2 คน จริงๆค่าดูแล 4-50,000 ต่อคนป่วย 2 คนไม่ถือว่าแพงเพราะค่ารักษาสมัยนี้ก็เรทนี้ เว้นแต่คุณจะเปลี่ยนไปรักษา 30 บาทแล้วลากน้องคุณมาช่วยดูแล แต่เค้าคงไม่ทำเพราะชินกับความสบายไปแล้ว คงรับความลำบากขนาดนี้ไม่ได้ แต่ก็เป็นทางเดียวที่จะทำให้ทุกคนรอด ลองเอาไปคิดดู
แสดงความคิดเห็น
พ่อจ๋าแม่จ๋าลูกรักพ่อกับแม่มากนะแต่ตอนนี้ลูกไม่รู้จะทำยังไงดี