Kharkov อดีตเมืองหลวงประเทศยูเครน หน้าตาเป็นไงมาดูกัน [ตอนที่ 1]

เริ่มจากเมืองแรกที่เราเดินทางไปในทริปนี้

ทริปนี้เราเดินทางด้วยสายการบิน Ukrainian International Airlines (UIA) หลายคนอาจไม่คุ้นชินกับสายการบินนี้ แต่การเลือกเดินทางโดยสายการบินของประเทศนั้นๆโดยไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องเป็นตัวเลือกนึงที่ดีในการประหยัดเวลา แต่ก็ต้องทนนั่งเครื่องนานหน่อย ไฟลท์นี้บินตรงจากกรุงเทพฯ-เคียฟ ใช้เวลาประมาณ 10 ชมเศษ วันแรกที่ไปถึงเราเลือกที่จะเดินทางไปเมือง Kharkov ด้วยรถไฟ overnight ออกเดินทางจาก ​Kyiv ไปยัง Kharkov รถไฟถือเป็นตัวเลือกนึงในการเดินทางระหว่างเมืองที่นี่ ทั้งนักท่องเที่ยวและคนยูเครนเองก็นิยมเดินทางด้วยรถไฟ

รูปตู้นอนภายในหน้าตาจะประมาณนี้

ถือว่าการเดินทางด้วยรถไฟในคืนแรกผ่านไปได้ด้วยดี เช้าวันรุ่งขึ้นเราก็เดินทางมาถึงเมือง Kharkov จะพาไปเดินดูรอบๆว่าเมืองนี้เป็นยังไงกันบ้าง
วิวรอบๆบ้านทั่วๆไปในเช้าวันหยุดก็จะประมาณนี้

นี่คืออาหารเช้าที่คุณป้าเค้าเตรียมไว้ให้เราสองคน คนที่นี่จะชอบขนมปัง ชงชากันเป็นชีวิตจิตใจ อารมณ์แบบคนไทยกินข้าวทุกมื้อยังไงอย่างงั้น

เอาเป็นว่าเราจะสรุปรวมๆที่เที่ยวในเมืองที่น่าสนใจไว้ ถ้าใครมีโอกาสไปลองไปตามๆกันได้น้าาา
อันนี้คือรถรางเค้า ที่เราก็ไม่ได้มีโอกาสได้นั่ง เพราะส่วนใหญ่คือเดินกับเดิน อีกอย่างคือไม่รู้ว่าสายไหนนั่งไปไหน

บรรยากาศและสภาพอากาศคือมันดีไปหมด เอาจริงๆประเทศเค้าค่อนข้างสะอาดมาก ถนนหนทางไม่มีขยะให้เห็น ต้นไม้ใบหญ้า พื้นที่สีเขียวเยอะดี สวนสาธารณะก็ตกแต่งสวยงาม ใจกลางเมืองจะมีสวนสาธารณะที่เป็นสวนสนุก (Gorky Park) อยู่ด้วย

ส่วนนี่คือ  Monument of Lovers

เดินต่อไปอีกหน่อยก็จะเจอกับ Mirror of stream ที่นี่เป็นแลนด์มาร์คเลยก็ว่าได้ ด้านหลังจะมีโบสถ์อยู่ สวยงามมากจริงๆ

ส่วนฝั่งตรงข้ามคือ Opera House

สถานที่นัดพบยอดฮิตก็คือที่นี่ เทอร์โมมิเตอร์อันยักษ์ รอบๆมีร้านอาหาร ห้างร้านต่างๆนานา

รวมทั้ง Kharkov Historical Museum แห่งนี้ด้วย อยู่ตรงข้ามกับเทอร์โมมิเตอร์ ข้างในจัดแสดงวิวัฒนาการของประเทศตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงปัจจุบัน

ส่วนนี่คือ 3 ผู้ได้รับรางวัล Nobel prize ที่จบการศึกษาจากมหาวิยาลัยของที่นี่
ไกด์ท้องถิ่นเล่าให้ฟังว่าทำไมเมืองนี้ถึงเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านการศึกษาขึ้นมานับตั้งแต่สมัยก่อนสหภาพโซเวียต

ใกล้ๆกันก็จะมีสวนสาธารณะอีกแห่ง สงบร่มรื่นมาก ดอกไม้สีสันสวยงามเต็มไปหมด

ส่วนร้านสะดวกซื้อหาได้ทั่วไป หน้าตาจะประมาณนี้

อีกอย่างที่ขึ้นชื่อมากสำหรับเมืองนี้คือ ร้านของหวาน อารมณ์แบบแค่เห็นก็รู้สึกน้ำหนักขึ้น จะเป็นเบาหวานกันเลยทีเดียว

ทิ้งท้ายกับภาพวิวบรรยากาศชนบทนอกเมืองซะหน่อย ช่วงที่เราไปเป็นฤดูที่เค้าเก็บเกี่ยวดอกทานตะวันกันแล้ว ไม่งั้นคงได้เห็นทุ่งดอกทานตะวันเหลืองอร่ามไปหมด และที่สำคัญเป็นช่วงองุ่นพอดี ที่เห็นนี่คือร้านของชาวบ้านที่แขวนขายกันสดๆหน้าบ้านเลย หวานกรอบชื่นใจมาก

ตอนต่อไปจะเป็นเมือง Lviv ความแตกต่างระหว่างเมืองที่ติดชายแดนฝั่งรัสเซียและเมืองชายแดนประเทศโปแลนด์จะเป็นยังไง
ไว้จะรีบมาต่อตอนถัดไปสำหรับเมือง Lviv ในตอนหน้า ใครมีคำถามอะไรมาถามทิ้งไว้ได้นะ จะมารีบตอบให้จ้า
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่