ประสบการณ์นั่งรถบัสจากเต้าเฉิง (Daocheng) มาที่เฉิงตู (Chengdu) แบบไม่แวะนอนค้างคืน

จริง ๆ เป้าหมายของทริปอยู่ที่อุทยานย่าติง (Yading) ซึ่งตอนขาไป นั่งเครื่องไปลงที่คุนหมิง แล้วต่อไปที่ลี่เจียง แชงกรีล่า และสิ้นสุดที่ย่าติง จากนั้นปกติจะกลับเส้นทางเดิม แต่ผมเลือกที่จะบินกลับกรุงเทพฯ ทางเฉิงตู (แทนที่จะเป็นคุนหมิง) ก็เลยจะมาเล่าให้ฟังว่าถ้ากลับเส้นทางนี้โดยนั่งรถบัส ผมเจออะไรบ้าง

แผนการเดินทาง
20 ตุลาคม ดอนเมือง-คุนหมิง-ลี่เจียง
21 ตุลาคม ลี่เจียง
22 ตุลาคม ลี่เจียง-แชงกรีล่า-รื่อหว่า
23 ตุลาคม รื่อหว่า-ย่าติง
24 ตุลาคม ย่าติง
25 ตุลาคม ย่าติง-เต้าเฉิง
26 ตุลาคม เต้าเฉิง-เฉิงตู
27 ตุลาคม เฉิงตู-ดอนเมือง

เมื่อแผนการเดินทางของผมชัดเจนแล้วว่าเมื่อสิ้นสุดที่ย่าติงวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา จะต้องหารถไปนอนค้างที่เต้าเฉิงเพื่อรอรถบัสเที่ยวเวลา 06.10 น. ที่วิ่งยาวจากเต้าเฉิงไปเฉิงตู ซึ่งมีแค่เที่ยวละวันเท่านั้น ซึ่งเสี่ยงมากที่รถจะเต็มถ้าไม่ได้จองล่วงหน้า ด้วยความบังเอิญ วันที่ 22 ตุลาคม ก่อนจะไปที่ย่าติง ผมเล่าให้เจ้าของโฮสเทลที่แชงกรีล่าฟัง เขาเลยช่วยจัดการติดต่อเพื่อนที่เต้าเฉิงซึ่งเป็นเจ้าของโฮสเทลเหมือนกันให้ช่วยจองตั๋วรถให้  (เมื่อผมเดินทางถึงเต้าเฉิงวันที่ 25 ผมก็พักที่โฮสเทลของเขาเลย)

ในการจองตั๋วล่วงหน้าสำหรับชาวต่างชาติ ไม่มีจองแบบออนไลน์ ต้องไปซื้อที่สถานีรถบัสเท่านั้น โดยผมได้ส่งหน้าพาสปอร์ตไปให้เจ้าของโฮสเทลที่เต้าเฉิง ผมถามว่าต้องโอนเงินให้เลยมั้ย เขาบอกว่าไม่ต้อง เดี๋ยวมาจ่ายพร้อมค่าห้องพักในวันที่ 25 เลย (ใจดีจัง)
...ในที่สุดก็ได้ตั๋วมา  อุ่นใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องตั๋วแล้ว



ข้อมูลที่ระบุในตั๋ว ประกอบด้วย...
1. หมายเลขพาสปอร์ตของเราเพื่อยืนยันตัวตนเวลาขึ้นรถ
2. หมายเลขรถ (ในตั๋วคือหมายเลข CD 1001) เวลาขึ้นรถจะมีเลข 1001 แปะไว้หน้ารถ
3. เส้นทาง (ซึ่งเขียนเป็นภาษาจีน)
4. ราคา (269 หยวน)
5. หมายเลขที่นั่ง (ผมได้ที่นั่งหมายเลข 1 อยู่แถวแรกริมหน้าต่าง ติดกระจกหน้ารถเลย) ซึ่งเท่าที่สังเกตจะมีอยู่ประมาณ 40 กว่าที่นั่ง มีระบุหมายเลขที่นั่งชัดเจน และไม่มีเบาะเสริมแต่อย่างใด
6. เวลาที่รถออก (06.10 น.)
7. วันที่เดินทาง (ที่จีนจะระบุเป็น ปี-เดือน-วัน คือ 18-10-26 = วันที่ 26 เดือนตุลาคม ปี 2018)

เมื่อถึงวันเดินทาง เจ้าของโฮสเทลที่ผมพักอาสามาส่งที่สถานีรถบัส โดยนัดหมายออกจากโฮสเทลเวลา 05.30 น. มาถึงที่สถานีรถบัส 05.45 น. จากนั้นทำการเอ็กซเรย์กระเป๋า ตรวจตั๋ว แล้วมองหารถคันหมายเลข 1001 เพื่อความมั่นใจเลยถามเจ้าหน้าที่ว่าใช่คันนี้มั้ยโดยยื่นตั๋วให้ดู เจ้าหน้าที่ก็ยืนยันว่าถูกคันแล้ว เอากระเป๋าเก็บและขึ้นบนรถได้เลย

รถบัสเป็นรถ 2 ชั้น โดยที่นั่งหมายเลข 1,2,3,4 จะเป็นแถวแรกติดกระจกหน้ารถอยู่เหนือคนขับ วิวดี ถ่ายรูปได้ แต่เบาะเอนไม่ได้ แถมเก้าอี้ชิดกระจกหน้าไปนิด เลยเหยียดขาได้นิดหน่อยเท่านั้น

เวลา 06.13 น. รถออกจากสถานี (เลทไป 3 นาที) เมื่อเดินทางมาได้ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ปรากฏว่ารถเสีย ต้องจอดซ่อมประมาณ 25 นาที จากนั้นเดินทางต่อ และจอดแวะให้กินข้าวเช้าที่เมือง Litang เวลา 09.30 น. ซึ่งจุดแวะพักนั้นมาของกินขายพอสมควร แต่ห้องน้ำ..... เป็นแบบเปิดเผย คือเดินเข้าไปเห็นกันหมดเลยว่าใครกำลังนั่งอึ๊หรือยืนฉี่ โล่งโจ้งเลย T T
รถจอดประมาณ 15 - 20 นาทีก็เดินทางต่อ
เส้นทางส่วนใหญ่เป็นทางขึ้น-ลงเขา รถวิ่งได้ไม่เร็วนัก
จากนั้นเวลา 12.15 น. รถจอดอีกครั้งที่จุดแวะพักรถ (จำชื่อเมืองไม่ได้) จุดนี้ก็มีร้านอาหารขาย กับห้องน้ำให้เข้า (แต่คราวนี้ไม่ได้เข้าเลยไม่รู้ว่าเป็นยังไง)
จากนั้นแวะอีก 1 ครั้งเพื่อลงเวลาที่เมือง Xinduqiao ประมาณ 3-5 นาที แล้วเดินทางต่อ มุ่งหน้าเมือง Kangding

เส้นทางจากเมือง Xinduqiao ถึง Kangding เป็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก เป็นการวิ่งผ่านภูเขาหิมะ แบบนี้...




เวลา 16.30 น. รถเดินทางถึงเมือง Kangding แวะพักรถ 10 นาที ห้องน้ำที่นี่ดีหน่อย มิดชิด น่าเข้า จากนั้นเดินทางต่อ จนมาถึงที่เมือง Ya'an เวลา 19.30 น. รถจอดแวะพักให้กินข้าวเย็น 15-20 นาที แล้วเดินทางต่อมุ่งหน้าเฉิงตู ห้องน้ำที่จุดแวะพักรถตรงนี้ก็ไม่ต่างจากที่เมือง Litang เลย คือเป็นแบบเปิดโล่งโจ้ง เลือกมุมยืนมุมนั่งเอาตามที่สบายใจ

รถมาถึงที่เฉิงตู จอดที่ Chengdu Tourist Bus Center ที่ถนน Xiannan เวลา 20.45 น.
สิ้นสุดการเดินทางที่ยาวนานและเมื่อยตูดมากกกกก
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่