มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบนถนน 2เลนสวนกัน มีรถยนต์ 1คันและรถจยย 1คัน ขับตามกันมาในเลนเดียวกัน และรถจยย 1คัน ขับมาในเลนตรงกันข้าม เหตุเกิดตรงที่รถจยยคันที่ขับตามรถยนต์มาจะแซง จึงเร่งความเร็วและเปลี่ยนเลน ทำให้ไปชนกับรถจยยอีกคันที่ขับสวนเลนมา หลังจากเกิดอุบัติเหตุ ผู้ขับรถยนต์จึงหยุดรถข้างทางและลงมาดูเหตุการณ์อยู่ครู่หนึ่ง ประมาณ2นาที “โดยไม่ทราบว่าตนได้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยทำให้ผู้ขับขี่จยยคนหนึ่งบาดเจ็บ” และไม่ได้เข้าให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ เนื่องจากมีบุคคลที่เห็นเหตุการณ์และอยู่บริเวณที่เกิดเหตุเข้าช่วยเหลือและแจ้งหน่วยกู้ภัยเพื่อขอความช่วยเหลือแล้ว ผู้ขับรถยนต์จึงเคลื่อนรถออกไป ประมาณ2-300เมตร (เพื่ออำนวยความสะดวกให้การจราจรที่ติดขัดสามารถดำเนินไปได้ และเพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่กู้ภัย) แล้วผู้ขับรถยนต์จึงเดินเท้ากลับมายังสถานที่เกิดเหตุโดยใช้เวลาประมาณ10นาทีนับจากเกิดเหตุจึงมาถึง เพื่อหวังว่าหากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ จะสามารถช่วยเหลือโดยการให้ปากคำที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวได้ แต่ ณ วันนั้นไม่ได้มีเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบเหตุการณ์ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำผู้บาดเจ็บทั้งหมดส่งรพ เรียบร้อยแล้ว ผู้ขับรถยนต์จึงเดินเท้ากลับไปยังรถยนต์ที่จอดไว้และเคลื่อนรถยนต์ไปยังจุดหมายต่อไป โดยไม่ได้มีการไปลงบันทึกประจำวันยัง สน. ใกล้เคียง
เมื่อผ่านเหตุการณ์ไปเกือบ 3เดือน มีญาติผู้บาดเจ็บฝ่ายที่ขับรถจยยแซงรถยนต์ขึ้นไปจนทำให้เกิดอุบัติเหตุ โทรมาแจ้งว่าผู้ขับรถยนต์มีส่วนเกี่ยวกับอุบัติเหตุดังกล่าว โดยหลังจากที่รถจยยทั้ง 2คัน ชนกัน ทำให้ผู้ขับขี่จยยคันที่แซงรถยนต์ขึ้น เสียหลักล้มลง มีมือและหน้าที่ยื่นเข้าไปใต้ล้อรถยนต์ จึงทำให้ถูกเหยียบ และต้องการเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลจากผู้ขับรถยนต์ จึงอยากขอนัดให้มาเจรจาไกล่เกลี่ยเพื่อรับผิดชอบ โดยมีการกล่าวหาว่า “ผู้ที่ขับรถยนต์ เป็นผู้ที่ชนแล้วหนี” หากไม่มาเจรจาไกล่เกลี่ยจะแจ้งดำเนินคดีต่อไป มีหลักฐานเป็นคลิปวีดิโอจากกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ (มุมกล้องที่เห็นนั้นไม่ได้มองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เห็นเพียงแต่ขณะที่เหยียบอวัยวะของผู้ขับรถจยยเท่านั้น)
***ญาติผู้ที่ขับรถจยยแซงรถยนต์ แจ้งว่ายังไม่ได้มีการแจ้งความหรือลงบันทึกประจำวันใดๆ และได้มีการจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับผู้บาดเจ็บอีกคนที่ขับรถจยยอยู่ในเลนตรงข้ามเรียบร้อยแล้ว
อยากทราบว่า
1. ผู้ขับรถยนต์ถือว่าเป็นผู้ที่ชนแล้วหนีตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่?
2. ผู้ที่ขับรถยนต์ควรปฏิบัติตนอย่างไรต่อไปจึงปลอดภัยต่อตัวเองเมื่อถูกดำเนินคดี
3. ผู้ที่ขีบรถยนต์ควรจ่ายค่ารักษาพยาบาลไหม
ปล.ที่กังวลคือเวลาล่วงเลยมาแล้วเกือบ3เดือน คงจะเป็นไปได้ยาก เพราะเท่าที่ลองสอบถามเกี่ยวกับกล้องวงจรปิดแถวที่เกิดเหตุ แจ้งว่ามีเก็บไว้แค่2อาทิตย์ กับ20วันล่าสุด
ชนแล้วหนีจริงหรือ?
เมื่อผ่านเหตุการณ์ไปเกือบ 3เดือน มีญาติผู้บาดเจ็บฝ่ายที่ขับรถจยยแซงรถยนต์ขึ้นไปจนทำให้เกิดอุบัติเหตุ โทรมาแจ้งว่าผู้ขับรถยนต์มีส่วนเกี่ยวกับอุบัติเหตุดังกล่าว โดยหลังจากที่รถจยยทั้ง 2คัน ชนกัน ทำให้ผู้ขับขี่จยยคันที่แซงรถยนต์ขึ้น เสียหลักล้มลง มีมือและหน้าที่ยื่นเข้าไปใต้ล้อรถยนต์ จึงทำให้ถูกเหยียบ และต้องการเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลจากผู้ขับรถยนต์ จึงอยากขอนัดให้มาเจรจาไกล่เกลี่ยเพื่อรับผิดชอบ โดยมีการกล่าวหาว่า “ผู้ที่ขับรถยนต์ เป็นผู้ที่ชนแล้วหนี” หากไม่มาเจรจาไกล่เกลี่ยจะแจ้งดำเนินคดีต่อไป มีหลักฐานเป็นคลิปวีดิโอจากกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ (มุมกล้องที่เห็นนั้นไม่ได้มองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เห็นเพียงแต่ขณะที่เหยียบอวัยวะของผู้ขับรถจยยเท่านั้น)
***ญาติผู้ที่ขับรถจยยแซงรถยนต์ แจ้งว่ายังไม่ได้มีการแจ้งความหรือลงบันทึกประจำวันใดๆ และได้มีการจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับผู้บาดเจ็บอีกคนที่ขับรถจยยอยู่ในเลนตรงข้ามเรียบร้อยแล้ว
อยากทราบว่า
1. ผู้ขับรถยนต์ถือว่าเป็นผู้ที่ชนแล้วหนีตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่?
2. ผู้ที่ขับรถยนต์ควรปฏิบัติตนอย่างไรต่อไปจึงปลอดภัยต่อตัวเองเมื่อถูกดำเนินคดี
3. ผู้ที่ขีบรถยนต์ควรจ่ายค่ารักษาพยาบาลไหม
ปล.ที่กังวลคือเวลาล่วงเลยมาแล้วเกือบ3เดือน คงจะเป็นไปได้ยาก เพราะเท่าที่ลองสอบถามเกี่ยวกับกล้องวงจรปิดแถวที่เกิดเหตุ แจ้งว่ามีเก็บไว้แค่2อาทิตย์ กับ20วันล่าสุด