สวัสดีค่ะ เราอายุ17 ก่อนลดน้ำหนักเราหนัก62กก. สูง157 เรื่องมันเริ่มจากวันนั้นเป็นวันแรกของการเปิดเทอม โอ้โหทำไมเพื่อนๆผอมลงจังทำไมเราอ้วนขึ้นเนี่ย! พวกเพื่อนผช.ก็พากันล้อเรา เห้ยไม่ลดน้ำหนักแบบเพื่อนคนนั้นมั่งหรอ ไอหมูตอน ไออ้วน ไปวิ่งให้น้ำหนักลดก่อนไปค่อยมาซ้อนท้าย อื้อหือออ แต่ละคำ ตอนเที่ยงเรากินข้าวไม่ลงเลยได้แต่มองเพื่อนที่ผอมลง กินข้าวแค่3คำก็ทิ้งเลยนอยด์มากตอนนั้น และเพราะเราเป็นคนที่จิงจังมาก กลับบ้านมาเราไม่กินไรเลยและออกไปวิ่งครึ่งชม.เข้าฟิตเนส1ชม.กลับมาฮูล่าฮูป+กระโดดเชือกอีก500ครั้ง และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของหายนะทั้งหลายย เราตัดขาดทุกอย่าง ขนมเอยน้ำอัดลมเอยของทอดหรอหึไม่ได้แอ้มชั้นหรอก เราเริ่มลดน้ำหนัก(แบบผิดวิธีมากๆๆ)ตั้งแต่นั้นมา วันๆแทบไม่กินอะไรแต่กินครบ3มื้อ ตย.มื้อเช้ากินขนมปัง2แผ่นกับน้ำเต้าหู้3อึก นับไป300แคล กลางวันข้าว5คำนับไป500แคล ตอนเย็นผลไม้5คำเล็กๆนับไป100แคล แต่จิงๆแล้วคือไม่ถึงที่นับอ่ะ เดือนแรกผ่านไปลดไปได้ถึง8โล ว้าวววเก่งจัง หึหึร่างกายกำลังจะแย่ล้ะยังไม่รู้ตัว เดือนแรกที่ลด ปจด.ไม่มา หงุดหงิด ไม่เข้าสังคม หมกมุ่นแต่จะออกกำลังนับแคล จะกินอะไรเปิดเน็ตค้นหาแคล หาไม่เจอหรอ ไม่กินจ้าา ยอมอด เพื่อนๆเริ่มไม่ค่อยกล้าคุยด้วยเพราะเราชอบเหวี่ยง เดือนที่2ผ่านไปลดได้อีก4โล 2เดือนลดไป12โล ขุ่นพระ!! เก่งจังปรบมือจ้า 555และแล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เริ่มมีคนทักว่าซีดนะ ขาดสารอาหารหรอ ไม่สบายหรอลูก เดี๋ยวนะเราก็ปกตินี่ซีดหรอไม่นะ แข็งแรงดี วิ่งทุกวันเลย หลังจากนั้น1อาทิตย์ เริ่มปวดท้อง ถ่ายเป็นสีดำ เลยไปคลินิกหมอบอกเป็นแผลในกระเพาะให้ยามากิน เราก็กินยาปกติ แต่ยังออกกำลังและกินแบบเดิมอยู่ จนหลังๆเราเริ่มไม่มีแรงที่จะเดินขึ้นบันได เหนื่อยง่าย หน้ามืด หูอื้อๆ เริ่มวิ่งไม่ไหว แต่!! วิ่งไม่ไหวหรอไม่เป็นไรๆ ปั่นจักรยานได้จ้า แต่ขณะปั่นนี่คือ หายใจไม่เต็มปอด ถีบไม่ค่อยไป เหมือนจะขาดใจ แต่สมองบอกยังไหวๆ ก็เล่นต่อไปจนครบ2ชม. คือกลับจากรร.ก็สิงในฟิตเนสเลยไรงี้
3เดือนผ่านไปน้ำหนักเหลือ45 แต่ร่างกายโคตรแย่เลย แต่เรายังไม่ยอมรับตัวเองนะว่าแย่แล้ว พ่อกับแม่เริ่มทักว่าผอมไปแล้วกินข้าวเถอะลูกแม่ขอร้อง เราก็บอกว่าไม่กินเดี๋ยวอ้วน บางทีทะเลาะกับแม่เพราะแม่ทำกับข้าวแล้วใส่น้ำมัน ถ้าเราเห็นเราจะไม่กินข้าวมื้อนั้นเลย คนรอบข้างเริ่มเป็นห่วงเรา เพราะเราผอมจนเห็นกระดูก เรานอนบนพื้นปูนไม่ได้เพราะกระดูกมันจะไปโดนปูนแล้วเราจะเจ็บมาก นั่งนานๆก็ไม่ได้ปวดก้น ขี้หนาวมากๆ ไม่เคยนอนแบบเปิดพัดลมเรย และแล้วหายนะก็เกิดขึ้น วันนั้นเราอยากกินมะยมมาก ด้วยความที่กลัวแคลเกิน ตอนเช้าเรากินแค่กล้วย1ลูก เก็บท้องไว้กินมะยมเป็นมื้อเที่ยง พอเที่ยงก็สอยมะยมกินจ้าา ตอนเย็นกินแก้วมังกรอีกครึ่งและออกกำลังกาย1ชม. วันต่อมาต้องไปรร. เราก็ตื่นอาบน้ำปกติ ระหว่างทาครีมก็หมุนฮูลาฮูปไปด้วยแต่!! เราปวดท้องมากจะถ่าย+จะอ้วก เลยวิ่งเข้าห้องน้ำก็ถ่ายเป็นน้ำ อึเรายังเป็นสีดำอยู่นะ คือยังไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่เราเปิดในเน็ตเขาว่าเป็นแผลในกระเพาะ ด้วยความชั่งใจก็ไม่ได้บอกใครคิดว่ากินยาคลินิกเดี๋ยวก็หายแหละ
ต่อๆพอถ่ายเสร็จก็กลับเข้าห้อง คือกลับมานอนเรย เท้าเย็น มือเย็น หน้ามืด หูอื้อตลอดเวลา นอนสักพักก็เริ่มดีขึ้นเลยแต่งตัวไป รร. ตอนนั่งรถคือจะอ้วกตลอด พอถึงรร.เพื่อนทักเลยว่าเป็นไรทำไมซีดขนาดนี้ เราก็บอกถ่ายท้องเมื่อวานกินมะยมมา เพื่อนบอกไปห้องพยาบาลเถอะ เราก็อ่าๆ พอไปถึงเราก็โทรหาพ่อ เล่าให้พ่อฟังว่าไม่ไหวแล้ว จะอ้วกหน้ามืด หนาวมาก 10นาทีพ่อถึง รร.เลย ลาครูไป รพ.ทันที พอไปถึงตอนแรกก็รอคิว ระหว่างนั้นพยาบาลก็ให้ไปชั่งน้ำหนักวัดความดัน ซึ่งความดันเราต่ำมากๆ พยาบาลเลยให้นั่งวิลแชร์ และส่งช่องทางด่วน แซงคิวเพื่อพบหมอทันที ได้เรื่องเลยหมอสั่งแอดมิดให้เลือด2ถุงจ้า น้ำตาไหลล ให้เลือดไปร้องไห้ไปมันปวดและทรมานมาก แม่เราเห็นเราร้องก็ร้องตาม แล้วถามว่า กินข้าวเหมือนคนปกติได้ยัง หยุดออกกำลังได้ยัง แค่นั้นแหละเราร้องไม่หยุดเลย
คืนนั้นเราก็เลยคิดทั้งคืนว่าผอมแล้วไง ผอมแบบผิดๆมีแต่เสียกับเสีย ทำไมเราไม่รักตัวเอง ทำเพื่อใครอยู่ เราก็สัญญากลับตัวเองว่าจะกลับมากินและหยุดออกกำลังกายเพื่อฟื้นฟูตัวเอง แต่เราถูกโรคคลั่งผอมคลอบงำแล้ว เพราะเราไม่สามารถหยุดความคิดที่จะผอมได้ เราก็ทำแบบเดิมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันแย่กว่าเดิม เพราะพอเราออกกำลังกายได้น้อยลง เราก็ยิ่งไม่กินหนักกว่าเดิม และเดินทั้งวันเพื่อเผาผลาญ ตอนนั้นยังไม่รู้นะว่าตัวเองคลั่งผอม จนแม่เปิดอ่านหนังสือพิมพ์ และเรียกเราไปดู กระจ่างเลยยย เราเลยเปิดเน็ตหาอ่านโอ้โหหห นี่เอาชีวิตเรามาเขียนชัดๆ จากนั้นเราก็ไล่อ่านทั้งวัน อ่านไปร้องไป เพราะกลัวตายด้วย แต่ก็กลัวอ้วนอีก ตอนนั้นคือแบบเหมือนเป็นโรคจิตอ่ะ กลับมากินก็กลัวโยโย่ คือแบบทั้งวันนี่มีแต่เปิดพันทิปดูทุกกระทู้เกี่ยวกับการคลั่งผอม โยโย่จากการอดอาหาร โรคขาดสารอาหาร(หมอบอกเราขาดธาตุเหล็ก) คือแบบอ่านแบบนี้ทั้งวันเลย ขนาดเห็นตย.แล้วว่าโรคนี้น่ากลัวแค่ไหน แต่เราก็ยังออกกำลังกายและจำกัดแคลเหมือนเดิม ไปรร.ก็วูป คือแบบสภาพเรานี่เพื่อนแทบหามขึ้นบันไดทุกวันอ่ะ พอครบกำหนดหมอนัด ก็ให้เลือดอีก2ถุงโอ้ยชีวิตช้านนน ตอนนี้น้ำหนักเราเหลือแค่39กก.เอง เราซีดกว่าเดิม ความดันนี่ต่ำลงอีก คือผอมสุดในชีวิตอ่ะ แต่แล้ววันนี้ก็เป็นจุดเปลี่ยนความคิดเราพี่สาวเราเค้าเป็นคนบ้างานมาก ไม่ค่อยสนใจเราหรอก แต่เรารักพี่เรามากนะ แต่คืออยู่คนละที่กันและเค้าแทบไม่ค่อยสนใจเราเรย ถึงเวลาส่งเงินๆให้แค่นั้น ตั้งแต่เราเป็นโรคนี้เค้าก็แค่ถามแบบพอนอนรพ.งี้ก็ถามแค่ว่าให้เลือดไปกี่ถุงละ และก็วาง แต่วันที่เราให้เลือดครั้งที่2 พี่เค้าโทรมาพร้อมเสียงสั่นๆว่า พอได้รึยังไม่รักตัวเองหรอ ผอมไปทำไม ผอมแล้วขาดสารอาหารนี่ดีหรอ อยากเป็นหมอแต่ตัวเองยังรักษาไม่ได้เลยจะรักษาชีวิตใครเค้าได้ และเค้าก็วางไป โอ้โหหห
เรานี่แบบจุกเลยอ่ะ พ่อแม่พูดยังไม่รู้สึกจุกขนาดนี้เลย จากนั้นเราก็เริ่มคิดได้ และก็หยุดทุกอย่างและกินปกติแบบมนุษย์555 ตอนนี้เราไม่ชั่งน้ำหนักเรย เราปล่อยวางจะอ้วนก็ช่างมัน สุขภาพต้องมาก่อน เราว่าเราหายจากการคลั่งผอมแล้วนะ แต่เรายังต้องเข้า รพ.ทุกเดือน ที่เรามาแชร์ประสบการณ์นี้ไม่ใช่ว่ามาแชร์ความบ้าของตัวเองนะ แต่เราเชื่อว่าโรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกๆคน โดยเฉพาะวัยรุ่น ใครที่กำลังเป็น หรือกำลังจะเป็นเราอยากให้หยุดมันซ้ะ ก่อนจะได้ไปหยุดในสี่เหลี่ยมที่แคปๆหรือโลงนั่นเอง...
ประสบการณ์คลั่งผอม(อยากหายจากโรคนี้หรือโลกนี้)
3เดือนผ่านไปน้ำหนักเหลือ45 แต่ร่างกายโคตรแย่เลย แต่เรายังไม่ยอมรับตัวเองนะว่าแย่แล้ว พ่อกับแม่เริ่มทักว่าผอมไปแล้วกินข้าวเถอะลูกแม่ขอร้อง เราก็บอกว่าไม่กินเดี๋ยวอ้วน บางทีทะเลาะกับแม่เพราะแม่ทำกับข้าวแล้วใส่น้ำมัน ถ้าเราเห็นเราจะไม่กินข้าวมื้อนั้นเลย คนรอบข้างเริ่มเป็นห่วงเรา เพราะเราผอมจนเห็นกระดูก เรานอนบนพื้นปูนไม่ได้เพราะกระดูกมันจะไปโดนปูนแล้วเราจะเจ็บมาก นั่งนานๆก็ไม่ได้ปวดก้น ขี้หนาวมากๆ ไม่เคยนอนแบบเปิดพัดลมเรย และแล้วหายนะก็เกิดขึ้น วันนั้นเราอยากกินมะยมมาก ด้วยความที่กลัวแคลเกิน ตอนเช้าเรากินแค่กล้วย1ลูก เก็บท้องไว้กินมะยมเป็นมื้อเที่ยง พอเที่ยงก็สอยมะยมกินจ้าา ตอนเย็นกินแก้วมังกรอีกครึ่งและออกกำลังกาย1ชม. วันต่อมาต้องไปรร. เราก็ตื่นอาบน้ำปกติ ระหว่างทาครีมก็หมุนฮูลาฮูปไปด้วยแต่!! เราปวดท้องมากจะถ่าย+จะอ้วก เลยวิ่งเข้าห้องน้ำก็ถ่ายเป็นน้ำ อึเรายังเป็นสีดำอยู่นะ คือยังไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่เราเปิดในเน็ตเขาว่าเป็นแผลในกระเพาะ ด้วยความชั่งใจก็ไม่ได้บอกใครคิดว่ากินยาคลินิกเดี๋ยวก็หายแหละ
ต่อๆพอถ่ายเสร็จก็กลับเข้าห้อง คือกลับมานอนเรย เท้าเย็น มือเย็น หน้ามืด หูอื้อตลอดเวลา นอนสักพักก็เริ่มดีขึ้นเลยแต่งตัวไป รร. ตอนนั่งรถคือจะอ้วกตลอด พอถึงรร.เพื่อนทักเลยว่าเป็นไรทำไมซีดขนาดนี้ เราก็บอกถ่ายท้องเมื่อวานกินมะยมมา เพื่อนบอกไปห้องพยาบาลเถอะ เราก็อ่าๆ พอไปถึงเราก็โทรหาพ่อ เล่าให้พ่อฟังว่าไม่ไหวแล้ว จะอ้วกหน้ามืด หนาวมาก 10นาทีพ่อถึง รร.เลย ลาครูไป รพ.ทันที พอไปถึงตอนแรกก็รอคิว ระหว่างนั้นพยาบาลก็ให้ไปชั่งน้ำหนักวัดความดัน ซึ่งความดันเราต่ำมากๆ พยาบาลเลยให้นั่งวิลแชร์ และส่งช่องทางด่วน แซงคิวเพื่อพบหมอทันที ได้เรื่องเลยหมอสั่งแอดมิดให้เลือด2ถุงจ้า น้ำตาไหลล ให้เลือดไปร้องไห้ไปมันปวดและทรมานมาก แม่เราเห็นเราร้องก็ร้องตาม แล้วถามว่า กินข้าวเหมือนคนปกติได้ยัง หยุดออกกำลังได้ยัง แค่นั้นแหละเราร้องไม่หยุดเลย
คืนนั้นเราก็เลยคิดทั้งคืนว่าผอมแล้วไง ผอมแบบผิดๆมีแต่เสียกับเสีย ทำไมเราไม่รักตัวเอง ทำเพื่อใครอยู่ เราก็สัญญากลับตัวเองว่าจะกลับมากินและหยุดออกกำลังกายเพื่อฟื้นฟูตัวเอง แต่เราถูกโรคคลั่งผอมคลอบงำแล้ว เพราะเราไม่สามารถหยุดความคิดที่จะผอมได้ เราก็ทำแบบเดิมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันแย่กว่าเดิม เพราะพอเราออกกำลังกายได้น้อยลง เราก็ยิ่งไม่กินหนักกว่าเดิม และเดินทั้งวันเพื่อเผาผลาญ ตอนนั้นยังไม่รู้นะว่าตัวเองคลั่งผอม จนแม่เปิดอ่านหนังสือพิมพ์ และเรียกเราไปดู กระจ่างเลยยย เราเลยเปิดเน็ตหาอ่านโอ้โหหห นี่เอาชีวิตเรามาเขียนชัดๆ จากนั้นเราก็ไล่อ่านทั้งวัน อ่านไปร้องไป เพราะกลัวตายด้วย แต่ก็กลัวอ้วนอีก ตอนนั้นคือแบบเหมือนเป็นโรคจิตอ่ะ กลับมากินก็กลัวโยโย่ คือแบบทั้งวันนี่มีแต่เปิดพันทิปดูทุกกระทู้เกี่ยวกับการคลั่งผอม โยโย่จากการอดอาหาร โรคขาดสารอาหาร(หมอบอกเราขาดธาตุเหล็ก) คือแบบอ่านแบบนี้ทั้งวันเลย ขนาดเห็นตย.แล้วว่าโรคนี้น่ากลัวแค่ไหน แต่เราก็ยังออกกำลังกายและจำกัดแคลเหมือนเดิม ไปรร.ก็วูป คือแบบสภาพเรานี่เพื่อนแทบหามขึ้นบันไดทุกวันอ่ะ พอครบกำหนดหมอนัด ก็ให้เลือดอีก2ถุงโอ้ยชีวิตช้านนน ตอนนี้น้ำหนักเราเหลือแค่39กก.เอง เราซีดกว่าเดิม ความดันนี่ต่ำลงอีก คือผอมสุดในชีวิตอ่ะ แต่แล้ววันนี้ก็เป็นจุดเปลี่ยนความคิดเราพี่สาวเราเค้าเป็นคนบ้างานมาก ไม่ค่อยสนใจเราหรอก แต่เรารักพี่เรามากนะ แต่คืออยู่คนละที่กันและเค้าแทบไม่ค่อยสนใจเราเรย ถึงเวลาส่งเงินๆให้แค่นั้น ตั้งแต่เราเป็นโรคนี้เค้าก็แค่ถามแบบพอนอนรพ.งี้ก็ถามแค่ว่าให้เลือดไปกี่ถุงละ และก็วาง แต่วันที่เราให้เลือดครั้งที่2 พี่เค้าโทรมาพร้อมเสียงสั่นๆว่า พอได้รึยังไม่รักตัวเองหรอ ผอมไปทำไม ผอมแล้วขาดสารอาหารนี่ดีหรอ อยากเป็นหมอแต่ตัวเองยังรักษาไม่ได้เลยจะรักษาชีวิตใครเค้าได้ และเค้าก็วางไป โอ้โหหห
เรานี่แบบจุกเลยอ่ะ พ่อแม่พูดยังไม่รู้สึกจุกขนาดนี้เลย จากนั้นเราก็เริ่มคิดได้ และก็หยุดทุกอย่างและกินปกติแบบมนุษย์555 ตอนนี้เราไม่ชั่งน้ำหนักเรย เราปล่อยวางจะอ้วนก็ช่างมัน สุขภาพต้องมาก่อน เราว่าเราหายจากการคลั่งผอมแล้วนะ แต่เรายังต้องเข้า รพ.ทุกเดือน ที่เรามาแชร์ประสบการณ์นี้ไม่ใช่ว่ามาแชร์ความบ้าของตัวเองนะ แต่เราเชื่อว่าโรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกๆคน โดยเฉพาะวัยรุ่น ใครที่กำลังเป็น หรือกำลังจะเป็นเราอยากให้หยุดมันซ้ะ ก่อนจะได้ไปหยุดในสี่เหลี่ยมที่แคปๆหรือโลงนั่นเอง...