ในเมืองเล็กๆ สุดขอบชายฝั่งของสก็อตแลนด์ John o’ Groats ที่ซึ่งมีประชากรเพียง 6000 คน ที่นี่เอง เป็นจุดเริ่มต้นของวงดนตรี 6-piece band อนาคตไกลจากตอนเหนือสุดของเกาะบริเทน “Neon Waltz”
เด็กหนุ่ม 6 คนจากโรงเรียนเดียวกัน Jordan Shearer (นักร้องนำ), Darren Coghill (มือกลอง), Calvin Wilson (มือเบส), Liam Whittles (มือคีย์บอร์ด), และสองพี่น้อง Kevin-Jamie Swanson (มือกีตาร์) เชื่อมโยงกันด้วยดนตรี โดยพวกเขาได้รับอิทธิพลจากวงดนตรีที่มีชื่อเสียงในอดีตอย่าง The Band, The National, The Walkman, etc. หรือแม้กระทั่งชื่อวง “Neon Waltz” นั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจาก The Last Waltz คอนเสิร์ตส่งท้ายของวงดนตรีร็อกชั้นนำยุค 70’s อย่าง The Band
ถึงแม้จะเริ่มจับกลุ่มกันตั้งแต่มัธยม แต่แรกเริ่มเป็นไปเพื่อความบันเทิงประสาวัยรุ่นเท่านั้น พวกเขาเพิ่งจะเริ่มคิดถึงการเป็นวงดนตรีจริงจัง หลังจากเขียนเพลง Sundial ในปี 2014 นี้เอง
ด้วยฝีไม้ลายมือที่น่าจับตามอง ทำให้ข้อเสนอจากค่าย Atantic Records ก่อนจะตระหนักว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการ ทั้งหกคนเห็นพ้องที่จะยุติสัญญากับ Atlantic Records ในเวลาต่อมา
“เราทั้งหกคนต่างก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ตัวเรา พวกเขาเหมือนจะต้องการให้เราเป็น The 1975 ให้มากขึ้น และเป็น Neon Waltz ให้น้อยลง”
พวกเขายังได้รับความสนใจจาก Bill Ryder-Jones อดีตสมาชิก The Coral และ Howie Payne อดีตสมาชิกวง The Strands ซึ่งฝ่ายหลังนี่เองที่ชักพาให้พวกเขารู้จักกับ Marcus Russell ผู้จัดการศิลปินที่ดูแล Noel Gallagher, Catfish and the Bottlemen ตลอดจนศิลปินชื่อดังอีกมากมาย และในปัจจุบันพวกเขาก็อยู่ภายใต้สังกัด Ignition Records ของ Marcus Russell นั่นเอง
ในปี 2015 Neon Waltz ได้รับโอกาสขึ้นเวทีในฐานะ supporting bands ของวงอย่าง The Coral, Noel Gallaghers และ The Sherlocks ก่อนจะส่งอัลบั้มเดบิวท์ “Strange Hymns” ออกสู่สายตาสาธารณะชนในเดือนสิงหาคม 2017
“พวกเราทั้งหกคนต่างก็เขียนเพลง แค่เนื้อเพลงกับกีตาร์หรือเปียโนอคูสติกง่ายๆ แล้วส่งให้ทุกคน จากนั้นพวกเราถึงจะมาใส่ดนตรีเพิ่มเติม แล้วนั่งคุยกันว่าชอบหรือไม่ชอบตรงไหน เลียม (มือคีย์บอร์ด) เขียนเพลงเก่งมาก เขามีพรสวรรค์เรื่องนี้ เวลาเราเขียนอะไรไม่ออกก็มักจะไปหาเลียม (หัวเราะ)”
อัลบั้ม Strange Hymns เปิดฉากด้วยเพลงในจังหวะกลางๆ ชวนโยกเบาๆ และมีกลิ่นอายไซเคเดลิกร็อก อย่าง Sundial เพลงแรกที่พวกเขารู้สึกพึงพอใจอย่างแท้จริง ได้กลายมาเป็นเพลงแรกในอัลบั้มเดบิวท์ ตามด้วยดนตรีที่หนักหน่วงขึ้นด้วย Dreamers แทร็กที่สองในอัลบั้ม เพลงที่เหมือนข้อความเตือนใจให้วิ่งไล่ตามความฝัน
You should do what you love while you can
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในเพลงที่สามอย่าง Perfect Frame เปิดฉากโดยเน้นเสียงร้องโดยมีเมโลดี้คลอเบาๆ ก่อนดนตรีจะไล่ระดับขึ้นอย่างเข้มข้น ยิ่งใหญ่ และทรงพลัง ก่อนจะเปลี่ยนอารมณ์ด้วยจังหวะดนตรีสั้นๆ แบบสแตกคาโต แทรกด้วยเสียงออร์แกนใน Bare Wood Aisles
You & Me เปลี่ยนอารมณ์ด้วยจังหวะที่ช้าลง ดนตรียังมีการเร่งจังหวะในท่อนคอรัสแต่ไม่เข้มข้นหรือดุดันมากนัก มาพร้อมกับเนื้อเพลงเหงาๆ ทว่าอบอุ่นอย่างน่าประหลาด ก่อนจะเข้มข้นขึ้นในเพลงถัดมาที่พูดถึงอดีตอย่าง Sombre Fayre ซึ่งใช้ดนตรีแบบกึ่ง Cinematic ดึงอารมณ์ และให้ความรู้สึกเหมือนฉากหนึ่งในภาพยนตร์
เพลงถัดมาอย่าง Bring Me To Light นั้นมากับดนตรีเบาๆ ในจังหวะสนุกๆ กับเนื้อหาที่พูดถึงชีวิตที่ต้องตัดสินใจ ส่วน Heavy Heartless นั้นพูดถึงการต่อสู้กับปัญหาทางจิตใจ
When there’s an answer that remains
To get me through the pain and relieve me for a while
Telling anyone who cares
Lifts a load I’ll bear and heals my troubled mind
ก่อนจะส่งท้ายอัลบั้มด้วยดนตรีเบาๆ อย่าง Folklore และเพลงที่สมาชิกในต่างเห็นพ้องว่าเป็นเพลงที่ชอบที่สุดอย่าง Veiled Clock ซึ่งดึงอารมณ์ได้ดี และเหมาะแก่การปิดฉากอัลบั้มอย่างไม่ต้องสงสัย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
“Strange Hymns” เป็นอัลบั้มเดบิวท์ที่แสดงศักยภาพของหกหนุ่มจากสก็อตแลนด์ได้เป็นอย่างดี ด้วยฝีมือการเขียนเพลงที่ไม่ธรรมดา ดนตรีที่ติดหู แต่มีเอกลักษณ์ และเสียงร้องของ Jordan Shearer ทำให้ “Neon Waltz” ถือได้ว่าเป็นวงรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองทีเดียว
ปัญหาเดียวที่พวกเขากำลังเผชิญในขณะนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องของจำนวนสมาชิกที่ไม่เอื้อต่อการโหวตลงคะแนนเสียงเท่าไหร่นัก
“เพราะว่าเรามีกันหกคน บางครั้งเวลาโหวต มันจะลงเอยด้วยการแบ่งเป็นสามต่อสาม” จอร์แดน ฟรอนท์แมนของวงเล่ายิ้มๆ “พอเป็นแบบนั้นเราก็จะลุกไปทำอย่างอื่นกัน ซ้อมเพลงอื่น หาเครื่องดื่ม แล้วหลังจากนั้นค่อยมานั่งคุยกันใหม่”
สำหรับใครที่สนใจติดตามวง หรืออุดหนุนอัลบั้มบน iTunes สามารถติดตามได้จากข้างล่างนี้เลยค่ะ
========================================
Neon Waltz - Strange Hymns
Facebook:
https://www.facebook.com/neonwaltz/
Twitter:
https://twitter.com/neonwaltz
iTunes:
https://itunes.apple.com/th/album/strange-hymns/1242814810
Spotify:
https://open.spotify.com/album/1x6g1pz2iH0oq2kCT0fTuC
References:
https://www.gigwise.com/features/110567/neon-waltz
https://modmelody.wordpress.com/2017/02/28/exclusive-interview-with-scottish-six-piece-buzz-band-neon-waltz/
http://www.tenementtv.com/album_reviews/neon-waltz-strange-hymns/
https://www.clashmusic.com/features/perfect-frame-the-patient-journey-of-neon-waltz
https://www.theguardian.com/music/2017/sep/12/neon-waltz-britains-most-northerly-indie-band-interview-tour-van
==== Album Review: Neon Waltz - Strange Hymns ====
เด็กหนุ่ม 6 คนจากโรงเรียนเดียวกัน Jordan Shearer (นักร้องนำ), Darren Coghill (มือกลอง), Calvin Wilson (มือเบส), Liam Whittles (มือคีย์บอร์ด), และสองพี่น้อง Kevin-Jamie Swanson (มือกีตาร์) เชื่อมโยงกันด้วยดนตรี โดยพวกเขาได้รับอิทธิพลจากวงดนตรีที่มีชื่อเสียงในอดีตอย่าง The Band, The National, The Walkman, etc. หรือแม้กระทั่งชื่อวง “Neon Waltz” นั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจาก The Last Waltz คอนเสิร์ตส่งท้ายของวงดนตรีร็อกชั้นนำยุค 70’s อย่าง The Band
ถึงแม้จะเริ่มจับกลุ่มกันตั้งแต่มัธยม แต่แรกเริ่มเป็นไปเพื่อความบันเทิงประสาวัยรุ่นเท่านั้น พวกเขาเพิ่งจะเริ่มคิดถึงการเป็นวงดนตรีจริงจัง หลังจากเขียนเพลง Sundial ในปี 2014 นี้เอง
ด้วยฝีไม้ลายมือที่น่าจับตามอง ทำให้ข้อเสนอจากค่าย Atantic Records ก่อนจะตระหนักว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการ ทั้งหกคนเห็นพ้องที่จะยุติสัญญากับ Atlantic Records ในเวลาต่อมา
“เราทั้งหกคนต่างก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ตัวเรา พวกเขาเหมือนจะต้องการให้เราเป็น The 1975 ให้มากขึ้น และเป็น Neon Waltz ให้น้อยลง”
พวกเขายังได้รับความสนใจจาก Bill Ryder-Jones อดีตสมาชิก The Coral และ Howie Payne อดีตสมาชิกวง The Strands ซึ่งฝ่ายหลังนี่เองที่ชักพาให้พวกเขารู้จักกับ Marcus Russell ผู้จัดการศิลปินที่ดูแล Noel Gallagher, Catfish and the Bottlemen ตลอดจนศิลปินชื่อดังอีกมากมาย และในปัจจุบันพวกเขาก็อยู่ภายใต้สังกัด Ignition Records ของ Marcus Russell นั่นเอง
ในปี 2015 Neon Waltz ได้รับโอกาสขึ้นเวทีในฐานะ supporting bands ของวงอย่าง The Coral, Noel Gallaghers และ The Sherlocks ก่อนจะส่งอัลบั้มเดบิวท์ “Strange Hymns” ออกสู่สายตาสาธารณะชนในเดือนสิงหาคม 2017
“พวกเราทั้งหกคนต่างก็เขียนเพลง แค่เนื้อเพลงกับกีตาร์หรือเปียโนอคูสติกง่ายๆ แล้วส่งให้ทุกคน จากนั้นพวกเราถึงจะมาใส่ดนตรีเพิ่มเติม แล้วนั่งคุยกันว่าชอบหรือไม่ชอบตรงไหน เลียม (มือคีย์บอร์ด) เขียนเพลงเก่งมาก เขามีพรสวรรค์เรื่องนี้ เวลาเราเขียนอะไรไม่ออกก็มักจะไปหาเลียม (หัวเราะ)”
อัลบั้ม Strange Hymns เปิดฉากด้วยเพลงในจังหวะกลางๆ ชวนโยกเบาๆ และมีกลิ่นอายไซเคเดลิกร็อก อย่าง Sundial เพลงแรกที่พวกเขารู้สึกพึงพอใจอย่างแท้จริง ได้กลายมาเป็นเพลงแรกในอัลบั้มเดบิวท์ ตามด้วยดนตรีที่หนักหน่วงขึ้นด้วย Dreamers แทร็กที่สองในอัลบั้ม เพลงที่เหมือนข้อความเตือนใจให้วิ่งไล่ตามความฝัน
You should do what you love while you can
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในเพลงที่สามอย่าง Perfect Frame เปิดฉากโดยเน้นเสียงร้องโดยมีเมโลดี้คลอเบาๆ ก่อนดนตรีจะไล่ระดับขึ้นอย่างเข้มข้น ยิ่งใหญ่ และทรงพลัง ก่อนจะเปลี่ยนอารมณ์ด้วยจังหวะดนตรีสั้นๆ แบบสแตกคาโต แทรกด้วยเสียงออร์แกนใน Bare Wood Aisles
You & Me เปลี่ยนอารมณ์ด้วยจังหวะที่ช้าลง ดนตรียังมีการเร่งจังหวะในท่อนคอรัสแต่ไม่เข้มข้นหรือดุดันมากนัก มาพร้อมกับเนื้อเพลงเหงาๆ ทว่าอบอุ่นอย่างน่าประหลาด ก่อนจะเข้มข้นขึ้นในเพลงถัดมาที่พูดถึงอดีตอย่าง Sombre Fayre ซึ่งใช้ดนตรีแบบกึ่ง Cinematic ดึงอารมณ์ และให้ความรู้สึกเหมือนฉากหนึ่งในภาพยนตร์
เพลงถัดมาอย่าง Bring Me To Light นั้นมากับดนตรีเบาๆ ในจังหวะสนุกๆ กับเนื้อหาที่พูดถึงชีวิตที่ต้องตัดสินใจ ส่วน Heavy Heartless นั้นพูดถึงการต่อสู้กับปัญหาทางจิตใจ
When there’s an answer that remains
To get me through the pain and relieve me for a while
Telling anyone who cares
Lifts a load I’ll bear and heals my troubled mind
ก่อนจะส่งท้ายอัลบั้มด้วยดนตรีเบาๆ อย่าง Folklore และเพลงที่สมาชิกในต่างเห็นพ้องว่าเป็นเพลงที่ชอบที่สุดอย่าง Veiled Clock ซึ่งดึงอารมณ์ได้ดี และเหมาะแก่การปิดฉากอัลบั้มอย่างไม่ต้องสงสัย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
“Strange Hymns” เป็นอัลบั้มเดบิวท์ที่แสดงศักยภาพของหกหนุ่มจากสก็อตแลนด์ได้เป็นอย่างดี ด้วยฝีมือการเขียนเพลงที่ไม่ธรรมดา ดนตรีที่ติดหู แต่มีเอกลักษณ์ และเสียงร้องของ Jordan Shearer ทำให้ “Neon Waltz” ถือได้ว่าเป็นวงรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองทีเดียว
ปัญหาเดียวที่พวกเขากำลังเผชิญในขณะนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องของจำนวนสมาชิกที่ไม่เอื้อต่อการโหวตลงคะแนนเสียงเท่าไหร่นัก
“เพราะว่าเรามีกันหกคน บางครั้งเวลาโหวต มันจะลงเอยด้วยการแบ่งเป็นสามต่อสาม” จอร์แดน ฟรอนท์แมนของวงเล่ายิ้มๆ “พอเป็นแบบนั้นเราก็จะลุกไปทำอย่างอื่นกัน ซ้อมเพลงอื่น หาเครื่องดื่ม แล้วหลังจากนั้นค่อยมานั่งคุยกันใหม่”
สำหรับใครที่สนใจติดตามวง หรืออุดหนุนอัลบั้มบน iTunes สามารถติดตามได้จากข้างล่างนี้เลยค่ะ
========================================
Neon Waltz - Strange Hymns
Facebook: https://www.facebook.com/neonwaltz/
Twitter: https://twitter.com/neonwaltz
iTunes: https://itunes.apple.com/th/album/strange-hymns/1242814810
Spotify: https://open.spotify.com/album/1x6g1pz2iH0oq2kCT0fTuC
References:
https://www.gigwise.com/features/110567/neon-waltz
https://modmelody.wordpress.com/2017/02/28/exclusive-interview-with-scottish-six-piece-buzz-band-neon-waltz/
http://www.tenementtv.com/album_reviews/neon-waltz-strange-hymns/
https://www.clashmusic.com/features/perfect-frame-the-patient-journey-of-neon-waltz
https://www.theguardian.com/music/2017/sep/12/neon-waltz-britains-most-northerly-indie-band-interview-tour-van