Review:เที่ยวHongKong 5 วัน 4 คืน เที่ยวได้ทุกที่ เดินให้ทุกซอก [HongKong]

Part1
มาแล้วค่า!! ไปเที่ยวกับดินแดนสุดฮิตที่ HongKong วันนี้เราจะมารีวิวทริปเที่ยว HongKong ด้วยตัวเอง เราเดินทาง วันที่ 19-23 ก.ค. 2561 ยังอยู่ในช่วง Sale ทั้งเกาะ ซึ่งมนุษย์ผู้หญิงอย่างเราคงไม่พลาดแน่ๆ การไปเที่ยวฮ่องกงในครั้งนี้ เราตั้งใจจะพาแม่ๆไปไหว้พระ Shopping กิน เที่ยว สิ่งที่กังวลในทริปนี้คือแม่จะเดินไหวไหม สรุปคือรอดจ้าาา แม่เดินเก่งกว่าลูกๆอีก
สามารถดูคลิปได้ที่ : https://www.youtube.com/watch?v=JfSZgo4HDCY
ติดตามทริปต่อไปได้ที่ : https://www.facebook.com/MyWayTravelChannel

สิ่งที่เราเตรียมตัวซื้อจากที่ไทย
1.กระเช้า Ngohg Ping 360 เราซื้อ Voucher จาก www.hongkongfanclub.com ไปแลกตั๋วจริงที่ Hongkong เราซื้อแบบ Crystal Cable Car ไป-กลับราคา 920 บาท/คน
2.ซิม Ais sim2fly ความเร็วเน็ต 4 GB  นาน 8 วัน ราคา 399 บาท
3.โรงแรมเราจองผ่าน Booking.com ราคา 13,027 บาท / 5 คน 4 คืน ชื่อโรงแรม Delta Hotel    
4.แลกเงิน เราแลกไป 4,000 HKD = 17,000 บาท อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1 HKD = 4.25 บาท เราแลกที่ Superrich สีเขียวสาขาพารากอน เพราะตอนนั้นมันถูกกว่าสีส้ม อันนี้เพื่อนๆลองเปรียบเทียบดูน่ะค่ะ
5.ตั๋วเครื่องบิน เราบินกับสายการบิน Cathay Pacific บิน Full Service ไป-กลับ ราคา 7,110 บาท ฟรี!น้ำหนักกระเป๋า 30 kg. (บินตรงเวลาไปถึงก่อนเวลา)

เอาล่ะ! เตรียมตัวกันพอสมควร ออกเดินทางกันเลยดีกว่า
วันแรก
เราบิน Flight CX754 เวลา 12.35 BKK – 16.30 HKG มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิก็ดิ่งตรงไปที่ Counter Check-in ของ Cathay Pacific ซึ่งอยู่แถว M เราทำการ Check-in Online มาล่วงหน้าแล้ว สามารถไปที่ช่องโหลดกระเป๋าได้เลย (เราสามารถเช็คอินล่วงหน้า 48 ชม ก่อนเดินทางได้เลยน่ะค่ะ ถ้าใครอยากนั่งติดหน้าต่างแนะนำ Check-in มาก่อนเลยค่ะ)
เช็คอินเรียบร้อย เข้าไปด้านในกันดีกว่า ตรง ตม. สำหรับ คนไทยก็ไปใช้ Auto Gate ได้เลยค่ะ
และแล้วก็ได้เวลาขึ้นเครื่อง มีจอทีวีสามารถดูหนังฟังเพลงกันเพลินๆได้เลย บินได้ซักพักลูกเรือก็เริ่ม เสิร์ฟอาหารมี ข้าวหมูผัดขิง(อันนี้เราเลือกหมูค่ะเราสามารถเลือกได้) ผลไม้ ขนมปังพร้อมเนย น้ำ และที่ชอบที่สุดคือไอติม Haagen-Dazs (น้ำสามารถรับนำ้เพิ่มเติมได้เลย มันก็จะมีไวน์ น้ำผลไม้ น้ำอดลมบลาๆๆ อันนี้ฟรีจ้าาา)
ณ ตอนนี้เรามาถึงสนามบิน Chek Lap Kok กันแล้ว เวลาประมาณ 15:45 น. มาถึงก่อนเวลานิดหน่อย นี่เป็นการมาฮ่องกงครั้งแรกของเรา (เวลาที่ฮ่องกงเร็วกว่าที่ไทย 1 ชม.น่ะค่ะ) มาถึงแล้วต้องลงเครื่องเพื่อนั่งรถไฟไป immigration พอผ่าน ตม.ก็ไปรับกระเป๋าเดินทางกัน ตม. ผ่านไม่ยากค่ะมีถามนิดหน่อย แต่หลังจากที่เรากลับมาก็มีข่าวว่า คนไทยสามารถใช้ช่อง E-Chanel ที่ Hongkong ได้แล้ว สามารถสมัครที่สนามบินฮ่องกงได้เลยค่ะ
ทุกอย่างเรียบร้อย เดินทางไปที่พักกันค่ะ เราจะไปขึ้นแท็กซี่สีแดงกันเพราะเรามากันหลายคน น่าจะคุ้มกว่า อันนี้ก็อาศัยเดินตามป้ายบอกทางค่ะ (ค่าแท็กซี่ 290 HKD = 1,232 บาท นั่งจากสนามบินไปลง MTR Tsim Sha Tsui)
เย้!!ถึงที่พักแล้ว ที่พักเราชื่อ Delta Hotel อยู่ใกล้กับ MTR Tsim Sha Tsui ห้องพักก็จะแคบมากก แต่อยู่ใจกลางเมือง สะดวกมากเพราะอยู่ติดใต้ดิน ถ้าใครไม่เน้นอยู่ห้อง คือเอาไว้นอนอย่างเดียวเราว่าโอเครอยู่เพราะราคาถูกมาก อยากบอกว่ามีไดร์เป่าผมกับปลั๊กแปลงให้ด้วยอ่ะ
เก็บของเสร็จก็ออกไปเดินเล่น ช้อปปิ้ง และหาอะไรกินกันดีกว่า
ระหว่างเดินเราแวะซื้อบัตร Octopus card กันก่อนเลือกซื้อเป็นแบบ On-Loan Octopus Card สามารถซื้อได้ตามสถานีรถไฟใต้ดินทุกแห่ง เรามาซื้อกันที่ Infromation MTR Tsim Sha Tsui โดยมีราคาขั้นต่ำ 150 HKD = 637 บาท โดยจะมีเงินในบัตร 100 HKD ส่วนอีก 50 HKD จะเป็นค่ามัดจำบัตร ซึ่งเราสามารถคืนบัตรและได้รับค่ามัดจำคืนแต่ไม่ครบ โดยจะถูกหักค่าใช้บัตร 9 HKD เดินทาง 5 วัน เราเติมเงินเพิ่มอีก 50 HKD แต่เหลือน่ะตอนแรกเราจะเติมแค่ 20 HKD แต่ตู้มันรับแค่แบงค์ 50, 100 เท่านั้น ส่วนการใช้ตู้ก็ไม่ยาก ลองเข้าไปดูใน YouTube ของเรา
ได้ ลิงค์นี้ค่า https://www.youtube.com/watch?v=JfSZgo4HDCY (บัตร Octopus card ใช้สำหรับการเดินทางไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า รถเมย์ ซื้อของในเซ่เว่น บลาๆๆ สามารถใช้บัตรนี้ใช้จ่ายได้เลยค่ะ)
ถึงเวลาไปกินข้าวมื้อแรกในฮ่องกงกัน ต้องเป็นอาหารท้องถิ่นสิค่ะ แต่สรุปไม่ใช่เลยเว้ย พี่เราอยากกินปิ้งย่าง สรุปไปกิน BBQ เกาหลี ห๊ะ!! มาฮ่องกง กินอาหารเกาหลี 555 เอาเป็นว่าไปดูกัน มันชื่อร้านว่า HANCHAM PREMIUM KOREAN FOOD สาขาTsim Sha Tsui ร้านนี้มีสาขาที่อื่นด้วยน่ะ ใครสนใจก็ลองไปหาทานดูน่ะค่ะ
หน้าตาอาหารก็ประมาณนี้ อันนี้เป็นเครื่องเคียง รสชาติแปลกๆทุกอัน555 หรือเราไม่ชิน เราว่าที่ไทยอร่อยกว่า
ส่วนอันนี้เป็นเนื้อ และหมูสามชั้น คือเนื้ออร่อยและนุ่มมาก ปกติเราไม่กินเนื้อเพราะไม่ชอบกลิ่น แต่อันนี้ไม่ได้กลิ่นเลย ส่วนหมูคือมันมาก ไม่อร่อย รสชาติเฉยๆ
อันนี้มันคือไข่เจียวบ้านเราเลยอ่ะ แต่จืดกว่ามากๆๆ เกือบลืมบอกว่าที่นี้เค้าเสิร์ฟเป็นน้ำอุ่นน่ะใครอยากอยากกินน้ำเย็นอดไปจร้า
หลังจากอิ่มกันแล้วเราก็เดินย่อย ช้อปปิ้งกันต่อ เริ่มที่ sasa กันก่อนเลย *sasa ถ้าเปรียบกับบ้านเราก็เหมือนกับ Watsons เลยค่ะ แต่ของที่นี้เน้นแบรนเนม และราคาถูกกว่าเรามาก ลองดูตามพวกร้านขายยาจะถูกกว่า sasa อีก อันนี้แนะนำเลยค่ะ เพราะเราเดินเปรียบเทียบราคามาพอสมควร

Bioderma 500 ml. ใน sasa ราคา 115 HKD=488 บาท แต่เราไปเจอที่ร้านยาราคา 88 HKD =374 บาท จำไม่ได้น่ะว่าร้านไหนต้องลองเดินสำรวจดูเพราะเราเดินไปหลายร้านมาก มันถูกมากจริงๆอ่ะแกร
เดินเสร็จก็กลับมาที่พัก นอนเอาแรงกันดีกว่าเพราะเดินไปเดินมาก็เที่ยงคืนล่ะ zzz
วันที่2
เช้านี้ตื่นมาก็รีบอาบน้ำเตรียมตัวออกไปเที่ยวกันค่ะ วันนี้เราจะไป วัดเจ้าแม่กวนอิม, The Peak, Hollywood street, วัด Man Mo,Sneker Street, Ladies Market ก่อนเดินทาง ท้องต้องอิ่มกันก่อน เราทานอาหารเช้ากันที่ร้าน cafe de coral ร้านนี้คนเยอะมาก ส่วนมากเป็นคนฮ่องกงไม่ค่อยมีคนไทย ร้านนี้มีอยู่หลายสาขาน่ะ เรากินสาขาแถวที่พัก ใกล้และสะดวก ส่วนรสชาติ เราว่าโจ็กจืดไปหน่อย ผัดหมี่กินกับแฮมโอเครเลย ส่วนชานมฮ่องกงก็จะจืดหน่อย อาหารเซตนี้ราคา 27.5 HKD=116 บาท
หลังจากที่อิ่มกันแล้ว เราก็เดินทางกันต่อ
ที่แรก วัดเจ้าแม่กวนอิม Tin Hau Temple Repulse Bay
การเดินทาง : เราเดินทางจาก MTR Tsim Sha Tsui สายสีแดง ไป MTR Central ทางออก A แล้วเลี้ยวซ้าย จากนั้นจะเจอสะพานลอยเพื่อข้ามไปขึ้นรถบัสสาย 6 6A 6X 61 (แต่เราดันเลี้ยวขวาอิอิ หลงนั้นเอง แต่ได้เหมือนกันค่ะ มันจะมีทางลง เพราะที่จอดรถ Bus อยู่ด้านล่างของตึก Exchange Square)  ไปลงอ่าว Repulse Bay บริเวณด้านหน้าของตึก Repluse Bay Tower
ถึงแล้ว Repulse Bay ฝนตกเพิ่งหยุดไป เดินบนทรายก็จะลำบากหน่อยๆ จากป้ายรถบัสเดินเรียบริมชายหาด ก็จะเจอวัดอยู่ที่ปลายสุดของอ่าว
เราก็เดินมาถึงวัดกันแล้ว เป็นหนึ่งในวัดที่เก่าแก่ที่สุดของฮ่องกง ทางเข้าวัดก็จะมีสิงห์ตัวผู้ที่เหยียบลูกโลก และสิงห์ตัวเมียที่เหยียบเบบี๋
บริเวณวัดจะมีเจ้าแม่กวนอิม องค์ใหญ่ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของวัด ซึ่งผู้คนนิยมเดินทางไปกราบไหว้ขอพรเพราะว่าท่านศักดิ์สิทธิ์มาก และยังมีพระสังกัจจายที่เชื่อกันว่าสามารถขอเพศของลูกได้ อีกด้วย
จากบริเวณที่กราบไหว้ขอพร ก็จะมีศาลาริมน้ำ และสะพานเล็กๆซึ่งเชื่อกันว่า หากเดินข้ามสะพานแห่งนี้ 1 ครั้ง ก็จะมีอายุยืนขึ้น 3 วัน และปลาหลีฮื้อ อันนี้ไม่รู้เรียกถูกรึป่าวน่ะ ถ้าผิดก็ต้องขออภัย เค้าว่ากันว่าให้เราขอพรแล้วโยนเหรียญให้เข้าปากปลา พรที่เราขอก็จะประสบผลสำเร็จ
ที่ที่2 The Peak
เรารอรถบัสป้ายเดิมที่เราลง แต่รอฝั่งตรงกันข้ามกับที่ลงตอนแรก นั่งรถ 6X ไปลงแถว Central ตรงตึก Cheung Hong Center แล้วเดินตรงไป สังเกตป้าย Peak Tram ให้เราเดินตามป้ายหรือเปิด GPS ก็ได้ เพื่อไปขึ้นรถราง แต่ใครจะขึ้นรถบัสสาย 15C ก็ได้
เรามาถึงจุดรอคิวเพื่อเข้าไปซื้อตั๋วขึ้น Peak Tram แต่คนเยอะมากๆๆคือจะเยอะไปไหน นี้ยังไม่ใช่จุดจำหน่ายตั๋วน่ะทุกคน ขนาดเราคิดว่ามาวันธรรมดาคนคงไม่เยอะมั้งแต่ที่ไหนได้เยอะสุดด แล้วก็ไม่ใช่ช่วงเวลา High Light ด้วยน่ะ ไม่คิดว่าจะเยอะเบอร์นี้
สรุปแล้วไม่รอดีกว่า เรานั่งแท็กซี่ ต้องเป็นแท็กซี่ 5 ที่นั่งน่ะ สำหรับใครที่ไปกัน 5คน ราคาประมาณ 51 HKD =216 บาท/คัน เท็กซี่จะจอดตรงที่จอดของเท็กซี่และพวกรถบัส เราต้องเดินต่อไปอีกนิดหน่อยก็จะถึงThe Peak Tower
ฝากติดตาม Part 2 ที่ลิงค์ https://ppantip.com/topic/38206897
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่