ลูกแม่ต้องรอด!!! ภารกิจพิชิตภูมิแพ้เจ้าตัวน้อย

สวัสดีค่ะ สวัสดีคุณพ่อ คุณแม่มือใหม่ หรืออาจจะมือเก่าด้วยก็ได้นะคะ เผื่อบางท่านมีลูกน้อยที่เป็นภูมิแพ้เหมือนเราค่ะ เราเคยเป็นภูมิแพ้ค่ะ คุณสามีก็เป็นแต่เขาออกกำลังกายจนไม่มีอาการกำเริบอะไรอีกแล้ว ก็เลยเหลือแต่เราที่เป็นอยู่ ><’ แต่ก็ดูแลตัวเองตลอด พวกออกกำลังกาย กินอาหารดีๆ ปัดกวาดเช็ดถูห้องนี่แหละค่ะ ขอแทนตัวเองว่าแม่นะคะ เพราะเป็นแม่คนแล้วค่ะ

เอารูปตอนเป็นเบบี๋มาอวดก่อนเลย จ้ำม่ำดูเหมือนจะแข็งแรงดี

          ตอนนี้ลูกสาวอายุขวบกว่า กำลังจะสองขวบแล้วค่ะ กำลังน่าจับมาฟัด มาเหวี่ยงมากๆ เลย แก้มนี่น่าจะบิ แล้วเอาไปโยนให้ปลาสวายหน้าวัดระฆังกินเหลือเกิน 555
          เชื่อว่าคุณแม่หลายคนก็เป็นเหมือนกันกับเราตอนนี้ ถ้าลูกที่เป็นแก้วตาดวงใจ <3 ของเรามีอาการผิดแปลกไปจากเดิม หรือจากที่ลูกชาวบ้านเขาเป็นกัน หัวใจคนเป็นแม่นี่แทบจะอยู่ไม่สุข กระวนกระวายไปหมด
          เราจำได้นะว่าความสุขแรกของคนเป็นแม่ คือวันที่ลูกออกมาครบ 32 ประการ วันนั้นเราโล่งใจมากๆ ต่อมาก็ตอนที่ยัยหนูเริ่มตั้งไข่ ยืนได้ด้วยขาตัวเอง คนเป็นแม่ดีใจมากที่เค้ามีพัฒนาการไปอีกขั้น น้ำตาไหลแบบบอกไม่ถูกเลย เรานี่รีบคว้ามือถือโทรไปหาแม่ แล้วก็บอกแม่ว่าขอบคุณที่เลี้ยงดูเรามา เราเข้าใจมากขึ้นแล้วว่าแม่รักเราขนาดไหน
          แต่สิ่งที่ทำให้เราในฐานะแม่เครียดที่สุด แต่ก็พยายามรักษาตัวเพื่อให้แข็งแรง ก่อนที่วางแผนมีไอ้ตัวเล็ก ก็ออกกำลังกาย ดูแลรักษาตัวเองแล้ว แต่ภูมิแพ้เจ้ากรรมก็มาเป็นตกทอด ส่งต่อมาถึงลูกจนได้ ช่วงที่เริ่มมีอาการตอนนั้นเค้าได้ขวบนิดๆ จำได้ว่าวันนึงหลังจากพาเค้าไปเดินเล่น จูงมือกันวิ่งเล่นมาเหนื่อยๆ กลับถึงบ้านมาไอ้ตัวเล็กก็หมดแรงหลับไป ส่วนเราไม่ได้หลับ ก็ได้ยินเสียง ครืดคราดๆมาจากตัวลูกตามจังหวะการหายใจ ดูเหมือนจะคล้ายๆ อาการหอบไม่ก็ภูมิแพ้หรือยังไงไม่รู้ หรือตอนที่เล่นๆ อยู่ก็ได้ยินเสียงประมาณนี้บ่อยเหมือนกัน คนเป็นแม่นี่ใจคอไม่ดีเลยค่ะ
          ยิ่งไปกว่านั้นเริ่มจับสังเกตหลังๆ มา ช่วงอากาศเปลี่ยน หรือก่อนฝนตก หรือหลังฝนหยุดนี่ น้ำมูกใสๆ ไหลเปื้อนเต็มไปหมด แล้วก็จามด้วย เห็นแล้วก็สงสารลูก T_T
          อันนี้เป็นเรื่องคร่าวๆ ค่ะ ที่เจอกับตัวเอง แล้วบั่นทอนความเป็นแม่เหลือเกินที่ช่วยอะไรลูกไม่ได้เลย เราเลยคุยกับทางสามี ว่าจริงๆ แล้วเราน่าจะทำอะไรกันซักอย่าง ก็เลยลองไปปรึกษาคุณหมอ สรุปได้ว่าลูกเป็นภูมิแพ้ค่ะ ไม่แปลกใจเลยเพราะเป็นทั้งพ่อทั้งแม่ ก็ได้คำแนะนำมาหลายอย่าง ให้กลับมาดูแลเค้า ใช้เวลาสักระยะแต่ก็เห็นผลจริง ตอนนี้ไอ้ตัวเล็กไม่มีอาการแบบเดิมแล้วเลยอยากมาแชร์กับคุณพ่อคุณแม่ท่านอื่นด้วยค่ะ ส่วนใครๆ มีวิธีจัดการกับปัญหานี้ยังไง มาแชร์หน่อยนะคะ หรือว่าวิธีการของเราตรงไหนบกพร่อง ช่วยคอมเม้นให้ด้วยค่ะ
          จริงๆวิธีที่คุณหมอแนะนำก็คล้ายๆกับข้อมูลในอินเตอร์เน็ตที่เราหาได้นะคะ ขออนุญาตแปะไว้ด้วยเผื่อใครจะเข้าไปอ่านกันค่ะ

https://www.phyathai.com/article_detail/1990/th/%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B9%89%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88_%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89

          จากที่ปรึกษาคุณหมอมาทราบวิธีการรักษามี 2 วิธีเบื้องต้น ก็คือการฉีด กับการอมใต้ลิ้นค่ะ แต่ของไอ้ตัวเล็ก คุณหมอแนะนำให้ทำตามวิธีการต่อไปนี้เพื่อป้องกันและลดเปอร์เซ็นต์การกำเริบของอาการไว้ด้วย ซึ่งก็มีผลช่วยให้อาการหายไปด้วยเช่นกัน นี่คือวิธีที่เรานำมาใช้กับลูกแล้วได้ผลนะคะ

ข้อแรกบอกว่า “ไม่ควรเลี้ยงสัตว์ที่มีขนไว้ในบ้าน”
                     ข้อแรกถือว่ารอดไปเพราะไม่ได้เลี้ยงสัตว์อะไรค่ะ

ข้อสองบอกว่า “ภายในห้องนอน ควรมีเฉพาะเครื่องนอนและของใช้ที่จำเป็น ไม่ควรสะสมหนังสือรวมทั้งการใช้พรมทั้งในห้องและในบ้าน”
          อันนี้เราก็เลยจัดที่นอนกันใหม่ เอาพรมออกตามคำแนะนำเลยค่ะ เหลือแค่พรมหน้าห้องน้ำอย่างเดียวสำหรับเช็ดเท้าให้แห้งก่อนออกจากห้องน้ำ แล้วก็แยกหนังสือที่คุณสามีไม่ได้อ่านแล้วออกไปเก็บในห้องเก็บของให้เป็นกิจจะลักษณะค่ะ ส่วนห้องนอนของเราก็จะเก็บให้โล่ง ไม่มีอะไรที่จะเป็นหลืบเป็นซอกที่ปัดกวาดลำบากเลย


ข้อสาม “ควรทำความสะอาดเครื่องนอน รวมไปถึง ผ้าม่าน เครื่องปรับอากาศ เป็นประจำ”
          ข้อนี้มีเรื่องเล่าค่ะ ช่วงแรกเราก็คิดว่าเป็นเรื่องสนุกสำหรับเรากับลูก เลยชวนไอ้ตัวเล็กช่วยกันหอบผ้าที่จะซักมาใส่กะละมังไว้ แล้วสามีมาเห็นลูกช่วยเราหอบๆลากๆผ้าปูที่นอน (ซึ่งคุณสามีคิดว่ามีฝุ่น) สามีดุใหญ่เลยค่ะ ไหนว่าจะช่วยลูก ไหงให้ลูกมาช่วย เดี๋ยวสูดฝุ่นเข้าไป เป็นเรื่องเป็นราวอีก เวรกรรม คุณแม่ลืมคิดไปค่ะ เศร้า แม่ก็นั่งซักไปร้องเพลงไป ยัยหนูก็นั่งดูแม่ซักผ้าไปใกล้ๆกัน


          ไอเท็มของข้อนี้ที่ต้องมีก็คือ น้ำยาฆ่าเชื้อ dettol เพราะว่าเห็นว่าเจ้าตัวนี้มันฆ่าเชื้อโรคได้ ใช้แล้วน่าจะสะอาดดี แม่เอามาผสมน้ำยาถูพื้นด้วยค่ะ ขวดนึงก็ไม่แพงนะ เมื่อเทียบกับคุณภาพที่เราใช้มันบ่อยๆ อีกอย่างก็คิดว่าผ้าห่ม ที่นอนของเราสะอาดขึ้นจริงด้วย  อีกอย่างการซักที่นอนแล้วเจอแดดจัดๆ ก็เอาผ้าไปตาก คุณแม่สะใจเหลือเกินค่ะ เราจะต้องกำจัดให้สิ้นซากเลยเจ้าแบคทีเรีย เชื้อโรคทั้งหลาย


          อีกไอเท็มนึงที่ไปเจอโดยบังเอิญ แต่ใช้แล้วก็ดีเสียด้วยค่ะ คือ สเปรย์ฆ่าเชื้อโรค  polar spray ที่ตอนแรกคิดว่าซื้อมาผิด พอฉีดมาแล้วรู้สึกหอมสดชื่นจัง ดูแล้วไม่น่าจะใช่อะไรที่มันจะช่วยฆ่าอะไรได้เพราะฉีดแล้วรู้สึกว่าหอมสดชื่น ไม่เหมือนสเปรย์ยาหรืออะไรที่จะรักษาภูมิแพ้ได้เลย คุณสามีเลยหาข้อมูลเพิ่ม ก็พบว่ามันช่วยได้จริงๆ ทั้งฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ทั้งไรฝุ่น ฉีดทิ้งไว้ในห้องนอน ก่อนไอ้ตัวเล็กจะไปนอนนะคะ นอนแล้วหอมสดชื่น โล่งจมูกดีจัง แม่ว่าใช้แทนวิกวาโปรับได้เลย เพราะบางทีเค้าชอบดิ้นเวลาจะทาให้

ข้อสี่ “ผู้ปกครองไม่ควรสูบบุหรี่ในบ้านหรือบริเวณที่มีเด็กๆอยู่”
          ข้อนี้โล่งไปค่ะ เพราะคุณสามีไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ค่ะ

ข้อห้า “เด็กที่เป็นโรคหอบ/หืด ผู้ปกครองควรให้ออกกำลังกายเป็นประจำ หากมีอาการหอบหลังการออกกำลังกายควรปรึกษาแพทย์เพื่อใช้ยาควบคุมอาการอย่าง สม่ำเสมอ จะป้องกันอาการหอบได้และใช้ยาขยายหลอดลมเมื่อมีอาการ”


          ข้อนี้ให้เป็นหน้าที่ของคุณพ่อนะคะ พาลูกๆ ไปเดินรอบหมู่บ้าน พอให้เหงื่อซึมๆ แล้วก็พอมาอาบน้ำ ให้ลูกได้ยืดเส้น ยืดสายบ้าง บางวันคุณแม่ก็ไปเดินด้วยค่ะ ถ้าวันไหนไม่ไป ก็ทำกับข้าวรอค่ะ


          ไอเท็มของข้อนี้ที่มีคือยาพ่นจมูกขยายหลอดลมค่ะ มีเตรียมติดบ้านไว้ ดีมากๆ เลยค่ะ อย่างน้อยถ้าเขาออกกำลังกายมากเกินไป เราก็เอาไปฉีดให้ไอ้ตัวเล็กได้เลย อุ่นใจ <3 ของที่บ้านเราตอนนี้ใช้เป็นของ aqua marisค่ะ ใช้ง่ายสะดวกดี

ข้อหก “กำจัดเศษอาหารและขยะต่างๆที่อาจก่อให้เกิดแหล่งเพาะพันธุ์ของแมลงสาบ”
          ตรงนี้ก็สบายใจได้ค่ะ แม่จัดการทุกอย่างไม่ให้มีแมลงสาบแน่นอน ไม่งั้นต้องให้คุณสามีไปจัดการให้เรียบค่ะ


          นอกจากนี้นะคะ ถ้าวันไหนแม่ดูแล้วว่าเราจะออกไปไหนที่มีฝุ่น หรือเจอผู้คนเยอะๆ แม่ซื้อแมสปิดหน้าเตรียมไว้เลยค่ะ ให้ลูกใส่ ก่อนออกไปไหนมาไหนที่หนีฝุ่นไม่ได้แน่ๆ อ้อ พวกควันรถด้วยนะคะ

          สรุป 6 ข้อกับ 4 ไอเท็มหลักๆ ค่ะ ตามเนื้อหาด้านบนที่ขาดไม่ได้ควรมีติดบ้านเพื่อดูแลสุขภาพทั้งของคุณลูก คุณแม่คุณพ่อนี่แหละค่ะ ยังไง ใครมีวิธีอะไรตรงไหนที่คิดว่าน่าจะช่วยได้ดีกว่านี้มาแชร์กันเยอะๆนะคะ ตามประสาสมาคมคุณแม่ใจกล้าค่ะ วันนี้หนีลูกมาแชร์ไอเท็มประมาณนี้ก่อน รูปประกอบอะไรอาจไม่ได้ถ่ายมาให้ดูครบ อาศัยความสะดวกจากพี่เกิ้ลไปก่อนต้องขออภัยไว้ด้วยค่า แต่น่าจะดูชัดเจนกว่าแม่ถ่ายเองแน่ๆ ส่วนอาการของไอ้ตัวเล็ก ตอนนี้ดีขึ้นจนแทบไม่มีอาการแล้วค่ะ ไม่ค่อยครืดคราดๆตอนหายใจ ไม่มีเสียงหวีดให้ได้ยิน ป่วยน้อยลง ตอนนี้แม่อุ่นใจขึ้นเยอะ ไว้ถ้าดีขึ้นยังไงเพิ่มเติมจะมาแชร์ให้อ่านกันอีกนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่