สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวพันธุ์ทิพย์ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเรา
อยากจะสอบถามกับผู้ที่มีความรู้ทางด้านกฎหมาย หรือพอจะให้ความช่วยเหลือได้
เริ่มเลยแล้วกันนะคะ
ขอเกริ่นก่อนว่าครอบครัวเรา ตอนนี้ มีเรา พี่สาว แม่ และยาย
- ปัจจุบันเราอายุ 27 ปี เป็นคนต่างจังหวัดแต่มาเรียนและทำงานที่กทม.
(กลับบ้านต่างจังหวัดบ่อยอยู่นะประมาณ 2อาทิตย์/ครั้ง)
- พี่สาวเราตอนนี้อายุ 32 ปี ทำงานที่กทม.เช่นกัน
- แม่อายุ 56 ปี ทำงานอยู่ต่างประเทศ 4-5 ปีจะได้กลับสักครั้ง
แล้วบ้านที่ต่างจังหวัดก็มียายอาศัยอยู่คนเดียว ปัจจุบันยายอายุ 79 ปี
ร่างกายแข็งแรงแต่ก็สูงวัยแล้วอาจจะช้า ๆ ไม่ได้เท่าทันวัยรุ่น
(ต้องบอกว่าไม่ได้อยากให้ยายอยู่คนเดียว แต่ด้วยภาระงานเรากับพี่สาวเป็นราชการ
ยังย้ายกลับบ้านไม่ได้และแม่ก็ทำงานอยู่ต่างประเทศ)
เมื่อหลายปีก่อนแม่เรากลับมาไทย ไม่รู้ว่ายังไงแม่อยากจะดูโฉนดที่ดินบ้าน
หาเท่าไรก็หาไม่เจอ สุดท้ายยายเลยยอมรับว่า
ก่อนหน้านี้(น่าจะหลายปี)มีหญิงชายคู่หนึ่ง(เป็นลูกติดของน้าสะใภ้) เข้ามาหายายที่บ้าน
พูดกับยายว่าจะของที่ดินที่บ้านเรา(ชื่อยาย) ไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน
เพราะเค้าจะไปกู้เงินเกี่ยวกับการทำการเกษตร ด้วยความมีน้ำใจของยายก็ไปทำเรื่องค้ำประกันกับเขา
ในวันที่ไปทำเรื่องวันนั้น ยายก็เซ็นอะไรทุกอย่างไปกับเขานั่นแหละ
คนแก่อ่ะนะคะ อ่านรู้เรื่องบ้างหรือเปล่าไม่รู้ คงเซ็นตามที่เขาบอก
ยายรู้แค่ว่าเงินต้น ณ ตอนนั้น น่าจะ 1xx,xxx บาท แต่เขาก็สัญญากับยายดิบดีว่าจะใช้คืนแน่นอน . . .
พอแม่เรารู้เรื่อง แม่ก็ตามไปคุยกับคนๆนั้น เขาก็ยังบอกว่าขอเวลาอีกนิด เดี๋ยวจัดการให้ไม่ต้องห่วง
จากนั้นแม่ก็กลับเมืองนอกไป
ตลอดเวลาหลังจากแม่กลับไปเมืองนอก
แม่ก็จะคอยทักมาถามทางเราตลอดว่าเป็นไงบ้าง มันใช้หนี้ไหม? ผลปรากฎว่าไม่.....
จนมันถึงจุดที่พวกเราคนในครอบครัวกลัวว่าถ้าปล่อยเวลาต่อไปที่จะต้องโดนยึดแล้วเราจะไม่มีบ้าน
(ในหนังสือมันจะระบุวันครบกำหนดสัญญาซึ่งใกล้เข้ามามากแล้ว)
ในความรู้สึกของเราก็คิดแค่ว่า ที่ดินและบ้านหลังนี้เป็นสิ่งที่ยายหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองตั้งแต่สาวๆ
บ้านเราไม่ได้ร่ำรวยอะไรเลย เราก็ยอมไม่ได้ที่จะต้องเสี่ยง...รอเวลาให้ทางนั้นใช้หนี้ไปเรื่อยๆ
จึงตัดสินใจกู้เงินมาจำนวนหนึ่งเพื่อจะนำไปปิดตรงนั้น เป็นจำนวน 3xx,xxx บาท (ย้ำมาว่าเราก็ต้องกู้มา)
คิดดูว่าดอกเบี้ยจากการที่คนๆนั้นไม่เคยใช้หนี้เลยมาเป็นเวลาเกือบ 10 ปีมันทำให้ตัวยอดเงินขึ้นมาแบบน่าตกใจ
ในวันที่เรานำเงินก้อนนี้ไปใช้คืน ผู้ชายคนนั้นก็มารับทราบเรื่อง เจ้าหน้าที่ก็พอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เขาช่วยอะไรไม่ได้
ทางเราบอกกับผู้ชายคนนั้นว่า เงินก้อนนี้ไม่ใช่เงินเราเราก็กู้มาเหมือนกัน เราก็เดือดร้อน
แต่ถ้ารอให้คนกู้มาคืนเอง ไม่รู้ว่าจะโดนยึดที่ก่อนหรือเปล่า
ในวันนั้นด้วยความโมโหกับไอ้ผู้ชายคนนั้น ความดีใจที่อย่างน้อยก็ได้เอาที่มาคืนให้ยาย
มันทำให้ทางคิดอะไรไม่ออกว่าควรทำยังไงกับเขา
นับจากตอนที่ปิดหนี้ตรงนั้นก็ผ่านมาปีกว่าแล้วค่ะ ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมาแสดงรับผิดชอบหรือช่วยเหลือครอบครัวของเรา
เรียกได้ว่าตัวผู้ชายคนนั้นไม่เคยโผล่มาให้บ้านเราเห็นเลยตั้งแต่วันที่มาเอาที่ไปค้ำ
แต่ก็แปลกนะคะน้าสะใภ้(แม่ของไอ้คนที่โกงนี่แหละค่ะ) ก็ยังไปมาหาสู่ที่บ้านเราแบบเนียนๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จึงอยากจะถามทุกคนว่า เมื่อหนี้นั้นมันจ่ายไปแล้ว เราจะทำยังไงได้บ้างคะ
ที่จะทำให้เขายอมรับสภาพว่าจริงๆแล้วมันเป็นหนี้ของเขานะ อยากจะลองทำสัญญาเงินกู้หรือหนังสือยอมรับสภาพหนี้แล้วไปคุยกับพวกเขาดูไม่รู้ว่าเขาจะเซ็นไหม หรือจะอาศัยลูกตื๊อดี ทวงบ่อยๆมันจะแจ้งความเรากลับไหมก็ไม่รู้ (เราก็รู้ว่าหนทางอาจจะริบหรี่แต่คงต้องลองดูสักตั้ง
เพราะตอนนี้บ้านเราก็ค่อนข้างเดือดร้อน เงิน 300,000 บาท นี้กู้มาก็ผ่อนจ่ายหนักหนาเหมือนกัน)
*** อยากขอคำแนะนำเกี่ยวกับการทำสัญญาเงินกู้และหนังสือยอมรับสภาพหนี้ว่ารายละเอียดลึกๆเป็นยังไงมีข้อจำกัดยังไงบ้าง ***
ปล. 1. เพื่อนๆที่จะแสดงความคิดเห็นเราขอให้ให้เกียรติยายเราด้วยนะคะ
อย่าว่าหรือโจมตียายเลยนะคะ แกก็แค่คนแก่คนนึงที่ใจดีและตกเป็นเหยื่อคนเลวที่มาขอความช่วยเหลือ
และยายเองแกเห็นว่าผู้ชายคนนั้นทำมาหากิน น่าจะไม่โกง ซึ่งยายเองก็เสียใจกับเรื่องนี้มากเหมือนกันค่ะ :'(
2. เราไม่รู้ว่าแบบนี้เรียกว่า"กรรม"หรือเปล่า เพราะเมื่อไม่นานมานี้ลูกของคนๆนั้นจมน้ำค่ะ
ร่างกายขาดออกซิเจนเป็นเวลานาน เหมือนว่าจะไม่ค่อยรับรู้อะไรแล้ว เลี้ยงกันไปตามอาการ
แต่ตอนนี้มีเงินจากมูลนิธิต่างๆมาช่วยอยู่ค่ะ จะว่าสงสารก็สงสารนะคะ แต่คงต้องแยกเรื่องนี้ออกจากกัน
3. กระทู้นี้ไม่ได้เรียกร้องอะไรเพียงแต่ขอความคิดเห็นและหวังว่าอย่างน้อยที่สุดให้เรื่องนี้เป็นวิทยาทาน ฝากเตือนภัยถึงทุกบ้านที่มีผู้สูงอายุอยู่ลำพังนะคะ การถูกหลอกแบบนี้เกิดขึ้นได้ง่ายมาก
คนแก่บางคนไม่รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมกลโกงของคนที่หน้าตาภายนอกดูดี เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร
ต้องให้ผู้สูงอายุในครอบครัวปฏิเสธไว้ก่อนหรือติดต่อลูกหลานเพื่อสอบถามทุกครั้ง ดีที่สุดค่ะ
ขอบคุณที่อ่านจนจบและให้คำชี้แนะนะคะ หากมีคำใดไม่ถูกต้องหรือแท็กไม่ถูกห้องต้องขออภัยด้วยนะคะ
ต้องใช้หนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อกว่า 3xx,xxx บาท เพราะความเชื่อใจ
อยากจะสอบถามกับผู้ที่มีความรู้ทางด้านกฎหมาย หรือพอจะให้ความช่วยเหลือได้
เริ่มเลยแล้วกันนะคะ
ขอเกริ่นก่อนว่าครอบครัวเรา ตอนนี้ มีเรา พี่สาว แม่ และยาย
- ปัจจุบันเราอายุ 27 ปี เป็นคนต่างจังหวัดแต่มาเรียนและทำงานที่กทม.
(กลับบ้านต่างจังหวัดบ่อยอยู่นะประมาณ 2อาทิตย์/ครั้ง)
- พี่สาวเราตอนนี้อายุ 32 ปี ทำงานที่กทม.เช่นกัน
- แม่อายุ 56 ปี ทำงานอยู่ต่างประเทศ 4-5 ปีจะได้กลับสักครั้ง
แล้วบ้านที่ต่างจังหวัดก็มียายอาศัยอยู่คนเดียว ปัจจุบันยายอายุ 79 ปี
ร่างกายแข็งแรงแต่ก็สูงวัยแล้วอาจจะช้า ๆ ไม่ได้เท่าทันวัยรุ่น
(ต้องบอกว่าไม่ได้อยากให้ยายอยู่คนเดียว แต่ด้วยภาระงานเรากับพี่สาวเป็นราชการ
ยังย้ายกลับบ้านไม่ได้และแม่ก็ทำงานอยู่ต่างประเทศ)
เมื่อหลายปีก่อนแม่เรากลับมาไทย ไม่รู้ว่ายังไงแม่อยากจะดูโฉนดที่ดินบ้าน
หาเท่าไรก็หาไม่เจอ สุดท้ายยายเลยยอมรับว่า
ก่อนหน้านี้(น่าจะหลายปี)มีหญิงชายคู่หนึ่ง(เป็นลูกติดของน้าสะใภ้) เข้ามาหายายที่บ้าน
พูดกับยายว่าจะของที่ดินที่บ้านเรา(ชื่อยาย) ไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน
เพราะเค้าจะไปกู้เงินเกี่ยวกับการทำการเกษตร ด้วยความมีน้ำใจของยายก็ไปทำเรื่องค้ำประกันกับเขา
ในวันที่ไปทำเรื่องวันนั้น ยายก็เซ็นอะไรทุกอย่างไปกับเขานั่นแหละ
คนแก่อ่ะนะคะ อ่านรู้เรื่องบ้างหรือเปล่าไม่รู้ คงเซ็นตามที่เขาบอก
ยายรู้แค่ว่าเงินต้น ณ ตอนนั้น น่าจะ 1xx,xxx บาท แต่เขาก็สัญญากับยายดิบดีว่าจะใช้คืนแน่นอน . . .
พอแม่เรารู้เรื่อง แม่ก็ตามไปคุยกับคนๆนั้น เขาก็ยังบอกว่าขอเวลาอีกนิด เดี๋ยวจัดการให้ไม่ต้องห่วง
จากนั้นแม่ก็กลับเมืองนอกไป
ตลอดเวลาหลังจากแม่กลับไปเมืองนอก
แม่ก็จะคอยทักมาถามทางเราตลอดว่าเป็นไงบ้าง มันใช้หนี้ไหม? ผลปรากฎว่าไม่.....
จนมันถึงจุดที่พวกเราคนในครอบครัวกลัวว่าถ้าปล่อยเวลาต่อไปที่จะต้องโดนยึดแล้วเราจะไม่มีบ้าน
(ในหนังสือมันจะระบุวันครบกำหนดสัญญาซึ่งใกล้เข้ามามากแล้ว)
ในความรู้สึกของเราก็คิดแค่ว่า ที่ดินและบ้านหลังนี้เป็นสิ่งที่ยายหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองตั้งแต่สาวๆ
บ้านเราไม่ได้ร่ำรวยอะไรเลย เราก็ยอมไม่ได้ที่จะต้องเสี่ยง...รอเวลาให้ทางนั้นใช้หนี้ไปเรื่อยๆ
จึงตัดสินใจกู้เงินมาจำนวนหนึ่งเพื่อจะนำไปปิดตรงนั้น เป็นจำนวน 3xx,xxx บาท (ย้ำมาว่าเราก็ต้องกู้มา)
คิดดูว่าดอกเบี้ยจากการที่คนๆนั้นไม่เคยใช้หนี้เลยมาเป็นเวลาเกือบ 10 ปีมันทำให้ตัวยอดเงินขึ้นมาแบบน่าตกใจ
ในวันที่เรานำเงินก้อนนี้ไปใช้คืน ผู้ชายคนนั้นก็มารับทราบเรื่อง เจ้าหน้าที่ก็พอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เขาช่วยอะไรไม่ได้
ทางเราบอกกับผู้ชายคนนั้นว่า เงินก้อนนี้ไม่ใช่เงินเราเราก็กู้มาเหมือนกัน เราก็เดือดร้อน
แต่ถ้ารอให้คนกู้มาคืนเอง ไม่รู้ว่าจะโดนยึดที่ก่อนหรือเปล่า
ในวันนั้นด้วยความโมโหกับไอ้ผู้ชายคนนั้น ความดีใจที่อย่างน้อยก็ได้เอาที่มาคืนให้ยาย
มันทำให้ทางคิดอะไรไม่ออกว่าควรทำยังไงกับเขา
นับจากตอนที่ปิดหนี้ตรงนั้นก็ผ่านมาปีกว่าแล้วค่ะ ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมาแสดงรับผิดชอบหรือช่วยเหลือครอบครัวของเรา
เรียกได้ว่าตัวผู้ชายคนนั้นไม่เคยโผล่มาให้บ้านเราเห็นเลยตั้งแต่วันที่มาเอาที่ไปค้ำ
แต่ก็แปลกนะคะน้าสะใภ้(แม่ของไอ้คนที่โกงนี่แหละค่ะ) ก็ยังไปมาหาสู่ที่บ้านเราแบบเนียนๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จึงอยากจะถามทุกคนว่า เมื่อหนี้นั้นมันจ่ายไปแล้ว เราจะทำยังไงได้บ้างคะ
ที่จะทำให้เขายอมรับสภาพว่าจริงๆแล้วมันเป็นหนี้ของเขานะ อยากจะลองทำสัญญาเงินกู้หรือหนังสือยอมรับสภาพหนี้แล้วไปคุยกับพวกเขาดูไม่รู้ว่าเขาจะเซ็นไหม หรือจะอาศัยลูกตื๊อดี ทวงบ่อยๆมันจะแจ้งความเรากลับไหมก็ไม่รู้ (เราก็รู้ว่าหนทางอาจจะริบหรี่แต่คงต้องลองดูสักตั้ง
เพราะตอนนี้บ้านเราก็ค่อนข้างเดือดร้อน เงิน 300,000 บาท นี้กู้มาก็ผ่อนจ่ายหนักหนาเหมือนกัน)
*** อยากขอคำแนะนำเกี่ยวกับการทำสัญญาเงินกู้และหนังสือยอมรับสภาพหนี้ว่ารายละเอียดลึกๆเป็นยังไงมีข้อจำกัดยังไงบ้าง ***
ปล. 1. เพื่อนๆที่จะแสดงความคิดเห็นเราขอให้ให้เกียรติยายเราด้วยนะคะ
อย่าว่าหรือโจมตียายเลยนะคะ แกก็แค่คนแก่คนนึงที่ใจดีและตกเป็นเหยื่อคนเลวที่มาขอความช่วยเหลือ
และยายเองแกเห็นว่าผู้ชายคนนั้นทำมาหากิน น่าจะไม่โกง ซึ่งยายเองก็เสียใจกับเรื่องนี้มากเหมือนกันค่ะ :'(
2. เราไม่รู้ว่าแบบนี้เรียกว่า"กรรม"หรือเปล่า เพราะเมื่อไม่นานมานี้ลูกของคนๆนั้นจมน้ำค่ะ
ร่างกายขาดออกซิเจนเป็นเวลานาน เหมือนว่าจะไม่ค่อยรับรู้อะไรแล้ว เลี้ยงกันไปตามอาการ
แต่ตอนนี้มีเงินจากมูลนิธิต่างๆมาช่วยอยู่ค่ะ จะว่าสงสารก็สงสารนะคะ แต่คงต้องแยกเรื่องนี้ออกจากกัน
3. กระทู้นี้ไม่ได้เรียกร้องอะไรเพียงแต่ขอความคิดเห็นและหวังว่าอย่างน้อยที่สุดให้เรื่องนี้เป็นวิทยาทาน ฝากเตือนภัยถึงทุกบ้านที่มีผู้สูงอายุอยู่ลำพังนะคะ การถูกหลอกแบบนี้เกิดขึ้นได้ง่ายมาก
คนแก่บางคนไม่รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมกลโกงของคนที่หน้าตาภายนอกดูดี เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร
ต้องให้ผู้สูงอายุในครอบครัวปฏิเสธไว้ก่อนหรือติดต่อลูกหลานเพื่อสอบถามทุกครั้ง ดีที่สุดค่ะ
ขอบคุณที่อ่านจนจบและให้คำชี้แนะนะคะ หากมีคำใดไม่ถูกต้องหรือแท็กไม่ถูกห้องต้องขออภัยด้วยนะคะ