ขอเกริ่นก่อนนะครับ พอดีเมื่อวันเสาร์ที่20 ตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา ผมตื่นแต่เช้าเลยประมาณ 8 โมงนิดๆ
พอดีจะมาหาอะไรกินที่ตลาดสามย่าน พอมาถึงตลาดสามย่านก็เห็น บริเวณลานกว้าง
ด้านข้างตลาดสามย่านมีคนยืนอยู่เต็มเลย เหมือนมีการจัดงานกิจกรรมอะไรสักอย่าง
ผมเห็นคนมันเยอะดี ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ก็เลยเดินไปดูอยากรู้ว่าค้าทำอะไรกัน
เมื่อไปถึงเห็นป้าย งานไทยนิยมยั่งยืน เพื่อชุมชนอยู่ดีมีสุข ( อ่านชื่องานก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเป็นงานอะไร 555 )
ก็เลยลองไปสำรวจข้างหน้างานดูสิว่ามันมีอะไรข้างใน
เข้ามาตอนแรกจะเจอจุดลงทะเบียนก่อนเลยครับ
ก็เข้าไปต่อแถวเพื่อลงทะเบียน เอาจริงๆก็ไม่รู้หรอกครับว่าลงทะเบียนเพื่ออะไร
พอลงทะเบียนเสร็จก็ได้เศษกระดาษใบเล็กๆ ข้างในเจ้าหน้าที่ใช้ปากกาเขียนสดๆเลยว่าเราอยู่ลำดับที่เท่าไร555
(เอากันแบบนี้เลยหรอ 555 )
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แต่พอมารู้ก็คือ กระดาษที่พี่เขาเขียนให้ก็เพื่อให้เราจำได้และไปบอกกับเจ้าหน้าที่ด้านใน ซึ่งพี่ๆเขาลงทะเบียนลงในระบบไว้ให้แล้วครับ
เข้ามาภายในงานก็พอเห็นภาพว่างานนี้แบ่งงานออกเป็นโซนๆ
โซนแรก ที่เข้ามาเจอเหมือนจะเป็นโซนกิจกรรมที่มีอาสาสมัครมาทำให้ ฟรี!!!!
เช่น ตัดผม (ทั้งชายและหญิงเลยนะครับ)
โซนแรกนี้ขอผ่าน เพราะไม่มีอะไรจะให้ตัดอยู่แล้ว555
เดินเข้ามาเรื่อยๆก็เห็นเป็นโซน เล่นกิจกรรม เป็นกิจกรรมแบบเดียวกับงานวันเด็กเปะ
แปลกตรงที่ว่าคนที่มาเล่นส่วนใหญ่ไม่ใช่เด็กนี่สิ
แต่ละคนอายุบรรลุนิติภาวะมาแล้วทั้งสิ้น มีไปจนถึงสูงวัย 55 เห็นแล้วก็รู้สึกน่ารักดีนะครับ 55
ได้เห็นผู้ใหญ่กลับมามีรอยยิ้มเหมือนเป็นเด็กอีกครั้ง
ถัดเข้าไปข้างในจะเป็นเหมือนโซนหน่วยงานของรัฐเคลื่อนที่มาให้บริการกับประชาชน
ทั้งทำฟันฟรี ตรวจตาฟรี ตรวจหูฟรี รับฝังไมโครชิพและทำหมันหมาแมว ฟรี!!!!!!!!!!!
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
และอันที่น่าสนใจ สำหรับผมคือ "รถคลายเครียด"
เกริ่นมาตั้งนาน ได้เวลาเข้าเรื่องของเราแล้วครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ อยากจะรู้จริงๆว่าจะได้ไปคลายเครียดอะไรกันในรถเนี่ย 555
เดินเข้ามาแบบงงๆ เมื่อมาถึงผมก็ได้เข้าไปพบกับพี่เจ้าหน้าที่เลยครับ ( เพราะคิวยังว่างอยู่ )
พอได้พบ พี่เจ้าหน้าที่ก็ทักทายอย่างเป็นกันเอง และนำแบบสอบถามมาให้ทำ
จากนั้นใช้เวลาประมาณ 2 นาทีในการตอบ หลังจากตอบคำถามเสร็จ
พี่แกก็เก็บแบบสอบถามไป และก็ให้ผมมาพบกับเจ้าหน้าที่อีกคน
เมื่อมาพบพี่เจ้าหน้าที่คนที่2 ซึงนั่งอยู่กับเครื่องวัดอะไรสักอย่าง ซึ่งมีสายไฟและตัวหนีบต่ออกมาจากเครื่อง
พอผมมานั่งพี่เค้าก็ทักทายและเอาที่หนีบมาหนีบ นิ้วชี้ด้านซ้าย แล้วให้ผมนั่งอยู่นิ่งๆ เป็นเวลา3 นาที
ระหว่างที่ผมนั่งอยู่ก็เห็นป้ายบอกว่าคือเครื่องอะไร
ผมถึงกับ "อึ้ง" ว่ามันมีเครื่องอะไรแบบนี้ด้วยหรอ 555
ใครไม่เชื่อลองดู
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่พี่เค้าก็อธิบายว่าที่จริงมันคือ เครื่องตรวจวัดความแปรปรวน การเต้นของหัวใจ
แต่เรียกแบบนี้เพื่อให้คำมันดูซอฟท์ๆ เข้าใจง่าย
พอครบสามนาทีพี่เค้าก็เอาตัวหนีบออก แล้วเครื่องก็ประมวลผลออกมา
เสร็จจากตรงนี้ พี่เค้าก็พาขึ้นไปด้านบนรถบัสแห่งความสุข55 เอ้ยไม่ใช่ รถคลายเครียด
พอขึ้นไปด้านบนก็พบกับพี่คนแรกที่เจอ พึ่งเจอกับพี่เค้าข้างล่าง ไม่รู้ว่าขึ้นมาข้างบนตอนไหน
พอได้มาคุยกันข้างบนก็ทำให้รู้ว่าพี่แกเป็นนักจิตวิทยาครับ
ซึ่งพี่เค้าจะดูผลจากแบบสอบถามที่ผมทำและผลจากเครื่องที่ผมทดสอบไปเมื่อสักครู่ และพี่เค้าจะสอบถาม เพื่อเช็คว่า
สิ่งที่เราตอบนั้นมันตรงกับสิ่งที่วัดค่าได้หรือป่าว เพราะว่าเครื่องตรวจมันเป็นเครื่องที่ไว้ใช้สำหรับตรวจเบื้องต้น
อาจจะมีการคลาดเคลื่อนได้ ตอนตอบคำถาม พี่เค้าเลยแนะนำ
ให้เราตอบตามความเป็นจริง จะได้แนะนำให้ได้ถูกวิธี
ซึ่งผลขอผมก็ออกมาตามนี้ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
.
.
.
.
ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติครับ แต่มีติดตรงที่ความสมดุลของระบบประสาทอัตโนมัติ(ANS) อาจจะไม่ค่อยสมดุล
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ซึ่งของผมนั้นระบบประสาทซิมพาเทธิค(SNS)นั้นมีมากกว่าปกติ แต่ระบบประสาทพาราซิมพาเธอิค(PNS) มีน้อยกว่าปกติ
ซึ่งถ้าไม่สมดุลมากๆอาจแปลว่าภาวะทางจิตใจและอารมณ์ของเราอาจจะมีปัญหา แต่พี่นักจิตวิทยาก็บอกกับผมว่า
เครื่องมันก็อาจคลาดเคลื่อนได้ ในกรณีที่มันไม่สมดุลแค่นิดหน่อย
อาจเป็นเพราะว่าช่วงที่เราทดสอบกับเครื่องวัดนั้น เราอาจจะตื่นเต้นหรือกังวลอะไรอยู่ก็เป็นไปได้
จึงต้องมีการพูดคุยโดยตรงกับเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบว่าผลที่ได้มาตรงกับความเป็นจริงมั้ย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ที่จริงผมอาจจะตื่นเต้นเพราะเจอพี่ก็ได้ครับ555
หลังจากนั้นผมก็คุยกับพี่เค้าในเรื่องปัญหาที่ผมกังวลอยู่ พี่แกก็รับฟังทุกปัญหาและแนะนำวิธีการจัดการกับปัญหาต่างๆ
อย่างเข้าใจง่าย จนรู้สึกว่าบางทีการได้มาคุยกับพี่ที่นี่นั้นสามารถอธิบายให้เราเห็นภาพได้มากกว่าเราเก็บปัญหาของเรา
มานั่งคิดคนเดียว หรือคุยกับคนรู้จักซึ่งบางทีเมื่อพูดกับคนรู้จักเองก็ไม่สามารถพูดได้หมดทุกอย่าง
ซึ่งพี่แกก็บอกว่า ที่จริงคนสมัยนี้ บางทีมีความเครียดแล้วชอบเก็บไว้ ไม่ยอมระบายออกมาให้คนอื่นรับรู้
จนบางครั้งเก็บไว้คนเดียวมากเกิน อาจกลายมาเป็นโรคซึมเศร้าอีกด้วย
ซึ่งปัญหาตอนนี้คือคนส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยกล้าเข้าพบแพทย์จิตเวชเพื่อขอคำปรึกษา เนื่องจากกลัวหาว่าเป็นโรคจิต
ทางหน่วยงานของ กทม.จึงได้จัดโครงการให้มีรถคลายเครียดขึ้นมา และลงไปตามชุมชนตามศูนย์บริการสาธารณะสุขชุมชน โรงเรียน
และก็หน่วยงานต่างๆทั้งรัฐและเอกชน และในงานไทยนิยมยั่งยืนฯซึ่งจัดขึ้นทุกๆ 2 อาทิตย์ ตามเขตต่างๆ ในกทม
เพื่อเป็นที่ที่ให้คนมาทดสอบตัวเอง ว่าสภาวะสุขภาพของตนเองโดยรวมเป็นอย่างไร มีความทนทานต่อความเครียด
หรือมีวิธีการจัดการความเครียดได้ดีหรือไม่ อีกทั้งยังเป็นที่ให้คนมาระบายความรู้สึกที่มี ซึ่งบางทีอาจจะไม่กล้าบอกให้คนในครอบครัว
หรือคนใกล้ชิดให้รับรู้ รถคลายเครียดจึงเป็นเสมือนอีกทางหนึ่ง ที่จะช่วยให้คนมีความสุขมากขึ้น
หลังจากรู้สึกอิ่มเอมใจจากการได้รบคำแนะนำดีๆแล้ว ก็มาต่อที่ห้องคลายเครียด อันนี้ขอบอกเลยว่าฟินจริง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เพราะว่ามีบริการเก้าอี้นวดไฟฟ้า ให้ได้ใช้บริการได้ประมาณ 10 นาที แต่พอดีคนไม่ค่อยเยอะ
เลยได้ใช้บริการไปประมาณ 15 นาทีเลยครับ 555 ซึ่งผมชอบระบบนวดเท้าของเครื่องนี้มากเลยครับเพราะมันฟินจิงๆ
เมื่อเสร็จออกจากรถมารู้สึกเลยว่าคลายเครียดได้จริงๆ
.
.
.
.
.
ผมต้องขอขอบคุณพี่ๆเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ให้บริการดีๆ แบบฟรีๆให้กับผมนะครับ
ผมรู้สึกดีจริงๆ
หลังจากออกจากรถคลายเครียด ผมก็ไปเดินดูกิจกรรมอื่นๆ ต่ออีกหลายกิจกรรมเลยครับ
ซึงก็ทำให้ผมได้พบเห็นอะไรอีกเยอะเลยครับ
แต่กลัวผู้อ่านจะเบื่อสักก่อนผมจึงขอลากันที่ตรงนี้ครับ
ขอบคุณที่ตั้งใจอ่าน กระทู้ของผมนะครับ
มีอะไรสามารถติชมได้เลยครับผม
สุดท้าย ผมเลยอยากจะรู้ว่า มีใครเคยใช้บริการ "รถคลายเครียด" แล้วบ้างครับ เป็นยังไงกันบ้าง เป็นเหมือนผมกันบ้างมั้ยค้าบบ
ใครเคยลองใช้บริการ "รถคลายเครียด" บ้างครับ?? ใช้แล้วเป็นแบบผมหรือป่าว
พอดีจะมาหาอะไรกินที่ตลาดสามย่าน พอมาถึงตลาดสามย่านก็เห็น บริเวณลานกว้าง
ด้านข้างตลาดสามย่านมีคนยืนอยู่เต็มเลย เหมือนมีการจัดงานกิจกรรมอะไรสักอย่าง
ผมเห็นคนมันเยอะดี ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ก็เลยเดินไปดูอยากรู้ว่าค้าทำอะไรกัน
เมื่อไปถึงเห็นป้าย งานไทยนิยมยั่งยืน เพื่อชุมชนอยู่ดีมีสุข ( อ่านชื่องานก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเป็นงานอะไร 555 )
ก็เลยลองไปสำรวจข้างหน้างานดูสิว่ามันมีอะไรข้างใน
เข้ามาตอนแรกจะเจอจุดลงทะเบียนก่อนเลยครับ
ก็เข้าไปต่อแถวเพื่อลงทะเบียน เอาจริงๆก็ไม่รู้หรอกครับว่าลงทะเบียนเพื่ออะไร
พอลงทะเบียนเสร็จก็ได้เศษกระดาษใบเล็กๆ ข้างในเจ้าหน้าที่ใช้ปากกาเขียนสดๆเลยว่าเราอยู่ลำดับที่เท่าไร555
(เอากันแบบนี้เลยหรอ 555 )
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เข้ามาภายในงานก็พอเห็นภาพว่างานนี้แบ่งงานออกเป็นโซนๆ
โซนแรก ที่เข้ามาเจอเหมือนจะเป็นโซนกิจกรรมที่มีอาสาสมัครมาทำให้ ฟรี!!!!
เช่น ตัดผม (ทั้งชายและหญิงเลยนะครับ)
โซนแรกนี้ขอผ่าน เพราะไม่มีอะไรจะให้ตัดอยู่แล้ว555
เดินเข้ามาเรื่อยๆก็เห็นเป็นโซน เล่นกิจกรรม เป็นกิจกรรมแบบเดียวกับงานวันเด็กเปะ
แปลกตรงที่ว่าคนที่มาเล่นส่วนใหญ่ไม่ใช่เด็กนี่สิ
แต่ละคนอายุบรรลุนิติภาวะมาแล้วทั้งสิ้น มีไปจนถึงสูงวัย 55 เห็นแล้วก็รู้สึกน่ารักดีนะครับ 55
ได้เห็นผู้ใหญ่กลับมามีรอยยิ้มเหมือนเป็นเด็กอีกครั้ง
ถัดเข้าไปข้างในจะเป็นเหมือนโซนหน่วยงานของรัฐเคลื่อนที่มาให้บริการกับประชาชน
ทั้งทำฟันฟรี ตรวจตาฟรี ตรวจหูฟรี รับฝังไมโครชิพและทำหมันหมาแมว ฟรี!!!!!!!!!!!
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
และอันที่น่าสนใจ สำหรับผมคือ "รถคลายเครียด"
เกริ่นมาตั้งนาน ได้เวลาเข้าเรื่องของเราแล้วครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เดินเข้ามาแบบงงๆ เมื่อมาถึงผมก็ได้เข้าไปพบกับพี่เจ้าหน้าที่เลยครับ ( เพราะคิวยังว่างอยู่ )
พอได้พบ พี่เจ้าหน้าที่ก็ทักทายอย่างเป็นกันเอง และนำแบบสอบถามมาให้ทำ
จากนั้นใช้เวลาประมาณ 2 นาทีในการตอบ หลังจากตอบคำถามเสร็จ
พี่แกก็เก็บแบบสอบถามไป และก็ให้ผมมาพบกับเจ้าหน้าที่อีกคน
เมื่อมาพบพี่เจ้าหน้าที่คนที่2 ซึงนั่งอยู่กับเครื่องวัดอะไรสักอย่าง ซึ่งมีสายไฟและตัวหนีบต่ออกมาจากเครื่อง
พอผมมานั่งพี่เค้าก็ทักทายและเอาที่หนีบมาหนีบ นิ้วชี้ด้านซ้าย แล้วให้ผมนั่งอยู่นิ่งๆ เป็นเวลา3 นาที
ระหว่างที่ผมนั่งอยู่ก็เห็นป้ายบอกว่าคือเครื่องอะไร
ผมถึงกับ "อึ้ง" ว่ามันมีเครื่องอะไรแบบนี้ด้วยหรอ 555
ใครไม่เชื่อลองดู[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่พี่เค้าก็อธิบายว่าที่จริงมันคือ เครื่องตรวจวัดความแปรปรวน การเต้นของหัวใจ
แต่เรียกแบบนี้เพื่อให้คำมันดูซอฟท์ๆ เข้าใจง่าย
พอครบสามนาทีพี่เค้าก็เอาตัวหนีบออก แล้วเครื่องก็ประมวลผลออกมา
เสร็จจากตรงนี้ พี่เค้าก็พาขึ้นไปด้านบนรถบัสแห่งความสุข55 เอ้ยไม่ใช่ รถคลายเครียด
พอขึ้นไปด้านบนก็พบกับพี่คนแรกที่เจอ พึ่งเจอกับพี่เค้าข้างล่าง ไม่รู้ว่าขึ้นมาข้างบนตอนไหน
พอได้มาคุยกันข้างบนก็ทำให้รู้ว่าพี่แกเป็นนักจิตวิทยาครับ
ซึ่งพี่เค้าจะดูผลจากแบบสอบถามที่ผมทำและผลจากเครื่องที่ผมทดสอบไปเมื่อสักครู่ และพี่เค้าจะสอบถาม เพื่อเช็คว่า
สิ่งที่เราตอบนั้นมันตรงกับสิ่งที่วัดค่าได้หรือป่าว เพราะว่าเครื่องตรวจมันเป็นเครื่องที่ไว้ใช้สำหรับตรวจเบื้องต้น
อาจจะมีการคลาดเคลื่อนได้ ตอนตอบคำถาม พี่เค้าเลยแนะนำ
ให้เราตอบตามความเป็นจริง จะได้แนะนำให้ได้ถูกวิธี
ซึ่งผลขอผมก็ออกมาตามนี้ครับ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
.
.
.
.
ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติครับ แต่มีติดตรงที่ความสมดุลของระบบประสาทอัตโนมัติ(ANS) อาจจะไม่ค่อยสมดุล
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ซึ่งถ้าไม่สมดุลมากๆอาจแปลว่าภาวะทางจิตใจและอารมณ์ของเราอาจจะมีปัญหา แต่พี่นักจิตวิทยาก็บอกกับผมว่า
เครื่องมันก็อาจคลาดเคลื่อนได้ ในกรณีที่มันไม่สมดุลแค่นิดหน่อย
อาจเป็นเพราะว่าช่วงที่เราทดสอบกับเครื่องวัดนั้น เราอาจจะตื่นเต้นหรือกังวลอะไรอยู่ก็เป็นไปได้
จึงต้องมีการพูดคุยโดยตรงกับเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบว่าผลที่ได้มาตรงกับความเป็นจริงมั้ย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากนั้นผมก็คุยกับพี่เค้าในเรื่องปัญหาที่ผมกังวลอยู่ พี่แกก็รับฟังทุกปัญหาและแนะนำวิธีการจัดการกับปัญหาต่างๆ
อย่างเข้าใจง่าย จนรู้สึกว่าบางทีการได้มาคุยกับพี่ที่นี่นั้นสามารถอธิบายให้เราเห็นภาพได้มากกว่าเราเก็บปัญหาของเรา
มานั่งคิดคนเดียว หรือคุยกับคนรู้จักซึ่งบางทีเมื่อพูดกับคนรู้จักเองก็ไม่สามารถพูดได้หมดทุกอย่าง
ซึ่งพี่แกก็บอกว่า ที่จริงคนสมัยนี้ บางทีมีความเครียดแล้วชอบเก็บไว้ ไม่ยอมระบายออกมาให้คนอื่นรับรู้
จนบางครั้งเก็บไว้คนเดียวมากเกิน อาจกลายมาเป็นโรคซึมเศร้าอีกด้วย
ซึ่งปัญหาตอนนี้คือคนส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยกล้าเข้าพบแพทย์จิตเวชเพื่อขอคำปรึกษา เนื่องจากกลัวหาว่าเป็นโรคจิต
ทางหน่วยงานของ กทม.จึงได้จัดโครงการให้มีรถคลายเครียดขึ้นมา และลงไปตามชุมชนตามศูนย์บริการสาธารณะสุขชุมชน โรงเรียน
และก็หน่วยงานต่างๆทั้งรัฐและเอกชน และในงานไทยนิยมยั่งยืนฯซึ่งจัดขึ้นทุกๆ 2 อาทิตย์ ตามเขตต่างๆ ในกทม
เพื่อเป็นที่ที่ให้คนมาทดสอบตัวเอง ว่าสภาวะสุขภาพของตนเองโดยรวมเป็นอย่างไร มีความทนทานต่อความเครียด
หรือมีวิธีการจัดการความเครียดได้ดีหรือไม่ อีกทั้งยังเป็นที่ให้คนมาระบายความรู้สึกที่มี ซึ่งบางทีอาจจะไม่กล้าบอกให้คนในครอบครัว
หรือคนใกล้ชิดให้รับรู้ รถคลายเครียดจึงเป็นเสมือนอีกทางหนึ่ง ที่จะช่วยให้คนมีความสุขมากขึ้น
หลังจากรู้สึกอิ่มเอมใจจากการได้รบคำแนะนำดีๆแล้ว ก็มาต่อที่ห้องคลายเครียด อันนี้ขอบอกเลยว่าฟินจริง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เพราะว่ามีบริการเก้าอี้นวดไฟฟ้า ให้ได้ใช้บริการได้ประมาณ 10 นาที แต่พอดีคนไม่ค่อยเยอะ
เลยได้ใช้บริการไปประมาณ 15 นาทีเลยครับ 555 ซึ่งผมชอบระบบนวดเท้าของเครื่องนี้มากเลยครับเพราะมันฟินจิงๆ
เมื่อเสร็จออกจากรถมารู้สึกเลยว่าคลายเครียดได้จริงๆ
.
.
.
.
.
ผมต้องขอขอบคุณพี่ๆเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ให้บริการดีๆ แบบฟรีๆให้กับผมนะครับ
ผมรู้สึกดีจริงๆ
หลังจากออกจากรถคลายเครียด ผมก็ไปเดินดูกิจกรรมอื่นๆ ต่ออีกหลายกิจกรรมเลยครับ
ซึงก็ทำให้ผมได้พบเห็นอะไรอีกเยอะเลยครับ
แต่กลัวผู้อ่านจะเบื่อสักก่อนผมจึงขอลากันที่ตรงนี้ครับ
ขอบคุณที่ตั้งใจอ่าน กระทู้ของผมนะครับ
มีอะไรสามารถติชมได้เลยครับผม
สุดท้าย ผมเลยอยากจะรู้ว่า มีใครเคยใช้บริการ "รถคลายเครียด" แล้วบ้างครับ เป็นยังไงกันบ้าง เป็นเหมือนผมกันบ้างมั้ยค้าบบ