“เยาวราช” ถิ่นเก่าแก่ของคนไทยเชื้อสายจีนที่อาศัยอยู่กันมานานเป็นร้อยๆปี กลิ่นอายของวัฒนธรรม วิถีชีวิต ที่แอบซ่อนอยู่ในทุกซอกพื้นที่ ความน่าค้นหา ที่ไม่ได้มีเพียงแค่ร้านอาหารและแสงไฟสีแดงตอนกลางคืน แต่มันยังมีอะไรมากกว่านั้น…วันนี้เราจึงได้โอกาสไปปล่อยตัว ปล่อยใจ เดินท่อง ส่อง ถิ่นเยาวราช ยามกลางวัน และยามเย็น แบบครบรสชาติ ทั้งกิน ทั้งดื่ม และ เดินชิวๆ กันไปตลอดทั้งวัน

แพลนวันนี้เราจะเริ่มเดินชม เดินกินกันไปเรื่อยๆแบบคนท้องถิ่น ไม่ใช้รถ ไม่เรียกแทกซี่ แต่จะค่อยๆเดินเก็บบรรยากาศในย่านนี้ให้ได้มากที่สุด เพราะนานๆจะได้มีโอกาสมาทั้งที ต้องจัดเต็มสักหน่อย และในการจัดเต็มครั้งนี้ เราเลยเตรียมความพร้อมสำหรับการเดินและการกินทั้งวันมาเล็กน้อย



กางเกงที่ใส่สบายไม่รัด : ขึ้นชื่อว่าถิ่นเยาวราช ถิ่นของกิน มีร้านอาหารอร่อยมากกว่า 100 ร้านค้า เรียงรายอยู่เต็ม 2 ฝั่งถนน การเผื่อเนื้อที่กางเกงสำหรับการกิน จึงเป็นเรื่องสำคัญมากค่ะ 55+

รองเท้าผ้าใบและแผ่นรองเท้า : เป้าหมายวันนี้เราจะเดินแวะกินกันไปเรื่อยๆ ประมาณ 5-6 ชั่วโมง ซึ่งคงต้องมีเมื่อยแน่ๆ ยิ่งเราเป็นรองช้ำแล้วด้วย จะปวดเท้าได้ง่ายมาก เราเลยเตรียมแผ่นรองเท้า Walk solution แบบ Maximum support มาใส่เสริมพื้นรองเท้าอีกทีให้นุ่มขึ้น ลดแรงกระแทกตอนเดิน จะได้เดินได้นานๆสบายๆเท้าหน่อย อันนี้คุณหมอที่ทำกายภาพบำบัดเรื่องรองช้ำให้เรา เค้าแนะนำมาอีกทีค่า

น้ำเปล่า : ควรพกน้ำเปล่าติดตัวมาด้วยคนละขวด เราจะได้แวะชิม แวะทาน กันได้หลายๆร้าน โดยไม่ต้องเปลืองค่าน้ำ แล้วก็จะได้ไม่อิ่มน้ำกันก่อนด้วย   



ถ้าพูดถึง “เยาวราช” แล้ว หลายๆคนคงจะนึกถึงแต่ร้านของกินตอนกลางคืน ขนมปังไส้เยิ้ม หูฉลาม เกาลัด อะไรประมาณนี้ ใช่มั้ยหละค่ะ แต่ความจริงแล้ว ช่วงฟ้าสว่างหรือช่วงตอนบ่ายๆนั้น ก็ยังมีสถานที่ ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนจีน รายล้อมอยู่รอบๆพื้นที่นี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น ร้านค้าเก่าแก่ วัดจีน ร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ เปิดอยู่มากมาย ซึ่งได้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปจากช่วงเวลากลางคืนที่มีความครึกครื้นของผู้คน แสงสี และร้านอาหารที่เปิดอยู่จำนวนมาก แล้วเพื่อความครบถ้วน เราจึงได้ร่างแผนที่ร้านและสถานที่ ที่แพลนว่าจะไป ไว้ทั้งหมด 6 ที่ โดยเราจะเริ่มต้นเดินตั้งแต่สถานีรถไฟหัวลำโพง ยาวไปตลอดทางเส้นถนนสายมังกร “เยาวราช” หรือ “China Town” กันค่า



“ซุ้มประตูจีน”


เริ่มต้นด้วยการไปรับพลังชีวิตจากเทพเจ้าฟ้าดินที่ “ซุ้มประตูจีน” หรือ “ซุ้มประตูวงเวียนโอเดียน” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเยาวราช หรือ “China Town” กันก่อนเลยค่ะ ซุ้มประตูจีนนี้ ได้ถูกวางไว้ตามหลักฮวงจุ้ย ขนาบข้างด้วยสิงโตขาวทั้ง 2 ฝั่ง โดยมีความเชื่อว่า จุดบริเวณแผ่นทองเหลืองที่เรายืนอยู่นี้ จะเป็นจุดรับพรจากฟ้าดินโดยตรง มีอักษรคำว่า “ตี้” ซึ่งแปลว่าแผ่นดิน และหากเงยหน้าขึ้นไปจะมีคำว่า “เทียน” และ “ฟู่” ซึ่งแปลว่าสวรรค์ และ โชคลาภอยู่ ให้ยกมือไหว้รอบๆ 4 ทิศ แล้วหากเพื่อนๆคนไหนอยากเสริมเรื่องโชคลาภ ทรัพย์สิน เงินทอง ก็ให้เอากระเป๋าสตางค์ไปวางไว้ที่ปากของสิงโตทั้งเพศผู้และเพศเมีย หรือนำกระเป๋าสตางค์ลูบบริเวณแขนของสิงโตลงมาที่บริเวณเท้า และเก็บกระเป๋าสตางค์เข้ากระเป๋าเป็นอันเสร็จสิ้นพิธีค่า

"ร้าน : Lhong tou café หรือ หลงโถว"



Lhong Tou Cafe หรือ “หลงโถว” ร้านอาหารและคาเฟ่ไซส์มินิ ที่ได้รับความนิยมจากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก จนต้องใช้บริการกดบัตรคิวจาก App QueQ ยืนรอหน้าร้านกันเลยทีเดียว และถึงแม้ว่าพื้นที่ในร้านจะค่อนข้างเล็ก แต่ หลงโถว ก็สามารถออกแบบโต๊ะและที่นั่งออกมาได้อย่างน่ารักลงตัว ในพื้นที่ใช้สอยที่ประหยัดอย่างคุ้มค่า จนกลายเป็นจุดเด่นและภาพจำของผู้มาเยือนทุกคน โดยสไตล์การออกแบบโต๊ะของร้าน จะทำเป็นขั้น 2 ชั้น ให้ลูกค้าปีนขึ้นไปนั่งด้านบน ส่วนเมนูอาหารจะมีทั้งของคาวและของหวาน ตั้งแต่ ชุดข้าวต้ม ติ่มซำ ซาลาเปาทอด และชา ซึ่งจานที่เราชอบที่สุด ก็เห็นจะเป็น “ซาลาเปาทอดหมูแดง” ไม่อมน้ำมันเลย ไส้กำลังดี ทานพอดีคำมากๆ เป็นอีกมื้อเบาๆรองท้อง ก่อนจัดเต็มตอนเย็น 555 เอาหละเดินไปต่อกันที่ร้านคาเฟ่กันเลยดีกว่า

"ร้าน : Chata Specialty Coffee"



CHATA หรือ “ชะตา” ร้านคาเฟ่เรือนกระจกขนาดเล็ก ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ”กำแพง” ที่ผ่านการกัดเซาะด้วยกระบวนทางธรรมชาติจนกลายเป็นลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ของร้าน ผสานกับการตกแต่งสไตล์ Loft แบบตะวันตก และศาลาไทยโบราณ แบบไทยๆ ได้อย่างลงตัว “ดั่งชะตาลิขิต” ไว้ ซึ่งร้านจะตั้งอยู่ติดกับวัดสัมพันธวงศ์ ถนนพาดสาย หาเจอได้ไม่ยากค่ะ แต่ต้องเดินลัดเลาะเข้าซอยมาข้างในหน่อยๆ

หากเดินผ่านประตูเข้ามาในร้าน ก็จะพบว่าตัวร้านได้ถูกแบ่งออกเป็น 3 โซน ด้วยกันคือ โซนคาเฟ่เรือนกระจกด้านหน้า, โซนคาเฟ่เรือนกระจกด้านใน และ โซนโรงแรม Baan 2459 ซึ่งเราได้เลือกนั่งโซนที่เป็น Signature ของร้าน นั่นก็คือโซนด้านในที่เป็นที่ตั้งของกำแพงชะตาลิขิตนั่นเอง ส่วนเมนูแนะนำของร้าน จะเป็นเมนูเครื่องดื่มตระกูลกาแฟทั้งหลาย และเค้กค่ะ เราสั่งเค้กมะพร้าวอ่อนมาลองทาน รสชาติดีเลยค่ะ ไม่หวานจนเกินไป เนื้อมะพร้าวไส้แน่น ด้านล่างมีรสชาติของพายนิดๆ ให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปจากเค้กมะพร้าวทั่วไปทั้งหน้าตาและรสชาติ แต่รวมๆแล้วลงตัวมากค่ะ ที่สำคัญราคาไม่แพง 65 บาท ถือว่าสมราคาค่ะ เพื่อนๆคนไหนเป็นสายคาเฟ่สไตล์ชิคๆ ฮิปเตอร์ หน่อยๆ เราแนะนำร้านนี้เลยค่ะ ถ่ายรูปสวยและมุมถ่ายรูปเยอะมาก เรานี่เดินถ่ายรูปตามมุมต่างๆของร้านประมาณครึ่งชั่วโมงได้ 55+