กระทู้นี้ พึ่งจะมีโอกาสได้รีวิว เลยอยากเล่าประสมการณ์ ความประทับใจ ความทรงจำดีๆ มาเริ่มกันเลย
....ไป 🇮🇹🇮🇹 อิตาลี 🇮🇹🇮🇹กัน รอบนี้ขุดทริปเก่ามาปัดฝุ่น อยากบอกว่า.  ทริปนี้ไปฟรี ตลอดการเดินทาง ฟังไม่ผิดหรอก. ฟรีตลอดทริป......

https://www.facebook.com/pg/paipoaaroudtheworld/reviews/?ref=page_internal# ฝากเพจด้วยครับ

อยากรู้มาเดี่ยวเล่าให้ฟังกันเลย

เริ่มจากเราไป drink กับพี่ที่ทำงานร้านแห่งหนึ่งที่กรุงเทพ วันนั้นเผอิญมีการจัดกิจกรรมเล่นเกมส์ของ ของ Singha เราได้คูปองมารวมเล่นเกมส์ แต่มันต้องแชร์ ลง Social ด้วย พี่ๆที่ไปด้วยจึงยกให้เราเป็นคนเล่น เล่นเสร็จได้ของรางวัลมา ก็ไม่คิดไรมาก

เดือนต่อมาเท่านั้นละ..... บริษัท สิงห์ โทรมาให้ไปสัมภาษณ์ บอกว่าเรามีสิทธิได้รางวัลใหญ่ ไปดู MotoGP ถึงอิตาลี และเราก็ไปสัมภาษณ์ปรากฎว่าได้เฉยเลย... ตอนนั้นมือสั่นไปหมด หัวใจแทบหยุดเต็นดีใจมาก ความคิดแรกได้จริงๆหรอเนี่ย ไม่เคยคิดว่าจะได้ไปยุโรปเลย นี้คงเป็นครั้งเดี่ยวที่มีโอกาศขนาดนี้.....

พอได้เป็นผู้โชคดีเท่านั้นละ ทางสิงห์ บริการเต็มที่ส่งคนมาพาทำวีซ่า เสร็จสับ จัดการให้หมดทุกอย่าง

ถึงวันก็พร้อมลุ้นกันเลย

Plantrip : กรุงเทพ - ดูไป(ต่อเครื่อง)- มิลาน - ฟลอเรนซ์ - สนามมูเกลโล่ - โรม - ดูไบ(ต่อเครื่อง) - กรุงเทพ

ทั้งหมด 7 วันระหว่างวันที่ 2-8 มิ.ย 60

Day 1 :กรุงเทพ -ดูไบ

Day 1 เราก็บินจากขอนแก่นไปเจอพี่ๆ ผู้โชคดีคนอื่นที่ สนามบินสุวรรณภูมิ เตรียมตัว หลัก คือ เสื้อผ้า รองเท้าเอาแบบเดินสบาย หนังสือเดินทาง แลกเงินที่ superrich ถูกสุด

ออกจากสบามบินสุวรรณภูมิ บิน 6 ชม.กว่าไปถึงดูไบ รอเปลี่ยนเครื่อง อีก 3 ชม และบินต่อไปมิลานอีกประมาณ 5 ชม โดยสายการบิน Emirate ลำใหญ่ นั่งสบายสุด มีอาหารให้กินตลอด ซึ่งอิตาลีเวลาช้ากว่าไทย 5 ชม.ด้วยกัน jetlac แบบสุดๆ

Day 2 : ดูไบ-Milan - Florence

ถึงแล้วจร้า สาระ นิดหนึ่ง เมืองมิลาน(MILAN) เป็นเมืองหลักของแคว้นลอมบาร์เดียและเป็นเมืองสำคัญทางเหนือของอิตาลี เมืองมิลานเป็นภาษาเคลต์ คำว่า “mid-lan” หมายถึง อยู่กลางที่ราบ เมืองมิลานมีชื่อเสียงในเรื่องแฟชั่นและศิลปะ และยังเป็นที่รู้จักจาก ประเพณีคริสต์มาสเรียกว่า “ปาแนตโตเน” แหล่งผลิตรถยนต์ อัลฟา โรมิโอ
และที่สำคัญสำหรับคอบอล มีสโมสรบอลคือ อินเตอร์มิลาน และเอซีมิลาน นั้นเอง จบ สาระ เที่ยวต่อ.....

นี้คือ landmark สำคัญ คือ ดูโอโมแห่งมิลาน(MILAN DUOMO) มหาวิหารหินอ่อนทั้งหลังแบบกอธิคที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของยุโรป
สร้างในปี 1386 คิดง่ายๆ สมัยอยุธยาตอนต้นเลย เป็นศิลปะแบบนีโอโกธิคผสมผสานกันเป็นสถาปัตยกรรมแบบสมัยตะวันตกสมัยฟื้นฟู้ศิลปวิทายาการใช้เวลาสร้างนานถึง 500 ปี “นานไปไหนเนี้ย” โดยประดับประดาไปด้วยรูปปั้นนับ 3,000 รูป มีหลังคายอดเรียวแหลม 135 ยอด บนสุดมีรูปปั้นทองคำขนาด 4 เมตรของพระแม่มาดอนน่า ตั้งตะงานอยู่... สาระมีอยู่จริง ดูรูปวนไป

คำเตือน!!!!! :

1.มิลานขึ้นชื่อเรื่องมิฉาชีพ ต้องระวังเงิน และโทรศัพท์ในกระเป๋า ควรคาดเอวหรือเอาไว้ด้านหน้าป้องกันไว้ และแบ่งเงินเก็บไว้หลายๆที่ ด้วย

2.จะมีคนเอาอาหารนกมายัดใส่มือเราอย่ารับเด็ดขาดรีบเดินหนี

3.มีคนจะเอาสายสิญจน์สีๆ มาผูกให้เราซึ่ง คิดว่าคนอย่างผมจะโดนหรอ ไม่เหลือครับ โดนไป 1 เส้น ตอนแรกจะบอก free แต่ผูกให้ปุ๊บ 1 ยูโร พี่ที่ไปด้วยกันฉลาดมาก พอเขาผูกให้แกเดินเข้าร้าน band name เลย พวกเขาจะไม่กล้าเดินเข้าไปตามตังแน่นอน

รูปปั้นเยอะแบบสุดๆ

ทางเข้า Shop band name

มาอิตาลี ต้องจัด Gelato ขึ้นชื่อสุดๆ ระดับ Michelin star จำชื่อร้านไม่ได้แล้ว 555

ชอปปิ้งจนเหนื่อย เลยนั่งฟังเพลงเบาๆ ก่อนไปกินข้าวเที่ยง ที่ร้าน Fang Jong อาหารจีน

แล้วเดินทางไปเมือง Florence โดยนั่งรถที่บริษัทจัดมาให้บรรยากาศโคตรฟิน นั้งสบายผ่านวิวเขา และทุ่งหญ้า

นั่งรถจากมิลาน 3 ชมครึ่ง ถึง Florence ละจร้า
Flornce เป็นเมืองหลวงของแคว้นทัสกานี และเคยเป็นเมืองหลวงของ อิตาลีในยุคกลาง ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการค้าและการเงิน และถือเป็นที่เกิดของสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการโดยมีตระกูลที่มีอำนาจปกครองฟลอเรนซ์เป็นเวลานานคือตระกูลเมดิซี(Medici) และเป็นบ้านเกิดไมเคิลเองเจลโล  ลีโอนาร์โด ดาวินซี และบุคคลสำคัญ ของ ไทยคือ ศ.ศิลป์ พีระศรี ผู้ให้กำเนิด มหาวิทยาลัยศิลปากร นั้นเอง

แวะกินข้าวเย็นที่ TUTTO BONO Restaurant เป็นอาหารท่องถิ่นมี pizza และไวน์อร่อยมากร้านนี้ และเข้าพักที่โรงแรม Grand Baglioni Hotel ซึ่งเคยเป็นที่พำนักของเจ้าชายแห่ง Carraege Bertolini

Day 3 สนามมูเจลโล่

เช้าที่สดใสขึ้นลิฟขึ้นไป ชั่นบนสุดนี้คือ ฟิวที่เห็นฟิน สุดๆ

อาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ น่ากินมาก

หลังจากกินข้าวเช้านั้น คณะพวกเรากเดินทางไปสนามมูเกลโล่เพื่อ ชมการแข่งขัน MotoGP