คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 12
แนะนำจากประสบการณ์ของคนที่ทำอาชีพเดียวกัน และเคยหมุนเวียนไปประจำภาคเหนือนะครับ
อาชีพแบบเรานั้น ที่สำคัญคือต้นทุน ใช้ไปยาวๆแล้วจะเข้าใจครับ ถ้าให้แนะนำจริงๆ ก็คงจะเป็น Toyota revo 2.8 กับ Isuzu D-max 3.0 ครับ ด้วยเครื่องยนต์ที่ให้กำลังไม่มากหรือน้อยจนเกินไป มาพร้อมแรงบิดที่เรียกใช้ได้รวดเร็วตามขนาดของ cc ไม่ใช่เครื่องเล็กแต่บูสหนักๆเพื่อให้ได้แรงม้าแรงบิดสูงๆ 2 รุ่นที่ผมกล่าวมาให้อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เฉลี่ยแล้วอาจจะไม่ได้ประหยัดที่สุด แต่ในด้านความคุ้มค่าต่อระยะทาง (รวมค่า maintenance) ทั้งสองรุ่นที่กล่าวมาทำคะแนนรวมได้ดีที่สุดสำหรับผมครับ ช่วงล่างไม่ดีทำกันได้ครับ แต่คุณภาพเครื่องยนต์ และชิ้นส่วนต่างๆ รวมถึงความพร้อมของศูนย์บริการ ชนิดว่าซื้อรถไม่แถมแพ ของแบบนี้จ่ายเงินซื้อเพิ่มทีหลังไม่ได้นะครับ
อาชีพเรารถนั้นสำคัญครับ ไม่มีรถไม่มีเงิน คิดไว้ว่ารถยังไงมันก็ต้องซ่อม แต่เมื่อมันถึงเวลาต้องซ่อม อะไหล่หาง่าย แพร่หลาย อาจมีอะไหล่ทั้งแท้ ทั้งเทียบให้เลือกใช้ตามงบประมาณ การซ่อมบำรุงไม่ยุ่งยาก หาช่างหรืออู่ซ่อม หรือศูนย์ซ่อมได้ไม่ลำบากจนเกินไป อันนี้ก็สำคัญครับ
ปล.อดีตผมใช้ Ford ranger 2.2 AT 4ประตู (ท่ออินเตอร์แตก แถวๆวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ตอน 5 ทุ่ม แทนที่จะได้ไปดูแลลูกค้า ต้องมานั่งรอรถสไลด์กลับพิษณุโลกตอนเช้า) ใช้งานได้แค่ 1 ปี ต้องจำใจขายขาดทุนป่นปี้ไปซื้อ D-max 1.9 AT 4 ประตู มาใช้วิ่งงานแทนครับ (ตัวนี้ขับขึ้นเขาขึ้นดอยเหนื่อยมากๆ รอบต่ำๆแรงไม่มีเลย หมดระยะรับประกันจับ แฟลตกล่องดันราง+คันเร่งไฟฟ้า แจ่มขึ้นเยอะครับ)
ปัจจุบันรถใช้งานหลักก็ D-max 1.9 ครับ ส่วนรถใช้งานในครอบครัวผมถอย mitsubishi triton athlete 4x4 มาใช้แทนครับ
อาชีพแบบเรานั้น ที่สำคัญคือต้นทุน ใช้ไปยาวๆแล้วจะเข้าใจครับ ถ้าให้แนะนำจริงๆ ก็คงจะเป็น Toyota revo 2.8 กับ Isuzu D-max 3.0 ครับ ด้วยเครื่องยนต์ที่ให้กำลังไม่มากหรือน้อยจนเกินไป มาพร้อมแรงบิดที่เรียกใช้ได้รวดเร็วตามขนาดของ cc ไม่ใช่เครื่องเล็กแต่บูสหนักๆเพื่อให้ได้แรงม้าแรงบิดสูงๆ 2 รุ่นที่ผมกล่าวมาให้อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เฉลี่ยแล้วอาจจะไม่ได้ประหยัดที่สุด แต่ในด้านความคุ้มค่าต่อระยะทาง (รวมค่า maintenance) ทั้งสองรุ่นที่กล่าวมาทำคะแนนรวมได้ดีที่สุดสำหรับผมครับ ช่วงล่างไม่ดีทำกันได้ครับ แต่คุณภาพเครื่องยนต์ และชิ้นส่วนต่างๆ รวมถึงความพร้อมของศูนย์บริการ ชนิดว่าซื้อรถไม่แถมแพ ของแบบนี้จ่ายเงินซื้อเพิ่มทีหลังไม่ได้นะครับ
อาชีพเรารถนั้นสำคัญครับ ไม่มีรถไม่มีเงิน คิดไว้ว่ารถยังไงมันก็ต้องซ่อม แต่เมื่อมันถึงเวลาต้องซ่อม อะไหล่หาง่าย แพร่หลาย อาจมีอะไหล่ทั้งแท้ ทั้งเทียบให้เลือกใช้ตามงบประมาณ การซ่อมบำรุงไม่ยุ่งยาก หาช่างหรืออู่ซ่อม หรือศูนย์ซ่อมได้ไม่ลำบากจนเกินไป อันนี้ก็สำคัญครับ
ปล.อดีตผมใช้ Ford ranger 2.2 AT 4ประตู (ท่ออินเตอร์แตก แถวๆวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ตอน 5 ทุ่ม แทนที่จะได้ไปดูแลลูกค้า ต้องมานั่งรอรถสไลด์กลับพิษณุโลกตอนเช้า) ใช้งานได้แค่ 1 ปี ต้องจำใจขายขาดทุนป่นปี้ไปซื้อ D-max 1.9 AT 4 ประตู มาใช้วิ่งงานแทนครับ (ตัวนี้ขับขึ้นเขาขึ้นดอยเหนื่อยมากๆ รอบต่ำๆแรงไม่มีเลย หมดระยะรับประกันจับ แฟลตกล่องดันราง+คันเร่งไฟฟ้า แจ่มขึ้นเยอะครับ)
ปัจจุบันรถใช้งานหลักก็ D-max 1.9 ครับ ส่วนรถใช้งานในครอบครัวผมถอย mitsubishi triton athlete 4x4 มาใช้แทนครับ
พ่อขวัญเอย ถูกใจ, บางอ้อ รอเนื้อคู่ ถูกใจ, เอิร์นที่แปลว่าได้รับอ่ะ ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 4615715 ทึ่ง, สมาชิกหมายเลข 3859442 ถูกใจ, mrter2012 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น
รถกระบะ 4 ประตูยกสูงชั่วโมงนี้เอาแบบปัญหาน้อยสุด คือค่ายไหนครับ
อยากทราบว่า 3 ตัวนี้รุ่นไหนปัญหาน้อยสุดในระยะยาว เนื่องจากผมทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอุบัติเหตุ ของ บ.ประกันวินาศภัย บ. หนึ่ง การใช้งานจึงค่อนข้างสมบุกสมบัน ใช้รถเยอะ วิ่งเยอะ และอยู่โซนภาคเหนือ บางช่วงก็มีลุยๆบ้างแต่ก็ไม่ถึงกับขนาดออฟโร๊ดอะไร แต่ก็แอบมอง 4X4 ไว้เผื่อวันหยุดจะได้ไปลุยแบบเล็กน้อยถึงปานกลางได้
เรื่องอะไหล่ การบำรุงรักษา การซ่อมในกรณีเกิดอุบัติเหตุ สมรรถนะเครื่องยนต์ การตอบสนอง
จากการที่ไปทดลองขับ ผมชอบ FORD ช่วงล่างดีแน่น เกียร์โอเคเลย ส่วน TOYOTA ก็จี๊ดจ๊าดแต่ช่วงล่างเด้ง มาอีกตัวกับ NISSAN เครื่องก็แรงเร็ว ช่วงล่างอยู่กลางๆระหว่าง FORD กับ TOYOTA คือไม่ดีเท่า FORD แต่ก็ดีกว่า TOYOTA ลองบนถนนเส้นเดียวกันทั้ง 3 คันในวันเดียวกัน
ในใจอันดับ 1 เลย FORD 2 TOYOTA 3 NAVARA
ไม่เคยใช้รถกระบะมาก่อนในชีวิต เก๋งก็ไม่อยากได้แล้ว อยากได้แบบแมนๆลุยๆหน่อยครับ