แนะนำตัวคร่าวๆ ก่อนนะคะ เรากับสามีคบกันมา 13 ปี รวมก่อนและหลังแต่งงาน เราเป็นคนต่างจังหวัดมาเรียน และทำงานไกลบ้าน พูดง่ายๆ คือ ตัวคนเดียว พอมีเรื่องหนักๆ ก็จะแย่มากๆช่วงนั้นเราโดนแฟนเก่าทิ้ง ก็ได้สามีช่วยประคับประคอง จนเรียนจบ และทำงานที่เดียวกัน
นิสัยสามี ก่อนป่วย จะเป็นคนง่ายๆ รักครอบครัว (พ่อ แม่มาก) ตรงนี้แหละที่เราตกลงจะใช้ชีวิตกับผู้ชายคนนี้ เป็นคนใช้เงินเป็น ค่อนมาทางเหนียวนิดนึง เก็บเงินเก่ง ไม่แต่งตัว ไม่กินเหล้า แต่เจ้าชู้ มากกกกกก ชนิดขี่มอไซด์ เจอสาวสวย แทบจะขี่ตกครอง เพราะมัวแต่มองคนสวย (เรานั่งซ้อนข้างหลังจึงเห็น) ครอบครัวสามีเป็นคนจีน ค่อนข้างมีฐานะ มีความคิดจะให้สามี แต่งกับคนจีนที่มีฐานะเหมือนกัน ส่วนบ้านเรา เป็นคนไทยแท้ ลูกชาวนา เคยทำนา ทำไร่ ปิดเทอมหารายได้พิเศษทำงานนิคมอุตสาหกรรม เราจึงเป็นสะไภ้ที่ไม่ถูกใจทางบ้านสามีเท่าไหร่ ถามว่าเรามีอะไรดี สามีจึงสนใจ เคยถามอยู่เหมือนกัน เราคงหน้าตาดีใช่ได้ สามีซึ่งเจ้าชู้เป็นทุนอยู่แล้วจึงสนใจเรา (สามีเป็นเพื่อนของแฟน เพื่อนสนิทเรา) ช่วงที่เจอกันเราคงอ่อนแอมาก จึงเผลอใจไปกับสามี
จากนั้น เราก็คบกันมาเรื่อยๆ ทะเลาะบ้าง เลิกบ้าง ตามประสาวัยรุ่น จนล่วงเลยจะเข้าปีที่ 8 เราก็ท้อง ก่อนแต่ง ก่อนหน้านั้นทางบ้านเรา ก็เร่งให้สามีแต่งกันให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่สามีไม่พร้อม ด้วยเรื่องทางบ้าน และนิสัยที่ยังไม่อยากลงเอยที่ใคร แต่เราพลาดท้อง เค้าจึงจำใจต้องแต่ง ด้วยเงินเก็บ 1 แสนบาท และทอง 2 บาท ไม่ได้จัดงานแต่งอะไร ผูกข้อไม้ข้อมือ มีญาติ 7-8 คน เป็นเสร็จพิธี วันแต่งญาติสามีมา 2 คน คือ แม่และน้องสาว ส่วนตัวเราไม่ซีเรียสอะไรมาก เพราะถือว่าเราโตกันแล้ว ทำงาน และรับราชการทั้งคู่ พอใจที่จะจัดงานแค่นี้ ไม่ต้องเช่าโรงแรม อยากเก็บเงินไว้ทำธุรกิจดีกว่า
ก่อนคลอดลูกคนแรก สามีก็เริ่มป่วยซึมเศร้า เนื่องจากผิดหวังสอบเข้าคณะยอดฮิตได้ แต่ไม่ผ่านจิตเวช (สามีเป็นลูกคนแรก และเป็นความหวังของครอบครัว จึงถูกกดดันให้ต้องเรียนคณะยอดฮิต)
หลังคลอดลูก ภาระค่าใช้จ่ายมีมากขึ้น เฉพาะเงินเดือน เราไม่พอค่าใช้จ่าย (สามีกับเราแยกคนละกระเป๋าค่ะ) เราอยากเลี้ยงลูกเอง จึงต้องจ้างพี่เลี้ยง ภาระทุกอย่างจึงอยู่ที่เราคนเดียว แฟนไม่ช่วย เพราะเงินเดือนเค้าต้องส่งให้ที่บ้าน หากอยากให้ช่วยค่าใช้จ่ายต้องเอาลูกไปให้อาม่า อากงเลี้ยง ซึ่งประเด็นนี้ยังไงเราก็ไม่ยอม เมื่อไม่ยอมเราเลยต้องหารายได้เพิ่ม เปิดร้านขายของช่วงเย็นหลังเลิกงาน เงินลงทุนก็กู้สหกรณ์ 7 แสน แต่เราก็ส่งหมดภายใน 2 ปี พร้อมเงินเก็บเล็กน้อย ชีวิตความเป็นอยู่ขึ้น (ปัจจุบันเปิดร้านมา 3 ปีกว่า) พอเราท้องลูกคนที่สอง สามีก็ย้ายกลับมาทำงานที่เดียวกัน เหตุผลเพราะ ทนที่ทำงานเก่าไม่ไหว และอยากมาช่วยเราดูแลร้าน และลูกเราก็โอเค แต่มันกลับไม่เป็นแบบนั้น พอย้ายกลับมา ที่ทำงานใหม่ ซึ่งเราและสามีทำงานอยู่ด้วยกัน ทำให้เราได้เห็นอะไร มากขึ้น สามีไม่ให้เกียรติเรา พูดลับหลังเราอีกอย่าง นินทาเราบ้าง เจอผู้หญิงสวยๆ ก็จีบ ไม่ไว้หน้า คนสุดท้ายที่สามีจีบคือ น้องฝึกงาน ซึ่งพี่ที่ทำงานที่สนิทกัน แอบมาบอก ว่าสามีขายขนมจีบน้อง ช่วงนั้นเราไปประชุม กทม จึงไม่รู้เรื่องราว พอเห็นหลักฐาน แชททาง ib เราถึงกับหน้าชา ต้องรีบโทรไปขอโทษน้องที่สามีเราทำรุ่มร่าม น้องไม่ได้เล่นด้วย แต่สามีเรา พาเห็นหลักฐานที่น้องฝึกงาน ส่งมาให้ดู ถึงกับด่าว่าน้อง ต่างๆ นาๆ ซึ่งเรารับไม่ได้มากๆ เพราะคนผิดคือ สามีเราเต็มๆ ทำให้เราไม่มั่นใจ ขยะแขยง มาก ต้องให้สามีไปตรวจหาโรคร้าย เราถึงจะวางใจ ผลออกมาเป็น ลบ
จากนั้นปัญหาต่างๆ ก็มากขึ้น สามี เดี๋ยว depress เดี๋ยว mania เราเองต้องคอยแก้ไข ปัญหาต่างๆ ให้สามี เช่น เข้าทำงานสาย สมองเบลอ งานผิดพลาดบ่อย ไม่สามารถยอมรับความผิดพลาดได้ ยิ่งถ้ามีคนเตือน ก็มักจะคิดว่ามีคนจับผิด จนไม่มีใครกล้ายุ่ง เพราะมีขู่ว่าอยากฆ่าตัวตาย เราไม่รู้จะแก้ปัญหายังไงดี ปัจจุบันสามีกำลังรักษาตัวอยู่ และตอนนี้สามีชวน ย้ายไปทำงานใกล้บ้านสามี ซึ่งงานน้อยกว่า และให้เราย้ายตาม พร้อมลูกๆ ไปอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ต้องทำธุกิจอะไร เพราะที่บ้านสามีทำมาเยอะแล้ว เค้าจะยกเงินเดือนเค้าทั้งหมดให้เรา แต่เราไม่ยอมไป เคยมีคนในครอบครัวสามี พูดกับเราว่า เราจะมาเกาะสามีกิน เรามันจน เราไม่อยากย้าย เพราะลงทุนขายของไปแล้วและก็กำลังไปได้ดี แต่สามียืนยัน ไม่สามารถอยู่ที่นี้ได้ ลูกกวนบ้าง งานหนักบ้าง (คนเล็ก 1.6 ปี คนโต 4.4 ปี)
ปัญหาที่สงสัย คือ
1. ถ้าสามีย้ายไป จริงๆ เราจะอยู่กับลูก 2 คนใน ที่ต่างถิ่นนี้ ยังไง และลูกจะมีปัญหามั้ย ?
2.โรคของสามีจะหายจริงเหรอ ปัญหาเรื่องคนน่าจะมีทุกที่ ถ้าสามียังไม่สามารถปรับยา ให้อาการต่างๆ ดีขึ้น ปัญหาพวกนี้ยังคงต้องมีอยู่ เราเคยบบอกสามีว่าหมาขี้เรื้อน อยู่ไหนมันก็คัน จริงต้องรักษาตัวเองก่อน
3.สามี อาจจะนอกใจ อีก เพราะ ห่างกัน บวกนิสัยเจ้าชู้เดิม คงไม่รอด งานนี้คงได้หย่ากันจริงๆ (เราจดทะเบียน ตั้งแต่มีลูกคนแรก จดทะเบียนสามียังไม่ยอมที่บ้านเค้าเลย เฟส ไม่เคยแสดงว่ามีลูกมีเมีย)
4.ระบบ กงสี ของคนจีน มันคืออะไรคะ พอมีครอบครัว เงินก็ต้องส่งเข้าระบบกงสีหมดเลย เหรอคะ หรือบ้านอื่นเค้า บริหารจัดการยังไง เราไม่เข้าใจ
ตอนนี้ สภาพจิตใจเรา แย่พอควร กำลังใจเดียว คือ ลูก เราต้องทำเพื่อลูก และพ่อแม่เรา (เรารับราชการคนเดียวในบ้าน) ทีแรกสามีจะให้เราลาออก ดูแลร้าน ดูแลลูก เราว่ามันจะดีเหรอ เราต้องพึ่งตัวเอง จะหวังพึงสามี คงยาก เราจะประคับประคองใจเรายังไง ไม่ให้ depress ไปอีกคน สงสารลูกๆ สงสารพ่อแม่
ขอบคุณที่อ่านจบ ค่ะ
อย่างน้อยก็มีที่ให้เราให้ระบาย
ปรึกษา ทางออกของครอบครัว เมื่อสามีเป็น bipolar disorder กับลูกเล็กอีก 2 คน
นิสัยสามี ก่อนป่วย จะเป็นคนง่ายๆ รักครอบครัว (พ่อ แม่มาก) ตรงนี้แหละที่เราตกลงจะใช้ชีวิตกับผู้ชายคนนี้ เป็นคนใช้เงินเป็น ค่อนมาทางเหนียวนิดนึง เก็บเงินเก่ง ไม่แต่งตัว ไม่กินเหล้า แต่เจ้าชู้ มากกกกกก ชนิดขี่มอไซด์ เจอสาวสวย แทบจะขี่ตกครอง เพราะมัวแต่มองคนสวย (เรานั่งซ้อนข้างหลังจึงเห็น) ครอบครัวสามีเป็นคนจีน ค่อนข้างมีฐานะ มีความคิดจะให้สามี แต่งกับคนจีนที่มีฐานะเหมือนกัน ส่วนบ้านเรา เป็นคนไทยแท้ ลูกชาวนา เคยทำนา ทำไร่ ปิดเทอมหารายได้พิเศษทำงานนิคมอุตสาหกรรม เราจึงเป็นสะไภ้ที่ไม่ถูกใจทางบ้านสามีเท่าไหร่ ถามว่าเรามีอะไรดี สามีจึงสนใจ เคยถามอยู่เหมือนกัน เราคงหน้าตาดีใช่ได้ สามีซึ่งเจ้าชู้เป็นทุนอยู่แล้วจึงสนใจเรา (สามีเป็นเพื่อนของแฟน เพื่อนสนิทเรา) ช่วงที่เจอกันเราคงอ่อนแอมาก จึงเผลอใจไปกับสามี
จากนั้น เราก็คบกันมาเรื่อยๆ ทะเลาะบ้าง เลิกบ้าง ตามประสาวัยรุ่น จนล่วงเลยจะเข้าปีที่ 8 เราก็ท้อง ก่อนแต่ง ก่อนหน้านั้นทางบ้านเรา ก็เร่งให้สามีแต่งกันให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่สามีไม่พร้อม ด้วยเรื่องทางบ้าน และนิสัยที่ยังไม่อยากลงเอยที่ใคร แต่เราพลาดท้อง เค้าจึงจำใจต้องแต่ง ด้วยเงินเก็บ 1 แสนบาท และทอง 2 บาท ไม่ได้จัดงานแต่งอะไร ผูกข้อไม้ข้อมือ มีญาติ 7-8 คน เป็นเสร็จพิธี วันแต่งญาติสามีมา 2 คน คือ แม่และน้องสาว ส่วนตัวเราไม่ซีเรียสอะไรมาก เพราะถือว่าเราโตกันแล้ว ทำงาน และรับราชการทั้งคู่ พอใจที่จะจัดงานแค่นี้ ไม่ต้องเช่าโรงแรม อยากเก็บเงินไว้ทำธุรกิจดีกว่า
ก่อนคลอดลูกคนแรก สามีก็เริ่มป่วยซึมเศร้า เนื่องจากผิดหวังสอบเข้าคณะยอดฮิตได้ แต่ไม่ผ่านจิตเวช (สามีเป็นลูกคนแรก และเป็นความหวังของครอบครัว จึงถูกกดดันให้ต้องเรียนคณะยอดฮิต)
หลังคลอดลูก ภาระค่าใช้จ่ายมีมากขึ้น เฉพาะเงินเดือน เราไม่พอค่าใช้จ่าย (สามีกับเราแยกคนละกระเป๋าค่ะ) เราอยากเลี้ยงลูกเอง จึงต้องจ้างพี่เลี้ยง ภาระทุกอย่างจึงอยู่ที่เราคนเดียว แฟนไม่ช่วย เพราะเงินเดือนเค้าต้องส่งให้ที่บ้าน หากอยากให้ช่วยค่าใช้จ่ายต้องเอาลูกไปให้อาม่า อากงเลี้ยง ซึ่งประเด็นนี้ยังไงเราก็ไม่ยอม เมื่อไม่ยอมเราเลยต้องหารายได้เพิ่ม เปิดร้านขายของช่วงเย็นหลังเลิกงาน เงินลงทุนก็กู้สหกรณ์ 7 แสน แต่เราก็ส่งหมดภายใน 2 ปี พร้อมเงินเก็บเล็กน้อย ชีวิตความเป็นอยู่ขึ้น (ปัจจุบันเปิดร้านมา 3 ปีกว่า) พอเราท้องลูกคนที่สอง สามีก็ย้ายกลับมาทำงานที่เดียวกัน เหตุผลเพราะ ทนที่ทำงานเก่าไม่ไหว และอยากมาช่วยเราดูแลร้าน และลูกเราก็โอเค แต่มันกลับไม่เป็นแบบนั้น พอย้ายกลับมา ที่ทำงานใหม่ ซึ่งเราและสามีทำงานอยู่ด้วยกัน ทำให้เราได้เห็นอะไร มากขึ้น สามีไม่ให้เกียรติเรา พูดลับหลังเราอีกอย่าง นินทาเราบ้าง เจอผู้หญิงสวยๆ ก็จีบ ไม่ไว้หน้า คนสุดท้ายที่สามีจีบคือ น้องฝึกงาน ซึ่งพี่ที่ทำงานที่สนิทกัน แอบมาบอก ว่าสามีขายขนมจีบน้อง ช่วงนั้นเราไปประชุม กทม จึงไม่รู้เรื่องราว พอเห็นหลักฐาน แชททาง ib เราถึงกับหน้าชา ต้องรีบโทรไปขอโทษน้องที่สามีเราทำรุ่มร่าม น้องไม่ได้เล่นด้วย แต่สามีเรา พาเห็นหลักฐานที่น้องฝึกงาน ส่งมาให้ดู ถึงกับด่าว่าน้อง ต่างๆ นาๆ ซึ่งเรารับไม่ได้มากๆ เพราะคนผิดคือ สามีเราเต็มๆ ทำให้เราไม่มั่นใจ ขยะแขยง มาก ต้องให้สามีไปตรวจหาโรคร้าย เราถึงจะวางใจ ผลออกมาเป็น ลบ
จากนั้นปัญหาต่างๆ ก็มากขึ้น สามี เดี๋ยว depress เดี๋ยว mania เราเองต้องคอยแก้ไข ปัญหาต่างๆ ให้สามี เช่น เข้าทำงานสาย สมองเบลอ งานผิดพลาดบ่อย ไม่สามารถยอมรับความผิดพลาดได้ ยิ่งถ้ามีคนเตือน ก็มักจะคิดว่ามีคนจับผิด จนไม่มีใครกล้ายุ่ง เพราะมีขู่ว่าอยากฆ่าตัวตาย เราไม่รู้จะแก้ปัญหายังไงดี ปัจจุบันสามีกำลังรักษาตัวอยู่ และตอนนี้สามีชวน ย้ายไปทำงานใกล้บ้านสามี ซึ่งงานน้อยกว่า และให้เราย้ายตาม พร้อมลูกๆ ไปอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ต้องทำธุกิจอะไร เพราะที่บ้านสามีทำมาเยอะแล้ว เค้าจะยกเงินเดือนเค้าทั้งหมดให้เรา แต่เราไม่ยอมไป เคยมีคนในครอบครัวสามี พูดกับเราว่า เราจะมาเกาะสามีกิน เรามันจน เราไม่อยากย้าย เพราะลงทุนขายของไปแล้วและก็กำลังไปได้ดี แต่สามียืนยัน ไม่สามารถอยู่ที่นี้ได้ ลูกกวนบ้าง งานหนักบ้าง (คนเล็ก 1.6 ปี คนโต 4.4 ปี)
ปัญหาที่สงสัย คือ
1. ถ้าสามีย้ายไป จริงๆ เราจะอยู่กับลูก 2 คนใน ที่ต่างถิ่นนี้ ยังไง และลูกจะมีปัญหามั้ย ?
2.โรคของสามีจะหายจริงเหรอ ปัญหาเรื่องคนน่าจะมีทุกที่ ถ้าสามียังไม่สามารถปรับยา ให้อาการต่างๆ ดีขึ้น ปัญหาพวกนี้ยังคงต้องมีอยู่ เราเคยบบอกสามีว่าหมาขี้เรื้อน อยู่ไหนมันก็คัน จริงต้องรักษาตัวเองก่อน
3.สามี อาจจะนอกใจ อีก เพราะ ห่างกัน บวกนิสัยเจ้าชู้เดิม คงไม่รอด งานนี้คงได้หย่ากันจริงๆ (เราจดทะเบียน ตั้งแต่มีลูกคนแรก จดทะเบียนสามียังไม่ยอมที่บ้านเค้าเลย เฟส ไม่เคยแสดงว่ามีลูกมีเมีย)
4.ระบบ กงสี ของคนจีน มันคืออะไรคะ พอมีครอบครัว เงินก็ต้องส่งเข้าระบบกงสีหมดเลย เหรอคะ หรือบ้านอื่นเค้า บริหารจัดการยังไง เราไม่เข้าใจ
ตอนนี้ สภาพจิตใจเรา แย่พอควร กำลังใจเดียว คือ ลูก เราต้องทำเพื่อลูก และพ่อแม่เรา (เรารับราชการคนเดียวในบ้าน) ทีแรกสามีจะให้เราลาออก ดูแลร้าน ดูแลลูก เราว่ามันจะดีเหรอ เราต้องพึ่งตัวเอง จะหวังพึงสามี คงยาก เราจะประคับประคองใจเรายังไง ไม่ให้ depress ไปอีกคน สงสารลูกๆ สงสารพ่อแม่
ขอบคุณที่อ่านจบ ค่ะ
อย่างน้อยก็มีที่ให้เราให้ระบาย