ข้อมูล ข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวของสโมสร ลีดส์ ยูไนเต็ดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.facebook.com/lufcthailand/
คุยก่อนเกม - อีเอฟแอลแชมเปี้ยนชิพ นัดที่ 13
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส(10) - ลีดส์ ยูไนเต็ด(3)
วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม 2018 เวลา 18.00 น. ตามเวลาบ้านเรา
ถ่ายทอดสดทาง สกาย สปอร์ตส ฟุตบอล
1. ผู้เล่น
ลีดส์ ยูไนเต็ด : เกตาโน เบราร์ดี้, เคมาร์ รูฟ และปาโบล เอร์นานเดซ หายจากอาการบาดเจ็บพร้อมลงเล่นได้แล้ว แต่คาดว่าเบราร์ดี้และรูฟที่น่าจะออกสตาร์ตเป็นตัวจริงเพราะได้ลงเล่นในชุด U23 มาแล้ว ส่วนปาโบลน่าจะเริ่มต้นจากม้านั่งสำรองไปก่อน
ผู้เล่นรายอื่นๆที่ลงเล่นไม่ได้ก็มีลุค เอย์ลิ่งที่ติดโทษแบน แบรี่ ดั๊กลาสยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ และ แจ๊ค แฮร์ริสันที่บาดเจ็บกล้ามเนื้อ
ส่วนพอนตุส ยานส์สันต้องรอฟังบทลงโทษ หากลงเล่นไม่ได้ก็น่าจะเป็นเบราร์ดี้ที่ได้เล่นในตำแหน่งนี้แทน แต่หากลงเล่นได้คาดว่าเบราร์ดี้น่าจะไปยืนเป็นแบ๊กซ้ายแทน
11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามของลีดส์ ยูไนเต็ด
ผู้รักษาประตู : เบลีย์ พีค็อก-แฟร์เรลล์
คู่เซ็นเตอร์แบ๊ก : เกตาโน เบราร์ดี้, เลียม คูเปอร์
วิงแบ๊กขวา : สจ๊วต ดัลลาส, วิงแบ๊กซ้าย : ทอม เพียร์ซ
กองกลางตัวต่ำ : คาลวิน ฟิลลิปส์
คู่กองกลาง : มาเทอุซ คลิคห์, ซามูเอล ไซอิซ
ริมเส้นซ้าย : เอซกาน อลิออสกี้, ริมเส้นขวา : ไทเลอร์ โรเบิร์ตส
กองหน้า : เคมาร์ รูฟ
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส : โทนี่ โมว์เบรย์น่าจะยึดระบบ 4-2-3-1 ที่ใช้เป็นประจำ ผู้เล่นที่ลงไม่ได้มีเพียงแค่แบ๊กขวาดาวรุ่ง ไรอัน เอ็นยัมเบ้ เพียงคนเดียว
11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามของแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส
ผู้รักษาประตู : ดาบิด รายา
เซ็นเตอร์แบ๊ก : ชาร์ลส มัลกรูว์, ดาร์ราห์ เลนิฮาน
แบ๊กขวา : เอลเลียต เบนเน็ตต์ , แบ๊คซ้าย : เดอริค วิลเลี่ยมส์
คู่กองกลาง : แฮร์ริสัน รีด, แจ๊ค ร็อดเวลล์
ปีกขวา : โจ ร็อธเวลล์ , ปีกซ้าย : อดัม อาร์มสตรอง
กองกลางตัวรุก : แบร็ดลี่ย์ แด๊ค
กองหน้า : ดาเนียล เกรแฮม
---------------------------------------------------------------
2. สถิตการพบกันระหว่าง 2 ทีมในอดีต
พบกันทั้งหมด 97 นัด รวมทุกรายการ
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ชนะ: 31
เสมอ: 23
ลีดส์ ยูไนเต็ด ชนะ: 43
สถิติการพบกัน 5 ครั้งหลังสุดที่อีวู๊ด พาร์ค
01/02/2017 แบล็คเบิร์น 1 - 2 ลีดส์ ยูไนเต็ด - แชมเปี้ยนชิพ
12/03/2016 แบล็คเบิร์น 1 - 2 ลีดส์ ยูไนเต็ด - แชมเปี้ยนชิพ
22/11/2014 แบล็คเบิร์น 2 - 1 ลีดส์ ยูไนเต็ด - แชมเปี้ยนชิพ
30/11/2013 แบล็คเบิร์น 1 - 0 ลีดส์ ยูไนเต็ด - แชมเปี้ยนชิพ
23/02/2013 แบล็คเบิร์น 0 - 0 ลีดส์ ยูไนเต็ด - แชมเปี้ยนชิพ
การแข่งขันที่อีวู๊ด พาร์ค มักจบลงด้วยผลต่างประตูเพียง 1 ลูก นั่นหมายความว่าเจอกันทีไรสูสีตลอดแทบทุกครั้งไป
---------------------------------------------------------------
3. ผลงาน 6 นัดล่าสุด
ผลงาน 6 นัดล่าสุด ของ ลีดส์ ยูไนเต็ด รวมทุกรายการ
15/09/18 มิลล์วอลล์ 1 - 1 ลีดส์ ยูไนเต็ด - แชมเปี้ยนชิพ
18/09/18 ลีดส์ ยูไนเต็ด 3 - 0 เปรสตัน นอร์ธ เอนด์ - แชมเปี้ยนชิพ
22/09/18 ลีดส์ ยูไนเต็ด 1 - 2 เบอร์มิงแฮม ซิติ้ - แชมเปี้ยนชิพ
28/09/18 เชฟฟิลด์ เว้นสเดย์ 1 - 1 ลีดส์ ยูไนเต็ด - แชมเปี้ยนชิพ
02/10/18 ฮัลล์ ซิตี้ 0 - 1 ลีดส์ ยูไนเต็ด - แชมเปี้ยนชิพ
06/10/18 ลีดส์ ยูไนเต็ด 1 - 1 เบรนท์ฟอร์ด - แชมเปี้ยนชิพ
ลีดส์ ยูไนเต็ด ชนะ 2 เสมอ 3 แพ้ 1
ในฤดูกาลนี้ ลีดส์ ยูไนเต็ด ยิงประตูไม่ได้ในลีกเพียงแค่นัดเดียวคือนัดที่เสมอกับมิดเดิลสโบรห์ 0-0 โดยทำประตูไปแล้ว 22 ประตู ได้ประตูในครึ่งหลังถึง 14 ประตู และได้ประตูในนาทีที่ 60 ไปแล้วถึง 11 ประตู ในขณะที่เพิ่งเสียประตูในช่วงเวลาดังกล่าวไปเพียงแค่ 1 ประตู(จุดโทษของ นีล โมเปย์ นาทีที่ 62) นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่าเป็นทีมที่ยิ่งเล่นยิ่งดี และอาจจะเป็นบทพิสูจน์ได้ว่าทีมเราฟิตกว่าทีมอื่นๆ อย่างที่กัปตันเลียม คูเปอร์เคยบอกไว้จริงๆ
นอกจากนี้ ลีดส์ ยูไนเต็ดยังเป็นทีมที่ทำผลงานนอกบ้านได้ดีที่สุดของลีก โดยเก็บไป 12 แต้มจาก 6 นัดเท่ากับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ในขณะที่แบล๊คเบิร์นตามมาเป็นอันดับที่ 3 เก็บไป 11 แต้มจาก 6 นัด
ผลงานล่าสุด 6 นัดสุดท้ายของ แบล็คเบิร์น รวมทุกรายการ
19/09/18 ดาร์บี้ เคาน์ตี้ 0 - 0 แบล็คเบิร์น - แชมเปี้ยนชิพ
22/09/18 สโต๊ค ซิตี้ 2 - 3 แบล็คเบิร์น - แชมเปี้ยนชิพ
26/09/18 บอร์นมัธ 3 - 2 แบล็คเบิร์น - ลีก คัพ
29/09/18 แบล็คเบิร์น 2 - 2 น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ - แชมเปี้ยนชิพ
04/10/18 แบล็คเบิร์น 0 - 2 เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด - แชมเปี้ยนชิพ
06/10/18 โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส 0 - 1 แบล็คเบิร์น - แชมเปี้ยนชิพ
แบล็คเบิร์น ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 2
แบล็คเบิร์นลงเล่นในลีกมาแล้ว 12 นัด เอาชนะไปได้ 4 นัด เป็นการชนะด้วยผลต่างประตู 1 ลูกทุกนัด
เสมอ 6 นัด เป็นการเสมอที่มาจากการตามหลังเพียงแค่ 1 นัด โดนตีเสมอ 3 นัด และเสมอ 0-0 ไป 2 นัด
แพ้ 2 นัดให้กับบริสตอล ซิติ้และเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด
โดยพวกเค้าไม่เสียประตูทั้งหมด 5 นัด เท่ากับทีมเรา
สถิติที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือในฤดูกาลนี้พวกเค้าไม่สามารถทำประตูในครึ่งแรกได้เลย ยามที่ต้องลงเล่นในอีวู๊ด พาร์ครังเหย้าของตัวเอง ในขณะเดียวกันพวกเค้าก็เพิ่งเสียประตูในครึ่งแรกไปเพียงแค่ 1 นัดเช่นกัน
---------------------------------------------------------------
4. แบร๊ดลี่ย์ แด๊ค(Bradley Dack) - หมายเลข 23
กองกลางร่างตันวัย 24 ปี จอมทัพของพลพรรคกุหลาบไฟรายนี้ ย้ายมาร่วมทีมแบล็คเบิร์น โรเวอร์สเมื่อมิถุนายนปีที่แล้วจากกิลลิ่งแฮมด้วยค่าตัวเริ่มต้นเพียงแค่ 7.5 แสนปอนด์ ยังไม่รวมออปชั่น แต่คาดว่ารวมๆแล้วก็น่าจะอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านปอนด์เท่านั้นเอง
แด๊คย้ายมาร่วมทีมพร้อมกับรางวัลมากมายไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล 2015-16, ผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมของกิลลิ่งแฮม 3 ปีซ้อน และเค้าก็ไม่ทำให้กุนซือมากประสบการณ์อย่าง โทนี่ โมว์เบรย์ ผิดหวัง เมื่อตอบแทนความไว้ใจที่ส่งเค้าลงเล่นในลีกอย่างสม่ำเสมอถึง 42 นัด โดยทำไป 18 ประตู 9 แอสซิสท์ ช่วยให้แบล็คเบิร์นคว้ารองแชมป์ลีกวันเลื่อนชั้นขึ้นมาได้สำเร็จ
จุดเด่นของแด๊คอีกอย่างหนึ่งก็คือเป็นผู้เล่นที่โชว์ฟอร์มได้สม่ำเสมอ ไม่ค่อยมีช่วงแย่ที่หลุดฟอร์ม สามารถทำได้ตามมาตรฐานของตนเองเป็นส่วนใหญ่ ยิ่งในฤดูกาลนี้เจ้าตัวยิ่งโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นผู้เล่นหลักของทีม เป็นจุดศูนย์กลางในการทำเกมรุก ลงเล่นไปแล้ว 9 นัดในลีกทำไป 6 ประตูและ 2 แอสซิสท์ เรียกได้ว่าในยามที่เค้าลงเล่นและทีมทำประตูได้ ก็แทบจะเดาได้เลยว่าต้องเป็นเค้าที่มีส่วนร่วมด้วยโดยตลอด
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านัดนี้ คาลวิน ฟิลลิปส์ จะต้องทำงานหนักขนาดไหนในการที่จะรับมือและหยุด แฟรงค์ แลมพาร์ดแห่งอีวู๊ด พาร์ค ผู้นี้ให้ได้
---------------------------------------------------------------
5. เคมาร์ รูฟ
เคมาร์ รูฟ กองหน้าวัย 25 ปีเป็นหนึ่งในผู้เล่นของทีมที่มีพัฒนาการดีขึ้นมากจากฤดูกาลที่แล้ว เค้าได้คะแนนเฉลี่ยต่อเกมในฤดูกาลนี้เป็นรองแค่ ปาโบล เอร์นานเดซเพียงคนเดียว
ก่อนที่จะบาดเจ็บหายหน้าไปจากเกมลีกถึง 6 นัด ฟอร์มของรูฟต้องเรียกได้ว่ายอดเยี่ยม เมื่อเจ้าตัวลงเล่นในเกมลีกไป 6 นัด ยิงไป 4 ประตู 2 แอสซิสท์ และคว้าผู้เล่นยอดเยี่ยมไปได้ 2 นัด พ่วงกับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเดือนสิงหาคม
6 นัดที่เค้าลงเล่น
ทีมชนะ 4 นัด เสมอ 2 นัด ประตูได้ 14 ประตูเสีย 4
6 นัดที่เค้าไม่ได้ลงเล่น
ทีมชนะ 2 นัด เสมอ 3 นัด แพ้ 1 นัด ประตูได้ 8 ประตูเสีย 5
จริงอยู่ในช่วงที่เค้าบาดเจ็บ ทีมยังขาดปาโบล เอร์นานเดซ ผู้เล่นคนสำคัญไปพร้อมๆกัน เลยอาจทำให้เกมรุกของทีมขาดสมดุลและลดความดุดันลงไป แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารูฟเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีมเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งไล่กดดันคู่แข่งตั้งแต่หน้าประตูอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย การยิงประตูที่เฉียบคม การอยู่ถูกที่ถูกเวลา สิ่งเหล่านี้กองหน้าคนอื่นในทีมยังทำได้ไม่ดีเท่าเค้า
การกลับมาของรูฟน่าจะทำให้ทีมเราแก้ปัญหาการใช้โอกาสเปลืองได้ดีขึ้นและนำทีมกลับสู่เส้นทางลุ้นการเลื่อนชั้นได้ต่อไป
---------------------------------------------------------------
6. จุดโทษ
ลีดส์ ยูไนเต็ด ไม่ได้ลูกจุดโทษมาแล้ว 1 ปีเต็ม รวมทั้งหมด 50 นัด ครั้งสุดท้ายที่ได้จุดโทษคือเกมที่พบกับเบิร์นลี่ย์ในคาราบาวคัพ เดือนกันยายน ปีที่แล้ว ซึ่ง ปาโบล เอร์นานเดซเป็นคนยิงเข้าไป
สถิติ 50 นัดที่ไม่ได้จุดโทษเลยของลีดส์ ยูไนเต็ดตอนนี้ เทียบเท่ากับของเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดในช่วงปี 1991-92
ในขณะที่ทีมชาติอังกฤษทำสถิติไว้สูงสุดที่ 53 นัด ตั้งแต่ไบรอัน ร็อบสันสังหารจุดโทษใส่อิสราเอลในปี 1986 อังกฤษต้องรออีก 4 ปีถึงจะมาได้ลูกจุดโทษในนัดที่พบกับแคเมอรูนในฟุตบอลโลก 1990
ส่วนทีมที่ไม่ได้จุดโทษมายาวนานที่สุดในตอนนี้ก็คือเบิร์นลี่ย์ที่ไม่ได้ลูกจุดโทษมาแล้วทั้งหมด 52 นัด
ในขณะที่ฤดูกาลนี้แบล็คเบิร์น โรเวอร์สเคยเสียลูกจุดโทษมาแล้ว 3 นัดติดต่อกัน
ก็ได้แต่หวังว่าผู้ตัดสิน ดาร์เรน อิงแลนด์ ที่จะลงทำหน้าที่ในนัดนี้จะช่วยหยุดสถิติเลวร้ายนี้ให้กับทีมเราได้เสียที
*** ดาร์เรน อิงแลนด์ ทำหน้าที่ในฤดูกาลนี้ไปแล้วรวมทุกรายการทั้งหมด 13 นัด แจกจุดโทษไป 5 ลูก ใบเหลือง 43 ใบ ใบแดง 2 ใบ (แจกใบเหลืองเฉลี่ยนัดละ 3.3 ใบ)
ถ้านับเฉพาะการทำหน้าที่ในแชมเปี้ยนชิพ เค้าลงตัดสินไป 7 นัด แจกจุดโทษไป 2 ลูก ใบเหลือง 26 ใบ ใบแดง 1 ใบ(แจกใบเหลืองเฉลี่ยนัดละ 3.7 ใบ)***
---------------------------------------------------------------
Leeds United : คุยก่อนเกม - อีเอฟแอลแชมเปี้ยนชิพ นัดที่ 13 แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส(10) - ลีดส์ ยูไนเต็ด(3)
ข้อมูล ข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวของสโมสร ลีดส์ ยูไนเต็ดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.facebook.com/lufcthailand/
คุยก่อนเกม - อีเอฟแอลแชมเปี้ยนชิพ นัดที่ 13
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส(10) - ลีดส์ ยูไนเต็ด(3)
วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม 2018 เวลา 18.00 น. ตามเวลาบ้านเรา
ถ่ายทอดสดทาง สกาย สปอร์ตส ฟุตบอล
1. ผู้เล่น
ลีดส์ ยูไนเต็ด : เกตาโน เบราร์ดี้, เคมาร์ รูฟ และปาโบล เอร์นานเดซ หายจากอาการบาดเจ็บพร้อมลงเล่นได้แล้ว แต่คาดว่าเบราร์ดี้และรูฟที่น่าจะออกสตาร์ตเป็นตัวจริงเพราะได้ลงเล่นในชุด U23 มาแล้ว ส่วนปาโบลน่าจะเริ่มต้นจากม้านั่งสำรองไปก่อน
ผู้เล่นรายอื่นๆที่ลงเล่นไม่ได้ก็มีลุค เอย์ลิ่งที่ติดโทษแบน แบรี่ ดั๊กลาสยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ และ แจ๊ค แฮร์ริสันที่บาดเจ็บกล้ามเนื้อ
ส่วนพอนตุส ยานส์สันต้องรอฟังบทลงโทษ หากลงเล่นไม่ได้ก็น่าจะเป็นเบราร์ดี้ที่ได้เล่นในตำแหน่งนี้แทน แต่หากลงเล่นได้คาดว่าเบราร์ดี้น่าจะไปยืนเป็นแบ๊กซ้ายแทน
11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามของลีดส์ ยูไนเต็ด
ผู้รักษาประตู : เบลีย์ พีค็อก-แฟร์เรลล์
คู่เซ็นเตอร์แบ๊ก : เกตาโน เบราร์ดี้, เลียม คูเปอร์
วิงแบ๊กขวา : สจ๊วต ดัลลาส, วิงแบ๊กซ้าย : ทอม เพียร์ซ
กองกลางตัวต่ำ : คาลวิน ฟิลลิปส์
คู่กองกลาง : มาเทอุซ คลิคห์, ซามูเอล ไซอิซ
ริมเส้นซ้าย : เอซกาน อลิออสกี้, ริมเส้นขวา : ไทเลอร์ โรเบิร์ตส
กองหน้า : เคมาร์ รูฟ
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส : โทนี่ โมว์เบรย์น่าจะยึดระบบ 4-2-3-1 ที่ใช้เป็นประจำ ผู้เล่นที่ลงไม่ได้มีเพียงแค่แบ๊กขวาดาวรุ่ง ไรอัน เอ็นยัมเบ้ เพียงคนเดียว
11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามของแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส
ผู้รักษาประตู : ดาบิด รายา
เซ็นเตอร์แบ๊ก : ชาร์ลส มัลกรูว์, ดาร์ราห์ เลนิฮาน
แบ๊กขวา : เอลเลียต เบนเน็ตต์ , แบ๊คซ้าย : เดอริค วิลเลี่ยมส์
คู่กองกลาง : แฮร์ริสัน รีด, แจ๊ค ร็อดเวลล์
ปีกขวา : โจ ร็อธเวลล์ , ปีกซ้าย : อดัม อาร์มสตรอง
กองกลางตัวรุก : แบร็ดลี่ย์ แด๊ค
กองหน้า : ดาเนียล เกรแฮม
---------------------------------------------------------------
2. สถิตการพบกันระหว่าง 2 ทีมในอดีต
พบกันทั้งหมด 97 นัด รวมทุกรายการ
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ชนะ: 31
เสมอ: 23
ลีดส์ ยูไนเต็ด ชนะ: 43
สถิติการพบกัน 5 ครั้งหลังสุดที่อีวู๊ด พาร์ค
01/02/2017 แบล็คเบิร์น 1 - 2 ลีดส์ ยูไนเต็ด - แชมเปี้ยนชิพ
12/03/2016 แบล็คเบิร์น 1 - 2 ลีดส์ ยูไนเต็ด - แชมเปี้ยนชิพ
22/11/2014 แบล็คเบิร์น 2 - 1 ลีดส์ ยูไนเต็ด - แชมเปี้ยนชิพ
30/11/2013 แบล็คเบิร์น 1 - 0 ลีดส์ ยูไนเต็ด - แชมเปี้ยนชิพ
23/02/2013 แบล็คเบิร์น 0 - 0 ลีดส์ ยูไนเต็ด - แชมเปี้ยนชิพ
การแข่งขันที่อีวู๊ด พาร์ค มักจบลงด้วยผลต่างประตูเพียง 1 ลูก นั่นหมายความว่าเจอกันทีไรสูสีตลอดแทบทุกครั้งไป
---------------------------------------------------------------
3. ผลงาน 6 นัดล่าสุด
ผลงาน 6 นัดล่าสุด ของ ลีดส์ ยูไนเต็ด รวมทุกรายการ
15/09/18 มิลล์วอลล์ 1 - 1 ลีดส์ ยูไนเต็ด - แชมเปี้ยนชิพ
18/09/18 ลีดส์ ยูไนเต็ด 3 - 0 เปรสตัน นอร์ธ เอนด์ - แชมเปี้ยนชิพ
22/09/18 ลีดส์ ยูไนเต็ด 1 - 2 เบอร์มิงแฮม ซิติ้ - แชมเปี้ยนชิพ
28/09/18 เชฟฟิลด์ เว้นสเดย์ 1 - 1 ลีดส์ ยูไนเต็ด - แชมเปี้ยนชิพ
02/10/18 ฮัลล์ ซิตี้ 0 - 1 ลีดส์ ยูไนเต็ด - แชมเปี้ยนชิพ
06/10/18 ลีดส์ ยูไนเต็ด 1 - 1 เบรนท์ฟอร์ด - แชมเปี้ยนชิพ
ลีดส์ ยูไนเต็ด ชนะ 2 เสมอ 3 แพ้ 1
ในฤดูกาลนี้ ลีดส์ ยูไนเต็ด ยิงประตูไม่ได้ในลีกเพียงแค่นัดเดียวคือนัดที่เสมอกับมิดเดิลสโบรห์ 0-0 โดยทำประตูไปแล้ว 22 ประตู ได้ประตูในครึ่งหลังถึง 14 ประตู และได้ประตูในนาทีที่ 60 ไปแล้วถึง 11 ประตู ในขณะที่เพิ่งเสียประตูในช่วงเวลาดังกล่าวไปเพียงแค่ 1 ประตู(จุดโทษของ นีล โมเปย์ นาทีที่ 62) นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่าเป็นทีมที่ยิ่งเล่นยิ่งดี และอาจจะเป็นบทพิสูจน์ได้ว่าทีมเราฟิตกว่าทีมอื่นๆ อย่างที่กัปตันเลียม คูเปอร์เคยบอกไว้จริงๆ
นอกจากนี้ ลีดส์ ยูไนเต็ดยังเป็นทีมที่ทำผลงานนอกบ้านได้ดีที่สุดของลีก โดยเก็บไป 12 แต้มจาก 6 นัดเท่ากับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ในขณะที่แบล๊คเบิร์นตามมาเป็นอันดับที่ 3 เก็บไป 11 แต้มจาก 6 นัด
ผลงานล่าสุด 6 นัดสุดท้ายของ แบล็คเบิร์น รวมทุกรายการ
19/09/18 ดาร์บี้ เคาน์ตี้ 0 - 0 แบล็คเบิร์น - แชมเปี้ยนชิพ
22/09/18 สโต๊ค ซิตี้ 2 - 3 แบล็คเบิร์น - แชมเปี้ยนชิพ
26/09/18 บอร์นมัธ 3 - 2 แบล็คเบิร์น - ลีก คัพ
29/09/18 แบล็คเบิร์น 2 - 2 น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ - แชมเปี้ยนชิพ
04/10/18 แบล็คเบิร์น 0 - 2 เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด - แชมเปี้ยนชิพ
06/10/18 โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส 0 - 1 แบล็คเบิร์น - แชมเปี้ยนชิพ
แบล็คเบิร์น ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 2
แบล็คเบิร์นลงเล่นในลีกมาแล้ว 12 นัด เอาชนะไปได้ 4 นัด เป็นการชนะด้วยผลต่างประตู 1 ลูกทุกนัด
เสมอ 6 นัด เป็นการเสมอที่มาจากการตามหลังเพียงแค่ 1 นัด โดนตีเสมอ 3 นัด และเสมอ 0-0 ไป 2 นัด
แพ้ 2 นัดให้กับบริสตอล ซิติ้และเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด
โดยพวกเค้าไม่เสียประตูทั้งหมด 5 นัด เท่ากับทีมเรา
สถิติที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือในฤดูกาลนี้พวกเค้าไม่สามารถทำประตูในครึ่งแรกได้เลย ยามที่ต้องลงเล่นในอีวู๊ด พาร์ครังเหย้าของตัวเอง ในขณะเดียวกันพวกเค้าก็เพิ่งเสียประตูในครึ่งแรกไปเพียงแค่ 1 นัดเช่นกัน
---------------------------------------------------------------
4. แบร๊ดลี่ย์ แด๊ค(Bradley Dack) - หมายเลข 23
กองกลางร่างตันวัย 24 ปี จอมทัพของพลพรรคกุหลาบไฟรายนี้ ย้ายมาร่วมทีมแบล็คเบิร์น โรเวอร์สเมื่อมิถุนายนปีที่แล้วจากกิลลิ่งแฮมด้วยค่าตัวเริ่มต้นเพียงแค่ 7.5 แสนปอนด์ ยังไม่รวมออปชั่น แต่คาดว่ารวมๆแล้วก็น่าจะอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านปอนด์เท่านั้นเอง
แด๊คย้ายมาร่วมทีมพร้อมกับรางวัลมากมายไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล 2015-16, ผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมของกิลลิ่งแฮม 3 ปีซ้อน และเค้าก็ไม่ทำให้กุนซือมากประสบการณ์อย่าง โทนี่ โมว์เบรย์ ผิดหวัง เมื่อตอบแทนความไว้ใจที่ส่งเค้าลงเล่นในลีกอย่างสม่ำเสมอถึง 42 นัด โดยทำไป 18 ประตู 9 แอสซิสท์ ช่วยให้แบล็คเบิร์นคว้ารองแชมป์ลีกวันเลื่อนชั้นขึ้นมาได้สำเร็จ
จุดเด่นของแด๊คอีกอย่างหนึ่งก็คือเป็นผู้เล่นที่โชว์ฟอร์มได้สม่ำเสมอ ไม่ค่อยมีช่วงแย่ที่หลุดฟอร์ม สามารถทำได้ตามมาตรฐานของตนเองเป็นส่วนใหญ่ ยิ่งในฤดูกาลนี้เจ้าตัวยิ่งโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นผู้เล่นหลักของทีม เป็นจุดศูนย์กลางในการทำเกมรุก ลงเล่นไปแล้ว 9 นัดในลีกทำไป 6 ประตูและ 2 แอสซิสท์ เรียกได้ว่าในยามที่เค้าลงเล่นและทีมทำประตูได้ ก็แทบจะเดาได้เลยว่าต้องเป็นเค้าที่มีส่วนร่วมด้วยโดยตลอด
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านัดนี้ คาลวิน ฟิลลิปส์ จะต้องทำงานหนักขนาดไหนในการที่จะรับมือและหยุด แฟรงค์ แลมพาร์ดแห่งอีวู๊ด พาร์ค ผู้นี้ให้ได้
---------------------------------------------------------------
5. เคมาร์ รูฟ
เคมาร์ รูฟ กองหน้าวัย 25 ปีเป็นหนึ่งในผู้เล่นของทีมที่มีพัฒนาการดีขึ้นมากจากฤดูกาลที่แล้ว เค้าได้คะแนนเฉลี่ยต่อเกมในฤดูกาลนี้เป็นรองแค่ ปาโบล เอร์นานเดซเพียงคนเดียว
ก่อนที่จะบาดเจ็บหายหน้าไปจากเกมลีกถึง 6 นัด ฟอร์มของรูฟต้องเรียกได้ว่ายอดเยี่ยม เมื่อเจ้าตัวลงเล่นในเกมลีกไป 6 นัด ยิงไป 4 ประตู 2 แอสซิสท์ และคว้าผู้เล่นยอดเยี่ยมไปได้ 2 นัด พ่วงกับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเดือนสิงหาคม
6 นัดที่เค้าลงเล่น
ทีมชนะ 4 นัด เสมอ 2 นัด ประตูได้ 14 ประตูเสีย 4
6 นัดที่เค้าไม่ได้ลงเล่น
ทีมชนะ 2 นัด เสมอ 3 นัด แพ้ 1 นัด ประตูได้ 8 ประตูเสีย 5
จริงอยู่ในช่วงที่เค้าบาดเจ็บ ทีมยังขาดปาโบล เอร์นานเดซ ผู้เล่นคนสำคัญไปพร้อมๆกัน เลยอาจทำให้เกมรุกของทีมขาดสมดุลและลดความดุดันลงไป แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารูฟเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีมเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งไล่กดดันคู่แข่งตั้งแต่หน้าประตูอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย การยิงประตูที่เฉียบคม การอยู่ถูกที่ถูกเวลา สิ่งเหล่านี้กองหน้าคนอื่นในทีมยังทำได้ไม่ดีเท่าเค้า
การกลับมาของรูฟน่าจะทำให้ทีมเราแก้ปัญหาการใช้โอกาสเปลืองได้ดีขึ้นและนำทีมกลับสู่เส้นทางลุ้นการเลื่อนชั้นได้ต่อไป
---------------------------------------------------------------
6. จุดโทษ
ลีดส์ ยูไนเต็ด ไม่ได้ลูกจุดโทษมาแล้ว 1 ปีเต็ม รวมทั้งหมด 50 นัด ครั้งสุดท้ายที่ได้จุดโทษคือเกมที่พบกับเบิร์นลี่ย์ในคาราบาวคัพ เดือนกันยายน ปีที่แล้ว ซึ่ง ปาโบล เอร์นานเดซเป็นคนยิงเข้าไป
สถิติ 50 นัดที่ไม่ได้จุดโทษเลยของลีดส์ ยูไนเต็ดตอนนี้ เทียบเท่ากับของเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดในช่วงปี 1991-92
ในขณะที่ทีมชาติอังกฤษทำสถิติไว้สูงสุดที่ 53 นัด ตั้งแต่ไบรอัน ร็อบสันสังหารจุดโทษใส่อิสราเอลในปี 1986 อังกฤษต้องรออีก 4 ปีถึงจะมาได้ลูกจุดโทษในนัดที่พบกับแคเมอรูนในฟุตบอลโลก 1990
ส่วนทีมที่ไม่ได้จุดโทษมายาวนานที่สุดในตอนนี้ก็คือเบิร์นลี่ย์ที่ไม่ได้ลูกจุดโทษมาแล้วทั้งหมด 52 นัด
ในขณะที่ฤดูกาลนี้แบล็คเบิร์น โรเวอร์สเคยเสียลูกจุดโทษมาแล้ว 3 นัดติดต่อกัน
ก็ได้แต่หวังว่าผู้ตัดสิน ดาร์เรน อิงแลนด์ ที่จะลงทำหน้าที่ในนัดนี้จะช่วยหยุดสถิติเลวร้ายนี้ให้กับทีมเราได้เสียที
*** ดาร์เรน อิงแลนด์ ทำหน้าที่ในฤดูกาลนี้ไปแล้วรวมทุกรายการทั้งหมด 13 นัด แจกจุดโทษไป 5 ลูก ใบเหลือง 43 ใบ ใบแดง 2 ใบ (แจกใบเหลืองเฉลี่ยนัดละ 3.3 ใบ)
ถ้านับเฉพาะการทำหน้าที่ในแชมเปี้ยนชิพ เค้าลงตัดสินไป 7 นัด แจกจุดโทษไป 2 ลูก ใบเหลือง 26 ใบ ใบแดง 1 ใบ(แจกใบเหลืองเฉลี่ยนัดละ 3.7 ใบ)***
---------------------------------------------------------------