"60 ปี หลังจากตำนานเจ้าเเม่นาคีจบลง ตำนานบทใหม่ได้ถือกำเนิดขึ้น โดยบอกเล่าผ่าน สร้อย หญิงสาวชาวบ้านผู้จงรักภักดีกับเจ้าเเม่นาคี เเละ ร.ต.อ. ป้องปราบ ชายหนุ่มกรุงเทพผู้ไม่เชื่อในเรื่องเหลือเชื่อต่างๆ ทั้งคู่ต้องมาเผชิญหน้ากับคดีฆาตกรรมปริศนาใน บ้านดอนไม้ป่า ที่พัวพันกับตำนานเจ้าเเม่นาคี ที่อาจจะเปลี่ยนเเปลงความเชื่อของพวกเขาไปตลอดกาล"
สวัสดีครับ หายไปซะนานเลย ช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างยุ่งเลยไม่ได้มาวิจารณ์หนังเลย รวมถึงคิดว่าคงจะไม่มีอะไรน่าสนใจเลยไม่ได้เข้ามาทำ เเต่เพราะหนังเรื่องนี้นี่เเหละที่ทำให้ผมกลับมา ถ้าไม่ได้ทำ ผมคงเสียดายเเย่เลย ต้องบอกก่อนว่าเคยดูละครภาคเเรก เเละค่อนข้างชอบในประเด็นความรักข้ามสายพันธ์ของเจ้าเเม่นาคีนี้มาก พอมาทำเป็นหนังก็เเอบตั้งเเง่ว่าจะไหวมั้ยนะ เเต่พอเป็นตัวอย่างออกมาเท่านั้นที่ทำให้ผมเปลี่ยนใจ เเละนี่คือจุดเริ่มต้นของความเชื่อมั่นในภาพยนตร์ไทยฟอร์มยักษ์ที่กำลังเป็นกระเเสทั่วไทยในขณะนี้
การเล่าเรื่อง
หนังเปิดเรื่องมาโดยการเกริ่นเรื่องจากละครนาคี อย่างคร่าวๆ ให้เข้าใจง่ายๆ ก่อนจะเข้าสู่เนื้อเรื่องของหนังอย่างรวดเร็ว ส่วนตัวชอบความที่บทหนังทำให้เรานึกถึงหนังเเนวระทึกขวัญที่มีคนตายเเบบสมัยก่อนๆ ทำให้เราต้องมาลุ้นว่าใครมาเป็นคนร้าย โดยช่วงเเรกหนังเดินเรื่องฉับไวมาก เเต่ก็ไม่ได้เร็วขนาดที่จะไม่เข้าใจ เพราะหนังมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่ปมๆเดียวเท่านั้น โดยเเทรกมุขตลกเข้ามาได้อย่างถูกจังหวะ เเละความสัมพันธ์พระนางที่มองว่าเบาบางไปนิด เเต่ก็พอทำให้เข้าใจได้ เพราะหนังใส่ความขัดเเย้งของสองตัวละครตัวนี้ตลอดเวลา ซึ่งมันจะไปเฉลยชัดๆในช่วงองค์ท้ายของเรื่อง
ช่วงที่สอง หนังเริ่มอืด มีเดดเเอร์โดยเฉพาะคู่พระนางที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องอึดอัดอะไรกัน เเต่ก็พอเข้าใจ เพราะบริบทของหนังมันชวนให้เป็นเเบบนั้นจริงๆ โดยสอดเเทรกความรุนเเรงของคนที่อยู่รอบๆทีละนิด ถึงเรื่องความเชื่อที่มันค่อยๆ ขยายไปเป็นวงกว้าง เเล้วพระนางก็ไม่ได้มีอะไรที่ชวนให้จิ้นฟินเเบบที่คนคิดขนาดนั้นเเต่เเค่มองตาก็เข้าใจได้ว่าความรู้สึกเป็นอย่างไร เเละหนังก็ดำเนินไปได้อย่างเรื่อยๆ สลับกับความสัมพันธ์ที่คิดว่าพัฒนาของพระนาง
ช่วงสุดท้ายคือช่วงที่พีคที่สุด เพราะมันพุ่งพล่านมาก เเบบหนังใส่ความเป็นเเฟนตาซีเต็มรูปเเบบ เเละดราม่าในเวลาพร้อมๆกัน ผิดกับช่วงระทึกขวัญในช่วงเเรกๆ ซึ่งส่วนตัวชอบช่วงท้ายสุดเลย เพราะเป็นช่วงที่ทุกปมจะเฉลยออกมาเเละมันก็ค่อนข้างที่จะดีพอเข้าใจในความหมายจนน้ำตาซึม เเต่เเล้วหนังก็จบอย่างรวดเร็วเเม้จะตอบคำถามของคอละคร เเต่ส่วนตัวมองว่ามันรวบรัดไปหน่อย อดคิดไม่ได้ว่าจะมีภาคต่อ ซึ่งส่วนตัวมองว่ามีหรือไม่มีก็ไม่เสียหาย เพราะหนังมันก็จบในตัวได้อยู่เเล้ว
การกำกับหนังเเละภาพ
ลายเซ็นพี่อ๊อฟไม่ทิ้งลายเดิม เพิ่มเติมคือมุมกล้องที่มีความพัฒนาขึ้นมาก ดูให้อารมณ์เเบบหนังฝรั่งอินดี้ๆ ที่เเช่ภาพเเล้วให้ตัวละครเเสดงไป เเต่หนังก็มีหลายฉากที่ชวนให้คิดถึงละครเหมือนกัน เเต่ก็ถือเป็นภาพยนตร์ผิดจากการเเสดงตัวอย่างที่มุมกล้องดูไม่ใช่ภาพยนตร์ อาจเพราะมุมกล้องต่างกันด้วย เเถมใส่ความเดดเเอร์เเทนอารมณ์อึดอัด ซึ่งมันก็เยอะไปหน่อย เเต่ก็เห็นอารมณ์ตัวละครได้ชัดเจน สื่ออารมณ์เเละภาพได้ดี นอกจากนี้ยังมีสัญลักษณ์ให้ตีความระหว่างพระนางด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้การที่พระนางไม่ชอบขี้หน้ากันตั้งเเต่เเรกเเต่มีอะไรดึงดูดเข้าหาตลอด เปรียบได้กับครุฑเเละนาค จะมีฉากที่เเสดงสิ่งกีดขวางตลอดทั้งเรื่องด้านความคิด ความเชื่อ เเละ สถานที่ ไม่ว่าจะเป็นรั้วบ้านที่สร้อยกับป้องปราบคุยกัน โต๊ะที่สน.ที่ทั้งคู่เถียงกัน ระยะห่างของทั้งคู่ไม่เคยได้ใกล้กัน หรือฉากบ้านสร้อยที่ป้องปราบมานั่งพูดคุย เเล้วฉากเเช่เป็นเสาบ้านกั้นทั้งคู่ไว้ ฉากสร้อยที่เดินผ่านป้องปราบไปกับยายขันห่างออกไปเรื่อยๆ ฉากนั่งรถที่เเสดงถึงความอึดอัดเเละไม่เข้าใจของทั้งสองฝ่าย ไหนจะฉากที่มองคนละมุมจากอีกที่ๆหนึ่ง สังเกตได้ว่าทั้งคู่ไม่เคยเเตะต้องตัวเลยจนกระทั่งตอนท้ายที่ในที่สุดความเชื่อก็ทำให้ทั้งคู่ได้รักกัน
ซึ่งชื่นชมพี่อ๊อฟจริงๆครับ
ส่วนของภาพคุณสยมภู ผู้กำกับภาพมือเยี่ยมจาก Call Me My Your Name เเละ Suspiria กลัว ที่กำลังจะเข้าฉายมากำกับภาพให้ ซึ่งช่วยให้หนังมีลายเซ็นของเขาอีกตรงที่มันมีความฝรั่งโดยเฉพาะการเเสดงฉาก เเสง สีต่างๆ ที่เข้ากับหนังได้อย่างน่าประหลาด ทำให้หนังมีความอินเตอร์เพิ่มมากขึ้นจริงๆ ไม่ปฏิเสธว่าทำไมต่างประเทศถึงยกย่องให้เป็นผู้กำกับภาพที่เก่งกาจ
การเเสดง
- ญาญ่า ในบทสร้อย เราจะได้เห็นผู้หญิงธรรมดาลึกลับซึ่งสื่อสารทุกอย่างผ่านเเววตาเเละอารมณ์ มีเพียงภาษาอีสานที่สื่อสิ่งที่คิดออกมาอย่างเต็มรูปเเบบ ญาญ่าทำได้ดีมากๆ ในเรื่องการพูดสำเนียง ฟังเเล้วเชื่อว่าเป็นคนบ้านดอนไม้ป่าจริงๆ เเถมเเสดงเข้ากันกับ ยายขัน ที่เเสดงโดย ดร.ฉวีวรรณ ดำเนิน ศิลปินเเห่งชาติ ที่เล่นน้อยเเต่มาก ยิ่งฉากสุดท้ายขอซูฮกจนน้ำตาไหลเลย
- ณเดชน์ ในบท ป้องปราบ รับบทเป็นตำรวจผู้ไม่เชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ดี มีความกวนประสาทเเต่ไม่ลบหลู่ มีความเท่ พอจะเป็นซีนอึดอัดหรือตะลึงก็เล่นได้ดี พอมาเล่นซีนตลกร่วมกับ ปอยฝ้ายเเละอิ๊ด โปงลาง ก็ดูไม่โดดไปจากคนอื่นๆ ชวนให้หมั่นไส้ในเวลาเดียวกัน ถ้าคุณหวังดราม่าความรักของพระนางอาจจะต้องผิดหวัง เพราะส่วนใหญ่เป็นการเล่าผ่านภาพมากกว่าที่จะเป็นเเบบถึงเนื้อถึงตัว
- เเต้ว ในบท เจ้าเเม่นาคี ทุกฉากที่สื่อออกมา เเต้วทำให้เจ้าเเม่นาคีมีชีวิตจิตใจมากกว่าในเวอร์ชั่นละคร เเม้ฉากจะมีไม่มากก็ตาม
- เคน ผมทึ่งกับเคนมากในบทของทศพล ออกคู่กับเเต้ว เเละเเทบจะไม่มีบทพูดอะไรเลย เเต่เราเห็นเรารู้สึกเลื่อมใส ใบหน้าเเฝงไปด้วยบุญ รอยยิ้มอาจทำให้ใจละลายเเล้วผมก็มองว่าหล่อกว่าในละครมากๆ
- ปอยฝ้ายกับอิ๊ด ตัวตลกของหนังอย่างเเท้จริง ตลกตั้งเเต่สำเนียง ยันตลก Visual ที่มีเข้ามาเวลาเคร่งเครียด
- อุ้ม ตอนเเรกคิดว่าจะโอเวอร์เเอคติ้ง เเต่เปล่า เธอทำได้ดีมากในบทสำคัญที่คิดว่าทุกคนที่ดูละครน่าจะรู้จักกันดี
CG
- โคตรดี โคตรเจ๋ง มีน้อยเเต่ใช้คุ้ม ใส่กันจัดเต็มไม่เกรงใจทุน เพราะใช้ทีมเดียวกับที่ทำในละคร เเต่เพิ่มรายละเอียดชวนตื่นตามากขึ้น เเต่ก็มืดไปนะ
ดนตรีประกอบ
- เหมือนได้ฟังเพลงตัวอย่างเเบบโบราณๆ เเต่ยาวขึ้น เเละเข้ากับภาพยนตร์ดี ตื่นตาตื่นใจเเละเงียบงันจนน่ากลัว เขาตั้งใจให้หนังมีความลึกลับก็ถูกเเล้ว
- เพลงประกอบสายเเนนหัวใจ ของก้อง ห้วยไร่ เป็นเพลงที่ถูกเเต่งขึ้นมาเพื่อหนังเรื่องนี้อย่างเเท้จริง เสริมให้เห็นภาพความรักเเละความสัมพันธ์ของพระพระนางให้อินได้ดีเลย เเต่ในเวอร์ชั่นเอนเครดิต เป็นเวอร์ชั่นร้องร่วมกับ ไข่มุก เดอะวอยซ์ ด้วยนะครับ อย่าออกจากโรงก่อนล่ะ เพราะมาก
ประเด็นของหนัง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้- จงเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็น เพราะมันอาจมีอยู่จริงอย่างที่ป้องปราบไม่เคยเชื่อพญานาค ชาวบ้านเชื่อ สร้อยเชื่อ เเต่เเล้วเมื่อเขาได้เห็นกับตาคงรู้ว่า สิ่งที่เข้าเคยคิดว่ามองไม่เห็น มันมีอยู่ จนกระทั่งมีเรื่องอาเพศ ทุกคนก็โยนความเชื่อทั้งหมดเเล้วมุ่งหน้าสู่ความเชื่อใหม่ทันที คือการฆ่าสร้อย เเละมันนำมาสู่ความเดือดร้อนของคนรอบๆตัวด้วย
- อดีตก็ให้มันเป็นเรื่องของอดีต อย่าให้มันกลับมาทำให้เจ็บปวดอีก
- ความรักมีอานุภาพเกินกว่าจะอธิบายด้วยเหตุผล ไม่ว่าจะรักอย่างบริสุทธิ์หรือรักด้วยความชิงชังก็ตาม
ข้อเสีย
- หนังมีเดดเเอร์ที่ชวนอึดอัดยาวไปนิด
- หนังรวบรัดในบางช่วง เเละก็อืดในช่วงกลางๆ
- ประเด็นบางอย่างถ้าพลาดไปเล็กน้อยอาจคิดว่าหนังไม่สมบูรณ์
- เนื้อเรื่องไม่ไกลไปจากละครเท่าไหร่ เเต่ทำให้มันดูง่ายมากกว่าเดิม ซึ่งอาจะเป็นข้อเสียสำหรับคนที่อยากเห็นอะไรใหม่ๆ ที่ไม่เหมือนละคร
หนังอาจจะเป็นเเค่ ชม.ครึ่ง เเต่มันก็น่าประทับใจที่หนังเรื่องนี้เหมือนมีมนต์สะกดมากๆ มันมีอะไรบางอย่างที่เชื่อมโยงกับคนไทยได้ในเรื่องความเชื่อผสมผสานกับความเรียบง่ายที่เข้าถึงผู้คน โดยใส่ความเเฟนตาซีเข้าไปอย่างลงตัว ผมเชื่อว่าหนังเรื่องนี้ควรค่าเเก่การดูซ้ำ หรือจะดูหนึ่งรอบ ก็ถือว่าหนังทำหน้าที่ของการเป็นภาคต่อของละครที่ดีมากๆเเล้ว เเต่ส่วนของความเป็นภาพยนตร์ คนอาจจะมองว่า มันก็เเค่ละครในจอจะไปดียังไง เเต่ก็อยากให้ทุกคนลองไปสัมผัสดู ชอบไม่ชอบไม่เป็นไร เเต่อยากให้ไปลองดูว่า "ความเชื่อ" นั้น เป็นเรื่องมหัศจรรย์ขนาดไหน
9/10 ครับ ห้ามพลาดเด็ดขาด
ปล.เพลงสายเเนนหัวใจถ้าตีความดีๆ จะเห็นบางอย่างครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คือจั่งภาพเหล่านี้เคยเกิดขึ้นแล้ว
แต่ก็จำบ่ได้ว่า เกิดขึ้นตอนได๋
อยู่ในความทรงจำ หรือว่าแค่ฝันไป
ทั้งที่หัวใจ บ่เคยเชื่อเรื่องแบบนี้เลย
[พญาครุฑหรือป้องปราบรู้สึกสนใจในตัวสร้อย ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้เชื่อเรื่องพญานาคเลย ไม่เชื่อเรื่องพรหมลิขิตด้วย]
คนๆ หนึ่งที่เพิ่งเคยเจอกัน
แต่ว่าภาพเหล่านั้น ตามเข้ามาหลอกหลอน
ให้ใจคิดถึง ไม่เคยเป็นมาก่อน
ไม่ได้อ้อนวอน เรียกร้องขอจากใคร
[ป้องปราบจะนึกถึงสร้อยตลอด โดยที่ไม่มีใครบอก อาจจะไม่ใช่เรื่องคดีอย่างเดียว เเต่อาจจะเป็นความสนใจส่วนนึง]
สิ่งที่แนมบ่เห็น เคยปิดใจบ่ยอมรับมัน
แต่ตอนนี้ ทุกอย่างกลับแปรผัน
จากมื้อนี้ ฮอดมื้อนั้น สิบ่ยอมให้ผู้ใด๋มาทำร้าย
[เคยไม่คิดเรื่องความเชื่ออะไรเลย เเต่พอได้รู้จักสร้อย ก็ตัดสินใจปกป้องสร้อยจากพวกชาวบ้าน]
ต่อจากนี้ สิคอยดูแล เจ้าให้ดีๆ
บ่ให้ผู้ใด๋เข้ามากล้ำกลาย ในชีวิตเจ้า
ทั้งที่ใจบ่เชื่อว่าความฮักนั้นมีจริงอยู่บ่
แต่ก็งง ชีวิตเจ้าของ เป็นหยังต้องมาดูแล
คนๆ หนึ่งที่เฮาบ่เคยฮู้จักแต่ฮักไปเบิดทั้งใจ
หรือย้อนว่าเวรว่ากรรมอันใด เฮ็ดให้เฮาพ้อกัน
[หลังจากที่ช่วยสร้อยได้ก็ตัดสินใจดูเเล เเม้ตอนเเรกจะงงว่ารักได้ยังไง ในเมื่อเพิ่งรู้จักกันไม่นาน หรือเป็นเพราะกรรมที่ผูกร่วมกันมา อาจจะใช่]
แม่นสิย้อนกรรมย้อนเวรอันใด๋
สิบ่ไปไส ขอยืนข้างๆ เธอ
[เเต่จะเป็นกรรมหรืออะไรก็ตาม ป้องปราบก็จะรักกับสร้อยไม่ยอมไปไหนเเล้วล่ะ]
เรื่องที่ 9 : นาคี 2 "ความเชื่อ มองไม่เห็นใช่ว่าไม่มี" ภาคต่อของละครที่โด่งดัง สู่ภาพยนตร์มาเเรง
"60 ปี หลังจากตำนานเจ้าเเม่นาคีจบลง ตำนานบทใหม่ได้ถือกำเนิดขึ้น โดยบอกเล่าผ่าน สร้อย หญิงสาวชาวบ้านผู้จงรักภักดีกับเจ้าเเม่นาคี เเละ ร.ต.อ. ป้องปราบ ชายหนุ่มกรุงเทพผู้ไม่เชื่อในเรื่องเหลือเชื่อต่างๆ ทั้งคู่ต้องมาเผชิญหน้ากับคดีฆาตกรรมปริศนาใน บ้านดอนไม้ป่า ที่พัวพันกับตำนานเจ้าเเม่นาคี ที่อาจจะเปลี่ยนเเปลงความเชื่อของพวกเขาไปตลอดกาล"
สวัสดีครับ หายไปซะนานเลย ช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างยุ่งเลยไม่ได้มาวิจารณ์หนังเลย รวมถึงคิดว่าคงจะไม่มีอะไรน่าสนใจเลยไม่ได้เข้ามาทำ เเต่เพราะหนังเรื่องนี้นี่เเหละที่ทำให้ผมกลับมา ถ้าไม่ได้ทำ ผมคงเสียดายเเย่เลย ต้องบอกก่อนว่าเคยดูละครภาคเเรก เเละค่อนข้างชอบในประเด็นความรักข้ามสายพันธ์ของเจ้าเเม่นาคีนี้มาก พอมาทำเป็นหนังก็เเอบตั้งเเง่ว่าจะไหวมั้ยนะ เเต่พอเป็นตัวอย่างออกมาเท่านั้นที่ทำให้ผมเปลี่ยนใจ เเละนี่คือจุดเริ่มต้นของความเชื่อมั่นในภาพยนตร์ไทยฟอร์มยักษ์ที่กำลังเป็นกระเเสทั่วไทยในขณะนี้
การเล่าเรื่อง
หนังเปิดเรื่องมาโดยการเกริ่นเรื่องจากละครนาคี อย่างคร่าวๆ ให้เข้าใจง่ายๆ ก่อนจะเข้าสู่เนื้อเรื่องของหนังอย่างรวดเร็ว ส่วนตัวชอบความที่บทหนังทำให้เรานึกถึงหนังเเนวระทึกขวัญที่มีคนตายเเบบสมัยก่อนๆ ทำให้เราต้องมาลุ้นว่าใครมาเป็นคนร้าย โดยช่วงเเรกหนังเดินเรื่องฉับไวมาก เเต่ก็ไม่ได้เร็วขนาดที่จะไม่เข้าใจ เพราะหนังมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่ปมๆเดียวเท่านั้น โดยเเทรกมุขตลกเข้ามาได้อย่างถูกจังหวะ เเละความสัมพันธ์พระนางที่มองว่าเบาบางไปนิด เเต่ก็พอทำให้เข้าใจได้ เพราะหนังใส่ความขัดเเย้งของสองตัวละครตัวนี้ตลอดเวลา ซึ่งมันจะไปเฉลยชัดๆในช่วงองค์ท้ายของเรื่อง
ช่วงที่สอง หนังเริ่มอืด มีเดดเเอร์โดยเฉพาะคู่พระนางที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องอึดอัดอะไรกัน เเต่ก็พอเข้าใจ เพราะบริบทของหนังมันชวนให้เป็นเเบบนั้นจริงๆ โดยสอดเเทรกความรุนเเรงของคนที่อยู่รอบๆทีละนิด ถึงเรื่องความเชื่อที่มันค่อยๆ ขยายไปเป็นวงกว้าง เเล้วพระนางก็ไม่ได้มีอะไรที่ชวนให้จิ้นฟินเเบบที่คนคิดขนาดนั้นเเต่เเค่มองตาก็เข้าใจได้ว่าความรู้สึกเป็นอย่างไร เเละหนังก็ดำเนินไปได้อย่างเรื่อยๆ สลับกับความสัมพันธ์ที่คิดว่าพัฒนาของพระนาง
ช่วงสุดท้ายคือช่วงที่พีคที่สุด เพราะมันพุ่งพล่านมาก เเบบหนังใส่ความเป็นเเฟนตาซีเต็มรูปเเบบ เเละดราม่าในเวลาพร้อมๆกัน ผิดกับช่วงระทึกขวัญในช่วงเเรกๆ ซึ่งส่วนตัวชอบช่วงท้ายสุดเลย เพราะเป็นช่วงที่ทุกปมจะเฉลยออกมาเเละมันก็ค่อนข้างที่จะดีพอเข้าใจในความหมายจนน้ำตาซึม เเต่เเล้วหนังก็จบอย่างรวดเร็วเเม้จะตอบคำถามของคอละคร เเต่ส่วนตัวมองว่ามันรวบรัดไปหน่อย อดคิดไม่ได้ว่าจะมีภาคต่อ ซึ่งส่วนตัวมองว่ามีหรือไม่มีก็ไม่เสียหาย เพราะหนังมันก็จบในตัวได้อยู่เเล้ว
การกำกับหนังเเละภาพ
ลายเซ็นพี่อ๊อฟไม่ทิ้งลายเดิม เพิ่มเติมคือมุมกล้องที่มีความพัฒนาขึ้นมาก ดูให้อารมณ์เเบบหนังฝรั่งอินดี้ๆ ที่เเช่ภาพเเล้วให้ตัวละครเเสดงไป เเต่หนังก็มีหลายฉากที่ชวนให้คิดถึงละครเหมือนกัน เเต่ก็ถือเป็นภาพยนตร์ผิดจากการเเสดงตัวอย่างที่มุมกล้องดูไม่ใช่ภาพยนตร์ อาจเพราะมุมกล้องต่างกันด้วย เเถมใส่ความเดดเเอร์เเทนอารมณ์อึดอัด ซึ่งมันก็เยอะไปหน่อย เเต่ก็เห็นอารมณ์ตัวละครได้ชัดเจน สื่ออารมณ์เเละภาพได้ดี นอกจากนี้ยังมีสัญลักษณ์ให้ตีความระหว่างพระนางด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ซึ่งชื่นชมพี่อ๊อฟจริงๆครับ
ส่วนของภาพคุณสยมภู ผู้กำกับภาพมือเยี่ยมจาก Call Me My Your Name เเละ Suspiria กลัว ที่กำลังจะเข้าฉายมากำกับภาพให้ ซึ่งช่วยให้หนังมีลายเซ็นของเขาอีกตรงที่มันมีความฝรั่งโดยเฉพาะการเเสดงฉาก เเสง สีต่างๆ ที่เข้ากับหนังได้อย่างน่าประหลาด ทำให้หนังมีความอินเตอร์เพิ่มมากขึ้นจริงๆ ไม่ปฏิเสธว่าทำไมต่างประเทศถึงยกย่องให้เป็นผู้กำกับภาพที่เก่งกาจ
การเเสดง
- ญาญ่า ในบทสร้อย เราจะได้เห็นผู้หญิงธรรมดาลึกลับซึ่งสื่อสารทุกอย่างผ่านเเววตาเเละอารมณ์ มีเพียงภาษาอีสานที่สื่อสิ่งที่คิดออกมาอย่างเต็มรูปเเบบ ญาญ่าทำได้ดีมากๆ ในเรื่องการพูดสำเนียง ฟังเเล้วเชื่อว่าเป็นคนบ้านดอนไม้ป่าจริงๆ เเถมเเสดงเข้ากันกับ ยายขัน ที่เเสดงโดย ดร.ฉวีวรรณ ดำเนิน ศิลปินเเห่งชาติ ที่เล่นน้อยเเต่มาก ยิ่งฉากสุดท้ายขอซูฮกจนน้ำตาไหลเลย
- ณเดชน์ ในบท ป้องปราบ รับบทเป็นตำรวจผู้ไม่เชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ดี มีความกวนประสาทเเต่ไม่ลบหลู่ มีความเท่ พอจะเป็นซีนอึดอัดหรือตะลึงก็เล่นได้ดี พอมาเล่นซีนตลกร่วมกับ ปอยฝ้ายเเละอิ๊ด โปงลาง ก็ดูไม่โดดไปจากคนอื่นๆ ชวนให้หมั่นไส้ในเวลาเดียวกัน ถ้าคุณหวังดราม่าความรักของพระนางอาจจะต้องผิดหวัง เพราะส่วนใหญ่เป็นการเล่าผ่านภาพมากกว่าที่จะเป็นเเบบถึงเนื้อถึงตัว
- เเต้ว ในบท เจ้าเเม่นาคี ทุกฉากที่สื่อออกมา เเต้วทำให้เจ้าเเม่นาคีมีชีวิตจิตใจมากกว่าในเวอร์ชั่นละคร เเม้ฉากจะมีไม่มากก็ตาม
- เคน ผมทึ่งกับเคนมากในบทของทศพล ออกคู่กับเเต้ว เเละเเทบจะไม่มีบทพูดอะไรเลย เเต่เราเห็นเรารู้สึกเลื่อมใส ใบหน้าเเฝงไปด้วยบุญ รอยยิ้มอาจทำให้ใจละลายเเล้วผมก็มองว่าหล่อกว่าในละครมากๆ
- ปอยฝ้ายกับอิ๊ด ตัวตลกของหนังอย่างเเท้จริง ตลกตั้งเเต่สำเนียง ยันตลก Visual ที่มีเข้ามาเวลาเคร่งเครียด
- อุ้ม ตอนเเรกคิดว่าจะโอเวอร์เเอคติ้ง เเต่เปล่า เธอทำได้ดีมากในบทสำคัญที่คิดว่าทุกคนที่ดูละครน่าจะรู้จักกันดี
CG
- โคตรดี โคตรเจ๋ง มีน้อยเเต่ใช้คุ้ม ใส่กันจัดเต็มไม่เกรงใจทุน เพราะใช้ทีมเดียวกับที่ทำในละคร เเต่เพิ่มรายละเอียดชวนตื่นตามากขึ้น เเต่ก็มืดไปนะ
ดนตรีประกอบ
- เหมือนได้ฟังเพลงตัวอย่างเเบบโบราณๆ เเต่ยาวขึ้น เเละเข้ากับภาพยนตร์ดี ตื่นตาตื่นใจเเละเงียบงันจนน่ากลัว เขาตั้งใจให้หนังมีความลึกลับก็ถูกเเล้ว
- เพลงประกอบสายเเนนหัวใจ ของก้อง ห้วยไร่ เป็นเพลงที่ถูกเเต่งขึ้นมาเพื่อหนังเรื่องนี้อย่างเเท้จริง เสริมให้เห็นภาพความรักเเละความสัมพันธ์ของพระพระนางให้อินได้ดีเลย เเต่ในเวอร์ชั่นเอนเครดิต เป็นเวอร์ชั่นร้องร่วมกับ ไข่มุก เดอะวอยซ์ ด้วยนะครับ อย่าออกจากโรงก่อนล่ะ เพราะมาก
ประเด็นของหนัง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- อดีตก็ให้มันเป็นเรื่องของอดีต อย่าให้มันกลับมาทำให้เจ็บปวดอีก
- ความรักมีอานุภาพเกินกว่าจะอธิบายด้วยเหตุผล ไม่ว่าจะรักอย่างบริสุทธิ์หรือรักด้วยความชิงชังก็ตาม
ข้อเสีย
- หนังมีเดดเเอร์ที่ชวนอึดอัดยาวไปนิด
- หนังรวบรัดในบางช่วง เเละก็อืดในช่วงกลางๆ
- ประเด็นบางอย่างถ้าพลาดไปเล็กน้อยอาจคิดว่าหนังไม่สมบูรณ์
- เนื้อเรื่องไม่ไกลไปจากละครเท่าไหร่ เเต่ทำให้มันดูง่ายมากกว่าเดิม ซึ่งอาจะเป็นข้อเสียสำหรับคนที่อยากเห็นอะไรใหม่ๆ ที่ไม่เหมือนละคร
หนังอาจจะเป็นเเค่ ชม.ครึ่ง เเต่มันก็น่าประทับใจที่หนังเรื่องนี้เหมือนมีมนต์สะกดมากๆ มันมีอะไรบางอย่างที่เชื่อมโยงกับคนไทยได้ในเรื่องความเชื่อผสมผสานกับความเรียบง่ายที่เข้าถึงผู้คน โดยใส่ความเเฟนตาซีเข้าไปอย่างลงตัว ผมเชื่อว่าหนังเรื่องนี้ควรค่าเเก่การดูซ้ำ หรือจะดูหนึ่งรอบ ก็ถือว่าหนังทำหน้าที่ของการเป็นภาคต่อของละครที่ดีมากๆเเล้ว เเต่ส่วนของความเป็นภาพยนตร์ คนอาจจะมองว่า มันก็เเค่ละครในจอจะไปดียังไง เเต่ก็อยากให้ทุกคนลองไปสัมผัสดู ชอบไม่ชอบไม่เป็นไร เเต่อยากให้ไปลองดูว่า "ความเชื่อ" นั้น เป็นเรื่องมหัศจรรย์ขนาดไหน
9/10 ครับ ห้ามพลาดเด็ดขาด
ปล.เพลงสายเเนนหัวใจถ้าตีความดีๆ จะเห็นบางอย่างครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้