วันหนึ่งเมื่อ 28 ธันวาคม 2560 เรานอนอยู่บ้าน แล้วได้ยินเสียงลูกสุนัขร้อง เสียงดังมาก จึงวิ่งอิกไปดู เดินตามเสียงนั้นไปเรื่อยๆ ปรากฏว่าเราเจอกับสุนัขตัวใหญ่2-3ตัว กำลังวนเวียนอยู่บริเวณป่าหญ้า แล้วก็มีเสียงสุนัขร้อง ผมจึงไล่สุนัขตัวใหญ่ออกไป แล้วก็เข้าไปดูใกล้ๆ ก็เก็นลูกสุนัขตัวเล็กน่ารักตัวหนึ่ง ในขณะนั้นมันมีลักษณะที่กลัวเป็นอย่างมาก ตัวสั่น ผมเลยอุ้มมันขึ้นมาแล้วพากลับบ้าน ซึ่งจุดที่พบอยู่ไม่ไกลจากตัวบ้านมากนัก ตอนที่อุ้มมามันเกร็งตัวแข็งและพยายามซุกในมือ เนื่องจากมันกลัวมากๆ หลังจากที่อุ้มมาผมก็สำรวจดูว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้างหรือไม่ ก็ไม่พบแผลหรือร่องรอยการโดนทำร้ายแต่อย่างใด ช่วงเย็นผมได้อาบน้ำให้มัน กำจัดเห็บหมัด ที่นอนที่ชอบที่สุดคือ กะละมัง(ความรู้สึกมันคงคิดว่าอยู่ในกะละมังแล้วปลอดภัย) เวลาผมเดินไปไหนก็จะคอยมองตลอดและก็ตามติด ซึ่งที่บ้านก็มีสุนัขอยู่แล้วหลายตัว แต่สิ่งที่สังเกตุได้คือ มันกลัวพวกสุนัขโตมาก ไม่กล้าออกจากบ้าน ไม่กล้าไปไผนคนเดียวเลย ผมต้องพาออกไป คอยดูอยู่ใกล้ๆไม่ห่าง กลัวทุกอย่างหวาดระแวง กลัวกระทั่งการนอนคนเดียว ไม่กล้านอนเองผมเลยต้องพาเข้ามานอนด้วยในห้อง เป็นอยู่แบบนี้จนกระทั่งสองเดือนมันก็เริ่มคุ้นชินกับสุนัขโตบ้าง กล้าเล่นเพราะสุนัขโตไม่ได้ทำอะไรมัน แต่เรื่องนอนคนเดียวก็คงยังไม่หาย ต้องนอนด้วยกันทุกวัน แต่เรื่องที่ผมจะเล่าต่อจากนี้... เป็นเรื่องน่าเศร้าและเสียใจที่สุด เหตุเกิดเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา สุนัขของผมมีอาการเซื่องซึมไม่ค่อยกินอาหาร และไม่ร่าเริงแบบปกติ เป็นอยู่ประมาณสองวัน ผมจึงพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลสัตว์แห่งหนึ่ง หมอก็ได้ทำการตรวจและรักษา ฉีดยาให้ แต่ในวันรุ่งขึ้นก็ยังไม่ดี มีอาการชักเข้ามาร่วมด้วย จึงรีบนำกลับไปหาหมออีกครั้ง หมอก็ฉีดยาให้และระบุว่า อาจจะเป็นโรคชัก ซึ่งต้องใช้ระยะเวลารักษาประมาณ 1 ปี กินยาต่อเนื่องทุกวัน และในวันถัดมาก็ยังคงชักอีกเหมือนเดิม ผมจึงตัดสินใจเปลี่ยนที่รักษา ไปรักษากับคลินิกที่สอง ฟมอตรวจแล้วบอกว่าเป็นโรคหัดขึ้นสมอง ซึ่งโรคร้ายแรงมาก ให้ได้แค่ยาประคับประคองอาการ รักษาอยู่ระยะหนึ่งก็รู้สึกว่าไม่ดีขึ้นเลย ทรุดลงเรื่อยๆ จากที่เดินได้ขาหลังก็เริ่มอ่อนแรงลงไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายขาหน้าและขาหลังไม่มีแรงเดินเลย สามารถกินอาหารและน้ำได้แต่กินได้น้อยมาก ผมจึงตัดสินใจเปลี่ยนมารักษากับคลินิกที่สามหลังจากตรวจดูลักษณะภายนอก หมอก็ได้บอกว่าเป็นหัดขึ้นสมอง เหตุที่เดินไม่ได้เนื่องจากอาการชัก ซึ่งในตอนนั้นหมาอาการทรุดหนักมากแล้ว หมอจึงบอกว่าลองรักษาไหม? ผมก็ตัดสินใจลอง หมอใช้ยาอย่างดีฉีดที่สุดฉีดเข้าเส้นเลือดและให้น้ำเกลือ หมอบอกว่าหมอให้เวลาสามวัน ถ้าไม่ตอบสนองต่อยา ก็คงต้องทำใจนะ เพราะตอนนี้เค้าอยู่ได้เพราะน้ำเกลือ แต่ผมก็ยังมีหวังพาไปฉีดยาทุกวัน จนครบสามวันหมาก็ไม่ดีขึ้นและทรุดลงเรื่อยๆ หมอจึงตัดสินใจหยุดการรักษา เพราะไม่ตอบสนองต่อยาใดๆเลย จากนั้นไม่นาน เมื่อวันที่12 ตุลาคมเค้าก็จากผมไปอย่างสงบ เราสู้ด้วยกันมาประมาณสองสัปดาห์ ผมไม่คิดเลยว่าจะเสียเค้าไป คิดแค่เค้าอาจจะพิการเดินไม่ได้เหมือนเดิม ก็ไม่เป็นไร เราพร้อมที่จะดูแล แต่สุดท้ายก็ต้องเสียเค้าไป มันเร็วมากเป็นระยะเวลาที่ทุกคนบอกให้ทำใจ แต่ผมไม่เคยทำใจได้เลย จนกระทั่งเสียไปก็ไม่สามารถทำใจได้ ผมเราเค้ามากเค้าเปรียบเหมือนเพื่อนเหมือนน้องเหมือนคนในครอบครัวคนหนึ่ง ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้กลับมาแล้วเจอเค้า เวลาที่ผมกลับบ้านมาเค้าจะงับมือผมแล้วจูงมือผมเดินเข้าบ้านทุกครั้ง จะแสดงอาการดีใจมาก เค้าทำแบบนี้ทุกครั้ง เมื่อมีสุนัขตัวอื่นเข้าใกล้ผมที่ไม่รู้ตักเค้าจะพยายามปกป้องผม แม้แต่สุนัขในบ้านเมื่อเข้าใกล้ผมเค้าก็จะคอยเอาตัวเองมาบังไม่ให้เข้ามาใกล้ วันนี้ผมเสียใจที่สุดเสียใจมากๆอยากบอกกับเค้าว่าไม่ต้องห่วง หลับให้สบาย นายเป็นหมาที่น่ารักและไม่เคยทำให้เราเสียใจเลย ทุกวันนี้มันเหมือนขาดบางสิ่งบางอย่างไปคงต้องใช่เวลารักษาและเยียวยาจิตใจต่อไป😷 รักมากนะ
เมื่อต้องเสีย สุนัขที่รักที่สุดไปตลอดกาล