[CR] Bana Hills, Golden Bridge แลนด์มาร์คสุดฮิต เมืองดานัง


Mercure Bana Hills French Village หนีร้อนไปพักใจ สไตล์ฝรั่งเศส ใจกลางหุบเขา
ลงเครื่องที่ดานัง แต่เหมือนวาร์ปไปอยู่หมู่บ้านฝรั่งเศส ตอนเด็กๆ ได้ยินคำว่าตากอากาศ ก็ไม่เข้าใจว่าจะไปนั่งเฉยๆ ไกลๆ ทำไม แต่พอมาถึงบานาฮิลล์ (Bana Hills) แล้ว ก็ไม่อยากขยับตัวไปไหนอีกเลย

ตามเรามา เพราะเราจะเปิดประตูปราสาทหลังใหม่ที่พร้อมให้เราพักใจ ที่ไกลจากกรุงเทพแค่ไม่ถึง 2 ชั่วโมง

การเดินทางจากสนามบินดานัง ให้เรากดเรียก Grab Car มาได้เลย ราคาไม่เกิน 287,000 VND ระยะทางก็ประมาณ 40 กิโลเมตร แปบเดี๋ยวก็ถึงแล้ว

ค่า Cable Car คนละ VND 400,000 (จากราคาปกติ VND 650,000) สำหรับแขกที่เข้าพัก


เริ่มต้นจากสถานี Cable Car ซึ่งเป็นสถานีเฉพาะของแขกที่เข้าพักโรงแรม (Toc Tien Station) พนักงานดูแลและบริการแบบหรูหรามาก เพราะมารถกอล์ฟมารับถึง

รถแท็กซี่ ช่วยยกกระเป๋าและนำทางไปจนถึง เค้าเตอร์โรงแรม เพื่อทำการเช็คอินที่สถานีด้านล่าง ทั้งกรอกเอกสารต่างๆ และชำระค่า cable car ซึ่งไม่ได้รวมอยู่ใน

ค่าห้องพัก ซึ่งช่วงที่เราเข้าพักมีโปรโมชั่นเคบิ้ลค่าด้วย


เราไปถึงตอนเช้าทางโรงแรมก็มีบริการรับฝากกระเป๋า ให้เราไปดูสถานที่ได้ก่อน เพราะ French Village ใหญ่มาก แนะนำให้หยิบแผนที่มาติดตัวไว้ เพราะหลงทาง


ได้ง่ายๆ ไม่ใช่แค่วิว แต่อากาศที่นี่ดีมาก เพราะนั่งกระเช้าที่ได้สถิติ ‘ที่สุดในโลก’ ในประเภท กระเช้าไฟฟ้าที่สายเคเบิลยาวที่สุดในโลก 11,587 เมตร อากาศเย็นๆ


ประมาณ 15 องศา โอยยย ไม่กลับบ้านแล้วได้ไหม

ทำไมถึงตัดสินใจนอนพักบนยอดเขาบานาฮิลส์นี้
Bana Hills ตอนกลางวันนักท่องเที่ยวเยอะมากกกกก (ก.ไก่ 200 ตัว) เพราะ Mercure French Village เราจะได้ห้องพักในปราสาทส่วนตัว กับอากาศเย็นๆ สุดชิลล์

ที่เหมือนวาร์ปไปยุโรป แถมยังเป็นเคล็ดลับที่เราจะได้ถ่ายรูปกับ สะพานมือแบบส่วนตัว เวรี่วีไอพี แบบที่เพื่อนทั้ง IG ต้องกรี๊ดด้วยความอิจฉา


ขอบอกว่านอกจาก French Village และ Fantasy Park ที่ Bana Hills บนยอดเขานี้แห่งนี้ยังมี อีกหลายจุดให้เดินเที่ยวเล่นเที่ยวชม ดังนั้นหากคิดว่า เวลาแค่ครึ่ง

วันบน บานาฮิลล์ บอกเลยว่าคิดผิด เพราะเราใช้เวลาบนนี้สองวันหนึ่งคืนก็ยังไม่ได้มีเวลาเล่นเครื่องเล่นซักเครื่อง เลย เพราะแค่ถ่ายรูปก็ฟินหมดเวลาแล้ว


Bana Hills เป็นหนึ่งในโครงการใหญ่ยักษ์ของ Sunworld ผู้ขยันสร้างสวนสนุกทั่วเวียดนาม แต่เค้าทำได้ดีนะเว้ย French Village ไม่ใช่สร้างเล่นๆ เพราะทุกอาคาร เป็นห้องพักจริงๆ ดังนั้นอย่าเผลอไปเคาะเข้าหล่ะ

ได้เวลาเที่ยง ความหิวก็จู่โจม แต่ไม่ต้องกลัวไป เพราะที่ โรงแรม Mercure Bana Hills French Village แห่งนี้ มีห้องอาหาร และบาร์หลายจุด

- Café Postal - บริการเครื่องดื่มชา-กาแฟและอาหารทานเล่น
- L’Etable Restaurant – อาหารเวียดนาม/ฝรั่งเศส
- Le Grenier – บริการเบียร์ ไวน์ และ European snacks
- Le Troquet Du Coin - บริการเครื่องดื่มชา-กาแฟและอาหารทานเล่น
- La Crique – เป็นห้องอาหารหลักที่อยู่กับตัวโรงแรม


เราเลือก L’Etable เพราะอยากกินทั้งอาหารฝรั่งเศส และอาหารเวียตนาม ที่ราคาดีมาก สเต็กเนื้อคือดีงาม ราคาแค่ 500 บาทนิดๆ เอง แต่สิ่งที่ประทับใจคือสลัดบาร์ที่มีความเวียตนามมาก ทั้งผักและน้ำสลัด อิ่มฟินกันไป

สำหรับห้องพักที่เราจองมานั้นเป็นแบบ Family Bunk Bed ซึ่ง หารกันสี่คนแล้วตกคนละพันนิดๆ ดีงามมาก ตอนแรกก็แอบกลัว แต่ก็หลับสนิทพร้อมตื่นมาถ่ายรูปรัว


หลังจากเดินเล่นแล้วเราก็เข้าเช็คอิน ก็เจอกับ Welcome Dessert พร้อมมาการองสีสันสดใส ฝรั่งเศสไปอีก พอได้นอนเล่นกันนิดหน่อยแล้ว เราก็อยากหลบคนเยอะๆ เลยเลือกไปสปา กะว่านวดเบาๆ แต่ที่ไหนได้ Spa ที่นี่ นวดน้ำมันจัดเต็ม สบายจนอยากต่ออีกชั่วโมงเลย (แต่เกรงใจเงินในกระเป๋า แหะๆ) พออกมาจาก

สปาก็เลยไป Rhone Spa พักผ่อนแบบเต็มที่ก็ต้องมาสปากันหน่อย ที่นี่น้องดูตัวเล็กแต่ฝีมือดีมาก หายเหนื่อยไปอีกหลายวัน


หากมีเวลาสามารถไปใช้ Facilities อื่นๆที่ใช้ได้เฉพาะกับแขกโรงแรมเท่านั้น ที่นี่มีสระว่ายน้ำแบบคุมอุณหภูมิค่ะ น้ำอุ่นมาก (เดินแยกออกมาจากตัวอาหารห้องพัก) และมี 2 โซนคือสระปกติและสระเด็ก ในส่วนของสระเด็กนั้นจะมีสไลเดอร์ด้วย ถึงสระจะตื้นแต่ก็มีพื้นที่กว้างขวางพอสมควร

ได้เวลาทัวร์บานาฮิลล์ เรานั่ง กระเช้าลงไปที่สวนดอกไม้ แล้วนั่งรถรางไปแวะดูสะพานมือ แต่ก็ได้แต่ยิ้มแห้ง เพราะหมอกลงหนักมาก เห็นแค่ปลายนิ้ว เราเลยเก็บใจกลับห้องพัก เราสามารถนั่งกระเช้ามาที่สถานี Jardin แล้วนั่งรถรางไปต่อได้ ติดเสื้อหนาวมาด้วยนะ เพราะข้างบนอาจจะเย็นได้ถึง 10C เลย


มาถึงไฮไลท์ของทริป เราตื่นมาด้วยความดีใจ เพราะ ฟ้าโปร่ง! เคล็ดลับคือให้รีบมาที่กระเช้า แล้วนั่งกระเช้าแรกที่เริ่มตอน 07.15 ลงมา แล้วคุณจะได้สะพานทองคำมือยักษ์เป็นของตัวเอง แต่อาจจะต้องตบตีกับทีมพรีเวดดิ้งเวียตนามนิดหน่อย แต่ความฟินนั้นคุ้มค่า อยากให้ทุกคนได้มาลองจริงๆ


สะพานมือที่คนแชร์กันให้เต็มฟีด มาเห็นของจริงพูดเลยว่าดีงามมาก แต่ต้องมาตอนไม่มีคนนะ ไม่งั้นจะเห็นแต่คน ไม่เห็นมือ

เคล็ดลับคือเรานอนที่ Mercure Bana Hills French Village แล้วนั่งกระเช้าแรกที่เริ่มตอน 07.15 ลงมา แล้วคุณจะได้สะพานทองคำมือยักษ์เป็นของตัวเอง แต่อาจจะต้องตบตีกับทีมพรีเวดดิ้งเวียตนามนิดหน่อย แต่ความฟินนั้นคุ้มค่า ถ่ายรูปเสร็จ หมอกก็ลงพอดี เราก็ไปกินข้าวเช้า ....แล้วแอบไปนอนต่อ ฮ่าๆ รับหมอกยามเช้าบนความสูงระดับ 1500 เมตร เหนือน้ำทะเล ก็จะสดชื่นมากหน่อย

ลงรูปปุ๊บ เพื่อนต้องถามว่า ถ่ายได้ยังไง เพราะเห็นแต่รูป คนเต็มสะพาน ..เราก็บอกไปเลยว่า นอนที่ Mercure Bana Hills French Village สิ ได้รูปนี้แน่นอน


วิวยามเช้าที่ หมู่บ้านฝรั่งเศส จะเป็นของเราคนเดียว (กับคนเวียตอีกนิดหน่อย) ... ร๊ากกกกกก


วิวจากร้านชา ด้านบนของ French Village มุมนี้เหมือนไปอยู่ ฮอกวอร์ต ยังไงยังงั้น ยิ่งหมอกหนาๆนะ ... ฮอกมีดไปทางไหน จ๊ะ สาจ๋า


ยอดเขานี้นอกจาก French Village ยังมีเจดีย์แบบจีนอยู่ด้านบนสุดด้วยนะ


บนบานาฮิลล์นี่เรียกได้เลยว่ามาเหนือเมฆ แต่ถ้าอยากนอนเหนือเมฆก็ง่ายๆ เลย ที่ Mercure Bana Hills French Village

Bana Hills มีครบทั้ง ที่พัก สวนสนุก จุดชมวิว ร้านอาหาร คาเฟ่ ถือเป็นที่พักตากอากาศดีที่สุดของเวียดนาม อีกหนึ่งสถานที่สุดฮอต เป็นที่นิยมมากที่สุดแห่งหนึ่ง ที่ใครๆ ก็ต้องมาเช็คอิน ถ่ายรูปฟินๆ อัพเฟส อัพไอจี ให้เพื่อนอิจฉาเล่นๆ

ขอโทษที่เรามาฝรั่งเศสแบบไม่ได้บอกเพื่อน ครั้งหน้าเราจะชวนมานะ

ที่ตั้ง : An Son Hamlet, Hoa Ninh Commune, Hoa Vang Province, Danang City, Vietnam อยู่ห่างจากสนามบินดานังและสถานีรถไฟ 40 กม.
Facebook : https://www.facebook.com/MercureBanahills
ชื่อสินค้า:   Bana Hills - Danang - Vietnam
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง โดยได้รับส่วนลดหรือสิทธิพิเศษจากเจ้าของสินค้าเพื่อแลกกับการรีวิว
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่